การนำช้างเข้ามาเดินตามถนนหนทางในเมืองเป็นเรื่องผิดกฎหมายและกฎจราจร ซึ่งเคยมีกรณีจับควาญช้างและจับช้างมาผูกไว้ที่โรงพักจนกว่าคดีจะได้ดำเนินไปตามกระบวนการ และในที่สุดก็ต้องมีการสั่งการภายในว่าอย่าไปจับช้างมาอีกเป็นอันขาด ให้หาทางผลักดันออกไปนอกเขตพื้นที่จะดีกว่า
เพราะถ้าจับเฉพาะควาญช้าง ก็จะไม่มีใครดูแลช้าง ก็จะเป็นอันตรายต่อประชาชน จึงต้องจับช้างมาด้วย หรือถ้าจับเอาช้างมาก็ต้องจับควาญช้างมาด้วย เพราะถ้าไม่จับมาก็จะไม่มีใครดูแลช้าง
ดังนั้นเมื่อมีการจับช้างและควาญช้างมาผูกไว้ที่โรงพักแต่ละครั้ง กว่าจะดำเนินคดีเสร็จสิ้นจึงสร้างเวรสร้างกรรมให้กับตำรวจและครอบครัวตำรวจเป็นอันมากเพราะต้องไปหาอาหารมาให้ช้าง ต้องปล่อยให้ควาญช้างออกมาควบคุมดูแลช้าง เนื่องจากคนอื่นดูแลไม่ได้ในที่สุดก็ได้แค่เอาช้างมาผูกไว้ที่โรงพักและต้องปล่อยให้ควาญช้างมานั่งเลี้ยงช้างอยู่หน้าโรงพัก ในขณะที่ตำรวจและครอบครัวก็ไม่เป็นอันทำการอย่างอื่น เพราะต้องคอยดูแลระมัดระวังและให้อาหารทั้งแก่ช้างและควาญช้าง
กว่าคดีจะเสร็จก็ต้องเรี่ยไรเงินตำรวจด้วยกัน จนกระทั่งบ่นด่ากันทั้งโรงพัก ในที่สุดก็ต้องใช้วิธีผลักดัน ดังนี้เป็นต้น
มาวันนี้ปัญหาเรื่องผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งนำกัญชามาใช้ในการรักษาและในการแก้ปวดกำลังกลายเป็นปัญหาขึ้นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะคนทั้งหลายที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม จะต้องพินิจพิเคราะห์เรื่องนี้ด้วยมโนธรรมสำนึก ด้วยเมตตาธรรม ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ถ่องแท้ ดังนั้นอาศัยข้อมูลความคิดความเห็นจากเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็งและความต้องการของผู้ทุกข์เข็ญเหล่านั้น จึงขอนำเรื่องมาสรุปเพื่อความรู้ความเข้าใจโดยทั่วกันดังนี้
ประการแรก ขณะนี้ประเทศทั้งหลายในโลกได้ยอมรับความจริงว่า กัญชาเป็นทั้งอาหารและเป็นทั้งยาที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวง จึงปลดล็อกกัญชาให้มีผลโดยทั่วไป มีผลวิจัยและผลการศึกษารองรับจนไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว ยกเว้นพวกขบวนการขายชาติที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทำเป็นโง่ไม่เข้าใจอยู่ในขณะนี้
กัญชาถูกกฎหมายกำหนดให้เป็นยาเสพติดและผิดกฎหมาย ทำนองเดียวกันกับการเขียนกฎหมายกำหนดให้ก้อนดินก้อนหินเป็นป่าสงวนแห่งชาติ หรือการเขียนให้บัวเป็นสัตว์ป่า หรือเขียนกฎหมายให้นกเป็นสัตว์น้ำ เป็นต้น ซึ่งได้ก่อเหตุเภทภัยและปัญหาให้กับประชาชนในชาติอย่างใจดำอำมหิตมาจนถึงวันนี้
ประการที่สอง บรรดาผู้ป่วยมะเร็งทั้งหลายก็เหมือนกับทุกชีวิตที่เกิดมาแล้วย่อมรักตัวกลัวตาย ย่อมจำเป็นที่จะทำการทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตรอด ดังนั้น ทันทีที่รู้ว่าเป็นมะเร็งจึงมีปกติมุ่งหน้ารักษาที่โรงพยาบาล เพราะเชื่อถือว่าก้าวหน้าทันสมัย แต่ในที่สุดเมื่อถึงจุดหนึ่งหรือเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่สามารถหรือไม่ต้องการรักษาในโรงพยาบาลอีก
หลายกรณีจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ โรงพยาบาลก็ไม่รับรักษา หรือบางทีรับรักษาอยู่ แต่สิ้นเนื้อประดาตัวก็ต้องออกจากโรงพยาบาลมารอความตายอยู่ที่บ้าน เต็มไปด้วยความปวด เจ็บและทรมานเป็นที่สุด
ครอบครัวใดมีคนป่วยเป็นมะเร็งคนหนึ่งก็เป็นอันว่าทั้งครอบครัวนั้นมีความทุกข์เข็ญ มีความเดือดร้อนสาหัสและมีความทุกข์ใจจนไม่เป็นอันทำมาหากินด้วยกันอันเป็นวิสัยโลก โดยสรุปคือมีผู้ป่วยเป็นมะเร็ง 1 คน จะมีครอบครัวเดือดร้อนกว่า 10 คน จึงควรต้องได้รับการคำนึงถึงคนเหล่านี้ด้วย
ประการที่สาม เมื่อคนป่วยเป็นมะเร็งต้องกลับมานอนรอความตายอยู่ที่บ้าน แต่วิสัยสัตว์โลกที่รักชีวิตก็ยังขวนขวายพยายามรักษาตัวเอาชีวิตรอด แม้กระทั่งการบนบานศาลกล่าว การทรงเจ้าเข้าผี การทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ การแสวงหา การประพฤติการปฏิบัติ หรือการกินอยู่ต่างๆ นานา จึงดิ้นรนกันไปเท่าที่จะทำได้
และหลายกรณีก็มีการนำกัญชามาใช้ในการรักษา คือรักษาทั้งโรคมะเร็งและแก้ความเจ็บปวด นำมาต้มกินน้ำบ้าง นำมาบดทำเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินบ้าง สกัดเป็นน้ำมันกัญชาหรือยานาโนรักษากันบ้าง
คนเหล่านั้นจำเป็นต้องกระทำความผิดในเรื่องยาเสพติดก็เพื่อเอาชีวิตรอด ก็เพื่อให้พ้นจากความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ซึ่งกฎหมายก็ได้วางหลักเอาไว้ว่า การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิด แม้กระทั่งมาตรการในการลงโทษก็สามารถใช้มาตรการในการคุมประพฤติได้ด้วย
ดังนั้น ด้วยมโนธรรมสำนึก ด้วยเมตตาธรรมและคุณธรรม และโดยหลักธรรมแห่งคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ มโนธรรมสำนึกของผู้ใช้และบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้และปฏิบัติการในเรื่องนี้จึงควรพิจารณาเหตุและผลประการต่างๆ ดังได้แสดงมานี้ด้วย
ดังนั้นในกรณีที่มีการจับกุมคนป่วยมะเร็งที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่เพราะเอากัญชามารักษานั้น จึงเป็นกรณีที่คนทั้งหลายในกระบวนการยุติธรรมควรจะได้เตรียมความคิดจิตใจเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความยุติธรรมให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของบ้านเมืองในขณะนี้ด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี