สังคมไทยภายใต้การบริหารประเทศขององค์อธิปัตย์ผู้ซึ่งเข้ามาเป็นกรรมการห้ามทัพเหลือง-แดง และทำหน้าที่เป็นคนกลางตามนิทานสุภาษิตเรื่อง “ตาอินกับตานา” ในฐานะตาอยู่เข้าปกครองบ้านเมืองมาเป็นเวลากว่า 4 ปี เกิดผลดีในส่วนที่ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากการเป็นรัฐที่ล้มเหลว สังคมเกิดความสงบเรียบร้อยเป็นที่ชื่นชอบแก่ประชาชนส่วนใหญ่ แต่มีปัญหาในด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เปรียบเสมือนสุภาษิตที่ว่า “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาๆ ไปกลายเป็นบ้องกัญชา” กล่าวคือ ถ้าให้คะแนน “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” โดยแบ่งออกเป็นสามเรื่อง
ได้แก่ เรื่องแรกเรื่องความสงบ ถ้าเปรียบเทียบก่อนเข้ามาเป็นกรรมการจะได้คะแนนเต็มร้อย เรื่องที่สอง คือ เรื่องสังคมถ้ามอง เผินๆ ก็ถือว่าพอไปได้แต่เมื่อศึกษาลงลึกจะพบปัญหาความโปร่งใสที่ปะทุขึ้นเพราะทำให้คนรวยๆ ยิ่งขึ้นแต่คนยากจนก็ยังยากจนเหมือนเดิมเพราะต้องรอรับความช่วยเหลือจากรัฐ สุดท้ายเรื่องการเมือง คณะกรรมการที่เข้ามาห้ามทัพและดำเนินการบริหารประเทศจนเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองจะเข้าสู่โหมดการคืนอำนาจให้ประชาขน กลุ่มผู้บริหารประเทศเกิดยึดติดกับอำนาจที่เป็นสิ่งหอมหวนจึงใช้วิธี“ดูด” เอานักการเมืองที่ตนกล่าวหาเข้ามาเป็นฐานในการดำเนินงานทางการเมืองต่อไปโดยลืมไปว่าสาเหตุที่คณะของตนเข้ามาเป็นกรรมการห้ามทัพนั้นเกิดจากกลุ่มการเมืองที่ปัจจุบันที่จะดูดเข้ามาเป็นมือเป็นไม้
ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากที่ได้คลายอำนาจสู่สังคมประชาธิปไตยครึ่งใบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา เป็นบทเรียนที่อาจนำมาวิเคราะห์ได้ว่าการเมืองของประเทศในอนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไร ในฐานะผู้ศึกษาทางรัฐศาสตร์นับแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา เหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่กบฏบวรเดช การรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2489 โดย จอมพลผิน ชุณหะวัณ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ โดยยกอำนาจการปกครองให้จอมพล ป. พิบูลสงครามจนถึงการปฏิวัติโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.ศ. 2500 อันเนื่องจากการเลือกตั้งสกปรก ติดตามด้วยการลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาศ จารุเสถียร และขบวนการนิสิต นักศึกษา นักเรียนและประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 จนเกิดวันมหาวิปโยค ถ้านำมาเป็นกรณีศึกษา
เหตุการณ์ทางการเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่การปกครองประชาธิปไตยฟันปลอมที่กำลังจะถึงในไม่นานนี้ อาจจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นอีก จึงขอวิงวอนให้ผู้ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากอำนาจเผด็จการสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยฟันปลอม ขอให้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยให้มั่น อย่าให้กิเลสครอบงำจนเห็นแก่ตนและพวกพ้องมากกว่าประเทศชาติและประชาชน เพราะอาจทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสียรังวัด รวมทั้งเรื่องโครงการที่เกี่ยวกับคนพิการ คนจน และอื่นๆ อีกหลายโครงการเกิดจากการควบคุมไม่ทั่วถึงก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงขึ้น จนเป็นรอยด่างขององค์อธิปัตย์และเรื่องสุดท้าย คือ เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดหลุมอากาศ กล่าวคือ ผู้มีหน้าที่ถือหางเสือเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกับกลุ่มการเมืองที่องค์อธิปัตย์ขับไล่เพราะหลักคิดก็เป็นแนวเดียวกับกลุ่มที่ตนขับไล่ คือ ให้ทฤษฎี “ประชานิยม” เปรียบเสมือนให้ปลาแทนการให้เบ็ดและเหยื่อ นโยบายดังกล่าวทำให้คนยากจนก็ยังจนเหมือนเดิม จากสิ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่องค์อธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศและกำลังจะเดินสู่การต่อยอดการบริหารประเทศต่อไปภายใต้กติกาประชาธิปไตยครึ่งใบอีก ใคร่ขอให้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองโดยเฉพาะจากบรรดาผู้ก่อการในอดีต เช่น พระยาทรงสุรเดช พระยาฤทธิอัคคี นายปรีดี พนมยงค์ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ รวมทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฯลฯ ผลทำให้นักการเมืองข้างต้นหลายคนต้องเอาชีวิตไปทิ้งในต่างแดน ไม่สามารถกลับมาบ้านเกิดเมืองนอน เนื่องจากบุคคลดังกล่าวยึดติดกับลัทธิอำนาจนิยม ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรผู้เป็นนักการเมืองย่อมรู้อยู่แก่ใจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี