นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้น นับเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้น สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดจึงเป็นเรื่องที่น่าคิดพิจารณา โดยล่าสุดนี้ได้ชี้ให้เห็นว่ามีการตั้งพรรคการเมืองหลายพรรค เป็นการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย เพื่อแก้ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเตือนว่าต้องระวังกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย
น่าเสียดายที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นและพูดเฉพาะของด้านพรรคเพื่อไทย แต่ไม่พูดในอีกด้านหนึ่งว่ามีการจัดตั้งหรือประสานพรรคการเมืองหลายพรรคเช่นเดียวกัน
ความจริงในทางการเมืองปัจจุบันนี้ บรรดานักการเมืองได้ไปไกลกว่าความคิดอ่านของนักร่างรัฐธรรมนูญไปมากแล้ว โดยนักร่างรัฐธรรมนูญเข้าใจผิดคิดว่าการวางค่ายกลทางกฎหมายเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากในสภาเป็นความคิดที่วิเศษ แท้จริงเป็นเรื่องโง่เขลาเบาปัญญาอย่างยิ่ง หรือไม่ก็แกล้งโง่โดยมีวาระซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างที่คนทั้งหลายอาจไม่คาดคิด แต่อย่าเข้าใจว่าไม่มีใครคิด
อันกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เขียนขึ้นและต้องมีลักษณะตายตัว ไม่มีทางดิ้นรนเหมือนคน ดังกรณีผีกลัวน้ำมนต์จากกรณีที่ ป.ป.ช. ออกข้อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งอธิการบดีและกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สิน เป็นต้น แต่สำหรับคนนั้นมีชีวิต ดิ้นรนพลิกพลิ้วแปรผันไปตามสภาพไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นกฎหมายจึงไม่อาจจำกัดขัดขวางคนได้ในทุกกรณีและตลอดไปจะทำได้แต่เฉพาะบางกรณีและชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นสิ่งที่พัฒนาและต้องพัฒนาโดยคนที่มีมโนธรรมสำนึก ไม่ใช่โดยพวกฉ้อฉลยอมตัวขายตนให้กับอำนาจหรือเงินทองเหมือนกับคนบางพวก
ก็แลเมื่อการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ปักหมุดว่าจะต้องไม่ให้พรรคการเมืองใดได้รับเสียงข้างมากในสภา ซึ่งแท้จริงก็คือการทำหมันให้กับระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง เพราะการที่พรรคการเมืองไม่สามารถมีเสียงข้างมากในสภาถ้าหากว่าประชาชนสนับสนุนอย่างท้วมท้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการปล้นอำนาจของประชาชนอยู่ในตัว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว
ดังนั้นเมื่อนักการเมืองเห็นหมุดที่นักร่างกฎหมายขับเคลื่อนที่จะวางขวากหนามต่างๆ เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยเนื้อหาสาระคือจำกัดขัดขวางลิดรอนทุกอย่าง รวมทั้งการกำหนดจำนวนขั้นสูงที่พรรคการเมืองจะมีผู้แทนราษฎรได้เพื่อไม่ให้เป็นเสียงข้างมาก
ซึ่งก็คือการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยให้อ่อนแอลงนั่นเอง นักการเมืองจึงต้องดิ้นรนหาทางแก้ไขข้อจำกัดเช่นนี้ ซึ่งก็คงทำกันทุกฝ่าย ยกเว้นก็แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งยังต่อสู้กันภายในไม่เสร็จ ที่ยังไม่เห็นจะคิดอ่านตั้งพรรคย่อยพรรคสาขา หรือเพราะรู้ดีแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะอย่างไรก็คงไม่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงพรรคเดียว
ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศว่าพรรคที่สนับสนุนท่านจะได้คะแนนเสียงรวมกันถึง 300 เสียง ก็มีคนบางพวกหัวเราะเยาะในขณะที่คนบางพวกก็หัวเราะเยาะคนที่หัวเราะเยาะนั้น เสียงหัวเราะตลบหน้าตลบหลังกันไปเป็นระยะๆ จนกระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาชี้ให้เห็นว่ามีการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย
สิ่งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดก็คือการชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่จะตั้งกลุ่มพรรคการเมืองหลายพรรค แต่มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน นั่นคือทำแต่ละพรรคไม่ให้ติดข้อจำกัดการได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หรือนัยหนึ่งก็คือแต่ละพรรคไม่จำเป็นต้องได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อรวมกันทุกพรรคแล้วก็อาจมีคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่ง
ซึ่งขณะนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่า กลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร นั้นมีจำนวน 5 พรรค อย่าให้ต้องเอ่ยชื่อเอ่ยนามกันเลย เพราะทุกคนคงทราบดีกันอยู่แล้วว่ามีพรรคไหนบ้าง นี่คือกลยุทธ์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยดังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดนั่นเอง
สิ่งที่จะต้องพิจารณาต่อไปก็คือ เมื่อแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยแล้ว หากทำไม่ดี จัดไม่เป็น ก็จะกลายเป็นเบี้ยหัวแตกได้ฉันใด การทำพรรคการเมืองเป็นหลายพรรค หากจัดการไม่ดี ทำไม่เป็น ก็จะกลายเป็นเบี้ยหัวแตกฉันนั้น
แต่ทว่าระบอบทักษิณซึ่งได้ริเริ่มตั้งพรรคไทยรักไทยมาแต่เดิมนั้นต่างกับพรรคการเมืองทั้งหลายในประเทศไทย เพราะเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เรียนรู้วิชาสร้างพรรคและหลักการจัดตั้งของพรรคการเมือง จึงได้ชื่อว่าเป็นพรรคมวลชน ในขณะที่พรรคอื่นๆ เป็นแค่พรรคสภา คือขาดการจัดตั้งมวลชน องค์กรของพรรคไม่แน่นอน อ่อนแอ และไร้ประสิทธิภาพ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนคนเดียว หรือ 2-3 คน
เมื่อครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย มีการจัดตั้งคณะกรรมการภาคที่ดูแลรับผิดชอบงานมวลชนและงานจัดตั้ง ตลอดจนงานแนวร่วม ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่แต่ละภาค โดยมีคณะกรรมการภาคดูแลรับผิดชอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ดังนั้น การบริหารกิจการของพรรคในแต่ละภาคซึ่งดูแลรับผิดชอบทุกจังหวัดในภาคนั้นๆ จึงเป็นเอกภาพ และมีระบบการจัดตั้งสั่งการชัดเจน
ครั้นลอกคราบมาเป็นพรรคพลังประชาชน ระบบการจัดตั้งดังกล่าวก็สืบทอดต่อมา แม้ในวันนี้ระบบการจัดตั้งดังกล่าวนั้นก็ดำรงคงอยู่ในพรรคเพื่อไทย
ที่ว่าแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยก็คือการมีพรรคการเมืองหลายพรรคและดูการขยับขยายถ่ายเทผู้คนในลักษณะแปรขบวนเหมือนหนึ่งแปรขบวนค่ายกลพยุหะ ก็พอจะเห็นลู่เห็นทางได้ชัดว่ากำลังมีการปรับขบวนให้องค์กรบริหารแต่ละภาคเคลื่อนย้ายไปเป็นกรรมการบริหารหรือผู้รับผิดชอบพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่เป็นเครือข่าย
ก็จะก่อรูปพรรคการเมือง 5 พรรค ที่บริหารโดยคณะบุคคลซึ่งเคยมีประสบการณ์และบทเรียนในการเป็นคณะกรรมการภาคมาแต่ก่อน และคงอาศัยฐานมวลชนในระดับจังหวัดและเขตเลือกตั้งที่เคยจัดตั้งมาก่อนนานแล้วนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อปรับขบวนจัดตั้งในลักษณะเช่นนี้ ถึงจะมีพรรคหลายพรรค แต่การขยับขับเคลื่อนก็คงเป็นไปในทิศทางเดียวกันนั่นเอง เป็นแต่ว่าระบบบัญชาการกลางนั้นอาจจะไม่มีลักษณะเป็นพรรคการเมือง หรืออาจจะใช้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นศูนย์กลางประสานงาน หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นเรือธงให้กับขบวนเรือการเมืองเหล่านั้น
ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เตือนว่าอย่าประมาทพรรคเพื่อไทยนั้นจึงเป็นเรื่องที่ฟังได้ และสะท้อนถึงความจริงอันลึกซึ้งที่กำลังขยับขับเคลื่อนอยู่ในสมรภูมิการเมืองของประเทศ ที่จะมีอิทธิพลและบทบาทต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปในเวลาอีกราวร้อยกว่าวันข้างหน้านี้
ในสมรภูมิการเมืองของประเทศ นอกจากกลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร แล้ว ก็ยังมีกลุ่มพรรคการเมืองที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ก็ประกาศตัวชัดเจนมาโดยลำดับแล้ว ไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวในรายละเอียดอีก
ทว่าการจัดกระบวนและการขับเคลื่อนนั้นดูเหมือนว่ายังคงสับสนอลหม่าน บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะเดินหนทางสายพรรคใหญ่หรือรวมแบงก์ย่อยเป็นแบงก์พัน แต่บางครั้งก็ดูเหมือนว่าแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ย่อย บางครั้งก็ขยับสลับไปมาดังปรากฏการณ์ที่เห็นอยู่นั่นแหละ
อีกไม่นานก็คงจะมีความชัดเจนว่าจะเดินหนทางไหนกันแน่ แต่ถ้าเดินหนทางพรรคใหญ่ รวมแบงก์ย่อยเป็นแบงก์พันก็คงจะติดตาข่ายทางกฎหมายที่วางดักแร้วไว้เอง แต่กลับจะติดแร้วนั้นเสียเอง
หรือถ้าจะแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยก็ยังต้องตระเตรียมความคิดเกี่ยวกับบทเรียนและประสบการณ์และความผันแปรทางการเมือง ที่ประดุจดังน้ำหลากหลายชนิดกำลังมาบรรจบกันที่ปากแม่น้ำ ซึ่งมีทั้งขยะ สวะ หมาเน่า และสิ่งปฏิกูล รวมทั้งผักบุ้ง ผักตบ ที่มีดอกอันสวยงามลอยคละกันมาว่าจะเป็นฉันใด
อย่าให้ติดแร้วที่วางดักสัตว์เสียเองก็แล้วกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี