ผมชอบการเกิดขึ้นของกลุ่ม New Dem ซึ่งเป็นคนหนุ่มคนสาวที่สนใจปัญหาบ้านเมือง รวมตัวกันแสดงความคิด ความต้องการ ในฐานะของคน “นอกวงความขัดแย้ง” เดิมๆ แม้คนกลุ่มนี้จะทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือบางคนก็เป็นลูกหลานของคนในพรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ
พวกเขาเลือกไม่ได้หรอก ว่าจะเป็นลูกใครหลานใคร แต่เขาเลือกได้ว่าเขาจะทำอะไร เขาจึงเลือกเสนอแนวคิดที่คนรุ่นเขามองเห็นและขอเรียกร้อง เช่น การให้ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันกับหญิงชายทั่วไป แก่กลุ่มหลากหลายทางเพศที่รักกัน ให้เขามีสิทธิทางกฎหมาย และสิทธิอื่นๆ ที่เท่าเทียมกันกับคู่สมรสชาย-หญิง, เรียกร้องการจัดการระบบสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของผู้พิการ, เรียกร้องให้จัดการกับ “กัญชา” ในฐานะพืชยาและพืชเศรษฐกิจ เป็นต้น
กลุ่มนิวเด็มนี้ มีความน่ารักตรงที่ ไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่ขับเคลื่อนตนเองด้วยความโกรธ เกลียด แบ่งแยก
ต่อมาก็ได้ชักชวน เพื่อนคนหนุ่มสาวต่างพรรค มาทำกิจกรรมร่วมกัน คือแข่งกีฬา เพื่อส่งสัญญาณว่า คนรุ่นใหม่อยู่เหนือความขัดแย้ง ส่วนรายได้ที่อาจเกิดอาจมี ก็นำไปใช้ในการกุศลทั้งหลาย แนวโน้มไปในทางที่ดีแล้ว ทว่า จู่ๆ พรรคอนาคตใหม่ก็ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการเข้าร่วมทันที เมื่อทราบว่า จะมีตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย
แถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ก็น่าสนใจหลายประเด็นครับ โดยพรรคอนาคตใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า “เดิมพรรคอนาคตใหม่ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าเราต้องการแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองสามารถร่วมมือกันทำการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ แม้จุดยืน อุดมการณ์บางอย่างจะแตกต่างกัน และเรายังหวังจะใช้โอกาสนี้ ผลักดันให้พรรคการเมืองมีจุดยืนร่วมกันบางประการต่อสังคม เช่น การยืนยันให้ไม่เลื่อนการเลือกตั้งจาก 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือการเรียกร้องให้คสช. ปลดล็อกคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป เพื่อให้การทำกิจกรรมร่วมกันครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งกีฬา แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองต้องการบรรยากาศที่เปิดทางไปสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง และตัวแทนของพรรคอนาคตใหม่ก็ได้เสนอเรื่องนี้ต่อวงประชุมที่มี 5 พรรคการเมือง เข้าร่วมในวันนี้ ได้แก่พรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย รวมพลังประชาชาติไทย ชาติพัฒนา และอนาคตใหม่
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ทาง New Dem ของพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่าได้เชิญพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนที่ไม่อาจประนีประนอมได้ เรื่องการไม่เอาการสืบทอดอำนาจของคสช. จึงไม่อาจร่วมกิจกรรมกับพรรคที่เป็นกลไกสืบทอดอำนาจของคสช. โดยตรงได้
นอกจากนี้ ยังเกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคจำนวนมาก ถึงความเหมาะสมในการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ โดยเสียงส่วนใหญ่สะท้อนว่า พรรคไม่ควรร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองที่มีส่วนในการสนับสนุนการเกิดรัฐประหาร และการสังหารผู้ชุมนุมทางการเมือง
ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่จึงจำต้องขอถอนตัวจากกิจกรรมแข่งกีฬาดังกล่าว และขอเรียกร้องให้แต่ละพรรคแสดงจุดยืนทางการเมืองร่วมกันมากกว่าเรื่องกีฬา แต่เป็นการผลักดันให้คสช. อย่าเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และปลดล็อกคำสั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
พรรคอนาคตใหม่หวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะพยายามแสวงหาโอกาสในการสร้างพลังทางการเมืองร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป เพื่ออนาคตของประเทศไทยและประชาธิปไตย”
เราจะมองเรื่องนี้อย่างไรดี
1) ผมมองว่า เป็นสิทธิโดยชอบของพรรคอนาคตใหม่ ที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็ได้ การเข้าร่วมไม่ได้แปลว่าดี และการไม่เข้าร่วมไม่ได้แปลว่าเลว ร่วมหรือไม่ร่วม ต่างคนต่างก็มีเหตุผล มีจุดประสงค์ทั้งของตนและของส่วนรวมต่างกันไป
ดังนั้น จู่ๆ พรรคอนาคตใหม่ถอนตัว ก็เป็นสิทธิของเขา หากมีเวลาจะสนใจเหตุผลของเขา ก็ทำต่อ
2) การที่เขารับฟังความต้องการของสมาชิกพรรค ในแง่ความเป็นพรรค อันนี้ถือว่าดีนะ เพราะพรรคไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อจะกำหนดความต้องการของตนเองล้วนๆ แต่ยังทำหน้าที่ “สะท้อนความต้องการ” ของมวลหมู่สมาชิกด้วย เมื่อสมาชิกพรรคอนาคตใหม่จำนวนหนึ่งทักท้วง และพรรคไตร่ตรอง กลั่นกรองแล้ว พบว่า มีน้ำหนัก ควรรับฟัง และใช้เป็นจุดตัดสินใจ ก็นับว่าเขายึดโยงกับความต้องการของสมาชิกได้ดี สมาชิกคงยิ่งชื่นชอบและนับถือพรรคมากยิ่งขึ้น
3) พรรคอนาคตใหม่ ประกาศตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ เมื่อเขาตีความว่า พรรคพลังประชารัฐ คือ พรรคการเมืองเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมา เป็นกลไกการสืบทอดอำนาจของเผด็จการที่เขาต่อต้าน เขาไม่ยินดีจะร่วมกิจกรรมด้วย มันสะท้อนอะไรบ้าง สะท้อนให้พรรคพลังประชารัฐต้องพิสูจน์ตัวว่า ตนเองไม่ใช่กลไกการสืบทอดอำนาจรัฐของเผด็จการทหารให้ได้ ขณะเดียวกันก็สะท้อน “การตีความ” ของพรรคอนาคตใหม่เอง ว่ามองพรรคนี้เป็นพรรคเผด็จการทหาร แล้วไปมองพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดการรัฐประหาร และสังหารผู้ชุมนุมทางการเมือง
4) เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่จ.อุตรดิตถ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร เปิดศูนย์ประสานพรรคพลังประชารัฐ ประจำจ.อุตรดิตถ์ ที่ถนนสุขเกษม เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เป็นศูนย์ประสานงาน 3 จังหวัด คือ จ.อุตรดิตถ์ จ.แพร่ และจ.พิจิตร โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. วันนี้ไม่ใช่เผด็จการอีกต่อไปแล้ว แต่คือ “ลุงตู่” ผู้ที่เดินเข้าหาประชาชน และต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง พยายามทำให้ประเทศชาติสงบปราศจากความวุ่นวายทางการเมืองในอดีต นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนเท่านั้นที่เรียกลุงตู่ว่าเผด็จการ แต่นั่นคือการใส่ร้ายเพราะอดีตลุงตู่เคยยึดอำนาจ
“แต่บุคคลที่เป็นเผด็จการตัวจริงคือ นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะนักการเมืองในอดีตที่มีความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายทักษิณ กลับบ้าน โดยใช้เวลาออกกฎหมายเพียง 1 วันเท่านั้น ผ่านกฎหมายช่วงตีสอง ปกติการผ่านกฎหมายใหญ่ๆแบบนี้ ต้องใช้เวลาพิจารณาถึง 3 วาระ และใช้เวลานานหลายเดือน จึงถูกเรียกว่ากฎหมายนิรโทษกรรมฉบับลักหลับ สุดท้ายก็ไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา”
นายสมศักดิ์ กล่าว
5) กองหนุนพรรคอนาคตใหม่คงแทบเป็นลมกับวิธีคิดของนายสมศักดิ์ และคงสะท้อนกลับว่า พอมาอยู่กับเขาก็เอาใจ เลียแผล็บๆ (ฮา...) แต่เปิดใจให้กว้างให้สมกับการจะเป็น “นักประชาธิปไตย” ดูบ้างเถอะ ว่าหากคนที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่เหิมเกริมในเสียงส่วนใหญ่ เอาจำนวน สส. ที่มากกว่า ชนิดจะทำอะไรก็ได้ ไปออกกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำลายกระบวนการยุติธรรม ยกเลิกการหาความจริงว่าใครฆ่าประชาชนที่มาชุมนุม ฆ่าทหารอย่าง พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ฆ่ากมนเกด อัคฮาด น้องเฌอ แม่ค้าที่โดนเอ็ม 79 ตายที่รถไฟฟ้าศาลาแดง เสธ.แดง พ่อของนางสาวขัตติยา สวัสดิผล ฯลฯ มันคือวิถีแห่ง “ประชาธิปไตย” ที่พวกเธอเทิดทูนกันใช่ไหม ประชาธิปไตยคือชนะการเลือกตั้งแล้วทำอะไรก็ได้ ออกกฎหมายให้คนตายห่าเหมือนหมาจรจัด ไม่ไต่สวน ไม่ดำเนินคดี ไม่เอาผิด ปล่อยฆาตกร อย่างนี้ไม่ระยำยิ่งกว่าคนฆ่าที่คุณแสนจะรังเกียจกันอีกหรือ ลองให้พ่อแม่ของพวกคุณตายในเหตุการณ์นั้น แล้วรัฐบาลประชาธิปไตยของพวกคุณ ออกกฎหมายมาล้มล้างทุกกระบวนการที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตาย ซึ่งเป็นบุพการีของคุณดูซิ นักประชาธิปไตยอย่างพวกคุณจะยอมรับได้ใช่ไหม ลองแถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้ออกมาหน่อยสิ อยากฟัง เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยกล้าแตะเรื่องนี้ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ไม่เคยเลยสักแอะ ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ กลัวอะไรกันหรือ กลัวคนจะจับได้ไล่ทันว่าเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอม
6) หากไม่มีเหตุเหิมเกริมของเสียงส่วนใหญ่ในสภา เกิดขึ้นเช่นนี้ คนเขาจะออกมาชุมนุมกันทำไม ชุมนุมแล้วก็มีคนมากราดยิง มีระเบิด โดยที่รัฐบาลไม่สามารถคุ้มครองการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นได้ ทหารก็เข้ามาประกาศกฎอัยการศึก
แล้วให้ฝ่ายการเมืองไปหาทางออกให้ได้ เมื่อหาทางออกไม่ได้ หรือไม่เปิดทางออก (ก็ไปศึกษากันดู) ทหารก็ยึดอำนาจ ในเวลานั้นถ้าทหารไม่ยึดอำนาจ ใครจะอนุมัติงบประมาณ ใครจะออกกำหมายเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงนามแต่งตั้งโยกย้าย เหล่านี้คือข้อเท็จจริง ที่ไม่ใช่เพื่อจะบอกว่า ดีแล้วว่ะ ที่ทหารรัฐประหาร แต่จะบอกว่า การมองเหตุปัจจัยของการเกิดรัฐประหารนั้น จะเลือกเกลียด เลือกโกรธ เฉพาะบางคนบางพวกไม่ได้ มันจอมปลอม มันมักง่ายเกินไป
7) ผมชอบใจมาก เมื่อครั้งคนหนุ่มชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศตัวจะตั้งพรรค และขายแนวคิดทางการเมืองว่า นักการเมืองก่อนหน้านั้นเอาแต่ทะเลาะกัน เกิดรัฐประหารบ่อยเหลือเกิน ขณะที่คนอีกรุ่นได้แต่ยืนมองวันเวลาที่สูญเปล่าไป ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับบ้านมืองเลย จึงอยากจะนำคนกลุ่มนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง แนวคิดนั้น ทั้งถูกต้องและดีงาม แต่เมื่อติดตามมาสักระยะ ก็พบว่า เขาไม่ได้พยายามคลี่คลายความเกลียดชัง ความขัดแย้ง หรือการเผชิญหน้าใดๆ เลย เขาก็เป็นคนหนึ่งที่หาประโยชน์จากความเกลียด เช่น เกลียดเผด็จการ เกลียดรัฐประหาร เกลียดฆาตกร โดยไม่ได้ลงลึกถึงสิ่งเหล่านั้น เพื่อใช้สติปัญญา และเหตุผล เป็นเครื่องมือนำพาผู้คนออกจากวังวนเลวทรามแบบเดิมๆ
8) ไม่เล่นกีฬา เพราะไม่อยากร่วมกิจกรรมกับพรรคที่เป็นกลไกเผด็จการ กับคนที่เกี่ยวข้องกับการทำให้รัฐประหารเกิด และสังหารผู้ชุมนุม เข้าใจได้มันเป็นจุดยืน มันเป็นทัศนคติ มันเป็นมุมมองที่คุณจะมองคนอื่น และยกหรือแยกตัวเองออกมา แต่อยากเห็นคุณนำพามิตรรักแฟนคลับของคุณ เป็นตัวอย่างของคนหนุ่มคนสาวที่ศึกษาปัญหาทั้งหลายอย่างลึกซึ้ง และเป็นความหวังของการเลือกตั้งครั้งนี้
9) วิธีคิดนี้ ไม่ต่างจากความเกลียดชังที่มีต่อ “เฌอปราง” ที่ไปร่วมรายการโทรทัศน์หรือร่วมกิจกรรมของรัฐบาลปัจจุบันเลย เป็นนักประชาธิปไตยอย่างไรกัน ที่ปล่อยให้ลิ่วล้อลูกหาบคุกคาม ข่มขู่ ด่าทอ อย่างไม่มีเหตุผล ในสังคมประชาธิปไตย ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้ บนความเชื่อ ความคิด และความต้องการของตัวเอง และในสนามการเลือกตั้งของสังคมประชาธิปไตย ทุกกลุ่มต้องมีสิทธิเป็นตัวแทนกลุ่มอุดมการณ์หรือกลุ่มความต้องการของตนเองได้ และอยู่ร่วมกับกลุ่มอื่นได้ การประกาศเป็นผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย เห็นควรว่าวุฒิภาวะทางประชาธิปไตย น่าจะเติบโตและมีรากลึกกว่าหากินกับ “ขั้วข้าง” อย่างง่ายๆ แบบนี้
10) อยากให้พรรคอนาคตใหม่ เป็นตัวแทนของคนที่คิดไกลกว่า ทักษิณ-ไม่ทักษิณ เผด็จการ-ไม่เผด็จการ ทหาร-หรือประชาธิปไตย อะไรทำนองนี้ จงมุ่งมั่นสร้างความเข้าใจแก่คนรุ่นใหม่ว่า สังคมประชาธิปไตยนั้น เป็นสังคมที่ผู้คนมีความแตกต่างหลากหลาย ไม่เหมือนกัน ไม่ได้เชื่อในสิ่งเดียวกัน ชอบในคนคนเดียวกัน ดังนั้น “เหตุผล” และ “วิธีที่จะอยู่
ร่วมกัน” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จงเอาความรู้ความสามารถของตนมานำเสนอ มาสร้างสังคมใหม่ ที่ไม่ต้องอกสั่นขวัญผวา เมื่อมีคนเชิด “ผีทักษิณ” ขึ้นมาหลอกหลอน เช่นเดียวกับ “ผีทหาร” หรือ “เผด็จการ” เพราะพวกที่มาตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่สันดานเป็นเผด็จการ บริหารบ้านเมืองแบบเผด็จการ ออกกฎหมายแบบเผด็จการ ก็มีให้เห็นมาแล้ว สร้างผลกระทบให้ประจักษ์แล้ว
ให้นิวเด็มเขาอยู่กับพรรคที่เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะเรียนรู้งานและร่วมงานได้ โดยไม่ต้องไปรังเกยจเขาหรอก ดูไปที่จุดยืน ที่ความปรารถนาของเขาดีกว่า เช่นเดียวกับเรา ที่อยากเห็นสังคมที่มีเหตุผลขึ้น เป็นประชาธิปไตยขึ้น เท่าเทียมขึ้น ฟังกันมากขึ้น ชิงชังกันน้อยลง ต่างได้แต่ไม่เกลียดชัง กินข้าวด้วยกันได้ เตะบอลด้วยกันได้ ร้องเพลงด้วยกันได้ แต่เมื่อเลือกตัวแทน โหวต และอื่นๆ ที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตย ตัวใครตัวมัน จุดยืนใครจุดยืนมัน
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์นี้ก็ย้ำเตือนให้รัฐบาล ให้ คสช. ดำเนินการทางการเมืองให้ผ่าเผย ไม่เอาเปรียบ นำบ้านเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเสรี-เป็นธรรม อย่าให้แม้แต่เด็กก็มองออกและรังเกียจว่า คุณสร้างกติกาที่ไม่เป็นธรรม ไม่อาจยอมรับได้ และผลิตความแตกแยกใหม่ๆ เพื่อรอวันเผชิญหน้ากันอีกครั้ง...ในวันข้างหน้า
แค่การยึดอำนาจอาจไม่ใช่เผด็จการ แค่ชนะการเลือกตั้งอาจไม่ใช่ประชาธิปไตย
อยากเห็นวันนี้ เราทุกคนมองอะไรๆ ที่ลึกไปกว่าเปลือกนอก และความชิงชังที่ปะพอกอยู่ในเราทุกคน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี