ประชาธิปไตยในประเทศไทย ไม่เคยครบองค์ประกอบสมบูรณ์กว่า 80 ปีที่ผ่านมา เพราะผู้ที่อ้างว่าสถาปนาประชาธิปไตยมักง่าย ใช้คำว่า ชั่วคราว ต่อเนื่องกันมาจนเป็นประเพณี หลังจากสมคบกันยึดอำนาจ ตอนย่ำรุ่ง 24 มิ.ย. 2475 ผู้ที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร เข้ามามือเปล่าไม่มีสถาบันหรือกองกำลังใดๆเป็นของตัวเอง ผู้ก่อการฝ่ายพลเรือนสมคบกับทหารบางนายหลอกนักเรียนทหารออกมาชมการซ้อม พอมาถึงที่หมายกลายเป็น ว่ามาร่วมกันปล้นพระราชอำนาจ ประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
เปลี่ยนการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา ต้องมีฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร รองรับ และแต่ละฝ่ายที่รวมกันองค์ประกอบประชาธิปไตย ต้องมีสถาบันหรือสถานที่ทำงานเป็นของตัวเอง แต่ด้วยความไม่พร้อมของคณะราษฎร เมื่อปล้นพระราชอำนาจได้แล้วไม่มีสถานที่บริหารราชการ เลยมักง่ายใช้เขตพระราชฐานเป็นที่ทำงานชั่วคราว
พระที่นั่งอนันตสมาคม หลังจากใช้เป็นสถานที่กักขังเจ้านายไว้เป็นตัวประกันแล้ว คณะราษฎรก็ใช้เป็นที่ทำงานบริหารราชการชั่วคราว ใช้เป็นที่ประชุมสภาชั่วคราว ต่อมาบ้านนรสิงห์ และบ้านมนังคศิลา ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงสร้างไว้ใช้เป็นทำเนียบรัฐบาล จนวันนี้ ความมักง่าย ของฝ่ายที่อยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย ได้ใช้สถานที่ชั่วคราว พอนานเข้าไม่ยอมย้ายไปไหน ใช้สถานที่นั้นๆ เป็นการถาวร “รัฐสภาซึ่งเป็นต้นน้ำของกระบวนการประชาธิปไตย เป็นที่ประชุมสส.และ สว. เพื่อสรรหาประธานสภา สรรหาผู้นำรัฐบาล และ เป็นที่ทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ..” แต่แปดสิบกว่าปีที่ผ่านมารัฐสภาไทยไม่เคยมีสถานที่ทำงานถาวรเป็นของตัวเอง แปดสิบกว่าปีที่ผ่านมารัฐสภามีแต่คำขอใช้สถานที่ชั่วคราว
ฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ร่วมกันแสวงหาสถานที่สร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อได้ออกไปจากเขตพระราชฐาน ปี 2536 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย จุดประกายแนวคิดจะใช้ที่ สนามม้านางเลิ้ง เป็นสถานที่ก่อสร้างสภาแห่งใหม่ ต่อมาในรัฐบาลชวน 2 (ปี 2542) กลับลำเปลี่ยนให้ย้ายมาใช้ที่ดินของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปัญหาสถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ หารือกันมาห้ารัฐบาลใช้เวลากว่า 20 ปี“โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่” ก็ได้ข้อสรุปว่าอาคารรัฐสภาใหม่ หรือ “สัปปายะสภาสถาน” มูลค่ากว่า 12,280 ล้านบาท สร้างบนที่ดินราชพัสดุ ย่านเกียกกาย ขนาดเนื้อที่กว่า 123 ไร่
ในเดือนมีนาคม 2556 สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดประมูลคัดเลือกเอกชนเพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาและอาคารประกอบโดย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคาต่ำสุดได้สัญญาก่อสร้างมูลค่า 12,280 ล้านบาทไป มีระยะดำเนินการ 900 วัน หรือตั้งแต่ 8 มิถุนายน 2556 - 24 พฤศจิกายน 2558
ระหว่างดำเนินโครงการเกิดปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างบริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะ ชุมชนองค์การทอผ้า และบ้านพักทหาร ที่ส่งมอบได้เพียง 80% นำมาสู่การขอขยายเวลาก่อสร้างให้กับบริษัท ซิโน-ไทยฯ โดยสำนักเลขาธิการสภาฯเห็นชอบให้ขยายเวลาครั้งแรกจำนวน 387 วัน จากสิ้นสุดวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เป็น 15 ธันวาคม 2559 เมื่อดำเนินการก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่งประสบปัญหาการระบายดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อสร้างชั้นใต้ดินของอาคารรัฐสภาราว 5 แสนลูกบาศก์เมตร จึงขอขยายเวลาครั้งที่ 2 อีกจำนวน 421 วัน เป็นสิ้นสุดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561
การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้ามากว่าสองปีและได้ขอขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 9 ก.พ. 2561 หมายความว่าถ้าจัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินไปตามวิถีทางอย่างราบรื่น แต่ระบบอุปถัมภ์ค้ำชูระบบลูบหน้าปะจมูกไม่สามารถทำให้กระบวนการประชาธิปไตยเดินไปได้อย่างที่มันควรจะเป็น เพราะหลังจากเส้นตาย 9 ก.พ.2561 ผู้รับเหมาก่อสร้างได้อ้างเหตุผลต่างๆนานาขอเลื่อนการมอบงานเป็นวันที่ 30 มิ.ย. 2562 โดยให้เหตุผลว่าห้องประชุมสุริยัน กับ ห้องประชุมจันทรา สำหรับประชุม สส. และ สว. จะแล้วเสร็จสมบูรณ์หลังวันที่ 30 ก.ย.
อาคารรัฐสภาปัจจุบันที่เลื่อนการส่งมอบพื้นที่ล่าช้ามาแล้วสองปี ล่าสุดเลื่อนกำหนดวันส่งมอบพื้นที่ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ปัจจุบันสำนักงานเลขาฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้ย้ายออกจากอาคารไปทำงานในสำนักงานเลขาฯรัฐสภา ที่ถนนปฏิพัทธ์ และอีกหลายสถานที่ “สรุปคือหลังจาก 31 ธ.ค. 2561 อาคารรัฐสภาปัจจุบันซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานน่าจะสิ้นสุดการใช้งานประชุมรัฐสภา”
แต่ที่น่าตกใจ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายวิษณุ เครืองาม ออกมาชี้แจง Time Line หรือตารางเวลาเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. ปีหน้า ตลอดถึงวันเวลารับรองผลการเลือกตั้ง วันประชุมสภานัดแรกว่าเป็นวันที่ 8 พ.ค. 2562 ทำให้เกิดคำถามว่าในเมื่อสภาจะส่งมอบวันที่ 30 ก.ย. แต่จัดให้มีเลือกตั้งเดือน ก.พ. เลือกตั้งเสร็จแล้วขบวนการต่อไปจะทำกันที่ไหน งานธุรการ และการประชุมสภาจะทำกันที่ไหนอย่างไร นี้ไม่นับรวมที่มีข่าวว่าบริษัทก่อสร้างอาจขอเลื่อนการส่งมอบงานออกไปอีก
มีรายงานว่า ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติกำลังหาสถานที่รองรับการประชุมสภาชั่วคราว จนกว่าสภาแห่งใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ หรือไม่ก็ขอใช้รัฐสภาปัจจุบันไปถึงเดือน มิ.ย. 2562 นี้คือความมักง่ายของฝ่ายการเมือง คือแทนที่จะเร่งรัดบริษัทก่อสร้างให้ทำงานให้แล้วเสร็จตามกำหนด แต่กลับขอต่อเวลาใช้สภาชั่วคราวต่อไปเรื่อยๆ ขอเลื่อนจากพ.ย. 2558 มาเป็นเดือน ก.พ. 2561 พอวันเลือกตั้งใกล้เข้ามาขอเลื่อนไปเป็น 30 มิ.ย. 2562 ถ้าอนุโลมให้ ถ้ายังเห็นแก่บริษัทก่อสร้างต่อไปยอมให้เลื่อนการส่งมอบงาน จะมีการเลื่อนออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ว่า จะมีการเลือกตั้งหลังงานพระราชพิธีสำคัญ จึงอนุมานว่าที่นายวิษณุพูดถึง Time Line วันเลือกตั้ง วันประชุมสภานัดแรก นายวิษณุละเลยสองประเด็นนี้โดยสิ้นเชิง “สองประเด็นที่ว่าอาจไม่สำคัญสำหรับรัฐบาลและนักการเมืองทั่วไป แต่เชื่อว่าคนไทยหลายล้านคนถือว่าสองประเด็นที่ยกขึ้นมามีความสำคัญกว่าการจัดให้เลือกตั้งไวๆ”
ถ้าดูจากข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญ และยุติผ่อนผันเร่งรัดให้บริษัทก่อสร้างมอบงานตามกำหนด 30 มิ.ย. แล้วเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเป็นเดือนเม.ย. หรือ ต้นเดือนพ.ค.ก็ยังอยู่ในกรอบกฎหมายและทันใช้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ อยู่ที่ว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่บริษัทก่อสร้างหรือความสำคัญที่ต้องย้ายไปยังอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ในทางการเมือง ทางการเลือกตั้ง ถ้าดูจากหน้าตานักการเมือง และพรรคใหม่ๆ ที่โผล่ออกมา บอกได้ว่าเลือกตั้งไปก็มีแต่ความวุ่นวายได้ทายาทอสูรกลับมา นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์เพราะทำผิดกฎหมาย พรรคทุนสามานย์ที่กำลังล่มสลายใช้เล่ห์กล แตกพรรค ตั้งพรรคสาขาหวังให้ทายาทและสมุนบริวารรับช่วงล้างผลาญประเทศต่อ เจ้าของพรรคการเมืองบางรายสร้างกระแสวุ่นวาย สร้างเงื่อนไขให้ยุบพรรคที่ตัวสร้างไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง เลี้ยงดูสมุนบริวารที่หมดความจำเป็นต้องใช้ นายทักษิณ ชินวัตร กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ เดินสายด่าประเทศไทยในประเทศเวียดนาม อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ
นายทักษิณ กับนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาละเมิดกม.อาญา มาตรา 112 ประชาสัมพันธ์ครึกโครม ว่าจะจัดเสวนาด่าประเทศไทยในสวีเดน ในวันที่ 6 พ.ย. แต่เจ้าของบ้านเขาไม่ยอมในที่สุดแผนทำลายประเทศไทยก็ถูกระงับไป แผนชั่วร้ายเลยกลายเป็นเพลงแร็บ “ประเทศกูมี” ปฏิทินโจรปล้นแผ่นดินแจกจ่ายแพร่หลาย ส่งบริวารไปก่อกวนทำลายการเดินสายสมาชิกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
พรรคการเมือง ที่จะเป็นฐานให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯต่อไป ก็มีพฤติกรรมไม่ต่างจากพรรคการเมือง ทุนสามานย์ปล้นชาติ เพราะเที่ยวเร่กวาดต้อนเอานักการเมืองสีเทา นักการเมืองที่มีข้อครหา ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทายาทฆาตกร ทายาทเจ้าพ่อนักการเมืองเจ้าพ่อ นักการเมืองทายาทคนหนีคุกหนีคดี ทายาทนักการเมืองคอร์รัปชั่นมีประวัติชั่วทั้งหลาย ถ้ามีฐานคะแนนเสียงพอเป็นสส.ได้ ก็จะเอาไว้เป็นพวก
เลือกตั้งช้าเร็วจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำคัญอยู่ที่นักการเมืองชุดต่อไป ต้องใส่ใจต่อสถาบันฯ และสถานที่ทำงานอันเป็นต้นน้ำประชาธิปไตย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี