“นางออง ซาน ซู จี” นักการเมืองหญิงผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดชาวเมียนมา วัย 74 ปี ได้ถูกสังคมโลกกดดันอย่างหนักหลังจากที่เธอไม่ยอมแสดงความเห็นใจประชาชนชาวโรฮีนจาที่เป็นชาวมุสลิมตั้งรกรากอยู่ในรัฐยะไข่ประมาณ 2 ล้านกว่าคน ถูกทหารจากกองทัพเมียนมาและตำรวจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2560 จนทำให้ชาวโรฮีนจาจำนวน 700,000 กว่าคน อพยพหนีเข้าไปอาศัยและขอลี้ภัยอยู่ในบังกลาเทศประเทศเพื่อนบ้านทิศตะวันตก
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายคูมีนายดู เลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากลชาวแอฟริกาใต้ เชื้อสายอินเดีย ได้ส่งหนังสือถึงนางออง ซาน ซู จี แจ้งให้ทราบว่าองค์การได้ยกเลิกรางวัลที่เคยมอบให้เธอในปี 2552 โดยนายคูมีได้แสดงความผิดหวังที่เธอไม่ได้ใช้อำนาจทางการเมืองและทางศีลธรรมที่มีอยู่เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนความยุติธรรมหรือความเท่าเทียมในเมียนมาโดยกล่าวถึงการที่เธอเพิกเฉยต่อการทารุณกรรมของกองทัพเมียนมา ทั้งๆ ที่ ซู จี เคยได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชนขององค์การนิรโทษกรรมสากล
และการที่รัฐบาลเมียนมาไม่อดทนอดกลั้นต่อการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอดำรงตำแหน่งทางการเมืองของเมียนมาหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลา 8 ปี นายคูมีเผยว่าทุกวันนี้เราผิดหวังอย่างยิ่งที่ท่านไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความหวังความกล้าหาญและการยืนหยัดปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกต่อไปแม้จะเสียใจเป็นอย่างยิ่งแต่องค์การนิรโทษกรรมสากลไม่อาจรับรองสถานะของท่านในฐานะทูตแห่งมโนธรรมสำนึกอีกต่อไปเราจึงขอถอนรางวัลสิทธิมนุษยชนที่เคยมอบให้กับท่าน
ออง ซาน ซู จี ได้รับรางวัลนานาชาติจากหลายๆ องค์การแต่ที่สำคัญคือรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากประเทศนอรเวย์และรางวัลขององค์กรนิรโทษกรรมสากล นอกจากนี้เธอยังเคยได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติจากมหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับปริญญารัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าปัญหาความมั่นคงในเมียนมาหรือพม่ามีความซับซ้อนมากกว่าทุกๆ ชาติในกลุ่มประชาคมอาเซียนเพราะจากจำนวนประชากร 54 ล้านคนนั้นได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์เป็นระยะเวลากว่าพันปีโดยมิได้รวมกันเป็นชาติเดียวเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย, ลาว, กัมพูชา หรือเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีการแบ่งแยกเป็นรัฐหรือแคว้นอย่างชัดเจนอีกด้วย
ประชากรเมียนมาเป็นชาติพม่า ร้อยละ 68ไทยใหญ่ ร้อยละ 9 กะเหรี่ยง ร้อยละ 7 ยะไข่ ร้อยละ 3.5 จีน ร้อยละ 2.5 มอญ ร้อยละ 2 คะฉิ่น ร้อยละ 1.5 อินเดีย ร้อยละ 1.25 คะยาร้อยละ 0.75 ที่เหลือยังเป็นชนชาติอื่นๆ อีกร้อยละ 2.5 โรฮีนจาอยู่ในรัฐยะไข่เป็นชนมุสลิมที่เคยเป็นกรรมกรของกองทัพอังกฤษที่อยู่ในอินเดีย อังกฤษได้เกณฑ์มาเป็นลูกหาบในกองทัพในการสงครามกับราชวงศ์โกนบอง 3 ครั้ง แล้วให้ชาวโรฮีนจาตั้งรกรากในยะไข่เพราะเห็นว่าเป็นชนมุสลิมด้วยกัน
ข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ในเมียนมานั้นหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 2491เป็นต้นมา ปรากฏว่าได้เกิดสงครามกลางเมืองมาโดยตลอดเวลา 60 ปี จึงทำให้อำนาจของกองทัพเมียนมามีค่อนข้างสูงเพราะรัฐบาลพลเรือนนั้นไม่มีความเข้มแข็งพอในการปราบปรามการกบฏในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รัฐบาลทหารเมียนมาได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วน นางออง ซาน ซู จี เองไม่สามารถแสดงความเห็นเรื่องโรฮีนจาได้เพราะเธอทราบดีว่าประชาชนชาวเมียนมาส่วนใหญ่ได้แสดงการรังเกียจความมีอยู่ของโรฮีนจามานานและไม่ได้ยอมรับว่าโรฮีนจาเป็นประชาชนของเมียนมา
ประเทศตะวันตก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและประชาคมยุโรปได้ลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลทหารเมียนมาโดยตลอดจนถึงเดือนมกราคม 2555 รัฐบาลทหารได้ประกาศความตกลงหยุดยิงกับกบฏทุกกลุ่มพร้อมกับได้มีการปล่อยนักโทษการเมืองจากทุกกลุ่มออกจากเรือนจำเป็นจำนวนมากกว่า 50,000 คน มีการประชุมเจรจาสันติภาพและหยุดยิงมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558
รัฐบาลเมียนมาปัจจุบันที่มีนายวิน มยินต์ เป็นประธานาธิบดี นายมยิน ซเว กับนายเฮนรี่ บานทียู เป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 1 และคนที่ 2 กับนางออง ซาน ซู จี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและที่ปรึกษาแห่งรัฐ ได้แสดงท่าทีต้อนรับและยอมให้ชาวโรฮีนจากลับถิ่นฐานในรัฐยะไข่แล้วแต่สถานการณ์ร้ายแรงในรัฐยะไข่จะปกติหรือไม่ยังเป็นที่สงสัยอยู่มาก
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี