เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีรายงานว่าแหล่งข่าวของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งดูแลป้องกันภัยจากผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ คือสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ได้แจ้งให้ทราบว่าปัจจุบันขบวนการพูโล PULO หรือ PATANI UNITED LIBERATION ORGANIZATION หรือองค์กรปลดปล่อยสหปัตตานี ที่ก่อตั้งเมื่อ 50 ปีที่แล้วในวันที่ 22 มกราคม 2511 โดยเต็งกูบีรอ กอตอนีลอ ซึ่งปัจจุบันได้ถึงแก่กรรมไปแล้วได้ออกมาเคลื่อนไหวในต่างประเทศอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาทางก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้
พูโลได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเมื่อปี 2519 โดยมีอดีตผู้นำกองกำลังที่สำคัญหลายคน เช่น นายหะยียูโซะ ปากีสถาน และหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ได้ส่งเยาวชนไปฝึกวิชาทหารและการก่อวินาศกรรมที่ประเทศลิเบียและประเทศซีเรียต่อมาองค์กรเริ่มมีปัญหาจากการปราบปรามของรัฐบาลในยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และนโยบายใต้ร่มเย็นในช่วงหลังจนปี 2525 ได้มีการแตกแยกภายในองค์กรพูโลจนกลายเป็นกลุ่มพูโลเก่ากับกลุ่มพูโลใหม่มีการแยกกันทำงานก่อการร้ายในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ไม่ขึ้นแก่กัน
ปี 2528 ดร.ฮารง มูเล็ง ได้บังคับให้ เต็งกูบีรอ กอตอนีลอ ลาออก ฝ่ายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ที่อยู่ฝ่ายเต็งกูบีรอไม่พอใจจึงเริ่มมีการแข็งข้อ ในปี 2531 ดร.ฮารงถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง ผลของความขัดแย้งนี้ทำให้หะยีสะมะแอแยกตัวไปจัดตั้งกลุ่มอาบูยาบาลเมื่อต้นปี 2532สถานการณ์และการปฏิบัติงานในพื้นที่มีความหนักและเบาแตกต่างกันบางครั้งก็รุนแรงบางครั้งลดน้อยห่างหายไปจนถึงเดือนมกราคมปี 2547 ขบวนการพูโลได้กลับมาปฏิบัติงานรุนแรงในพื้นที่มากขึ้นมีการใช้กำลังนับสิบคนบุกเข้าไปปล้นอาวุธปืนจากทหารกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส
หลังจากนั้นขบวนการได้มีการขยายผลการปฏิบัติงานด้วยความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนเกิดเหตุการณ์ร้ายที่มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี และเหตุก่อความไม่สงบที่อำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาสขบวนการได้แตกตัวออกปฏิบัติการก่อการร้ายในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้มีการวางระเบิดแสวงเครื่องและระเบิดเพลิงเผาสถานที่ราชการทั่วไป แบบปูพรมระหว่างปี 2549 จนถึงปี 2556
แต่หลังจากปี 2557 เป็นต้นมาจนถึงปี 2561 รัฐบาลชุดปัจจุบันของคสช.ได้เพิ่มนโยบายการเมืองผสานการทหารสร้างความมั่นคงในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส อย่างเข้มข้นอีกครั้งโดยใช้กำลังทหารในพื้นที่คือกองพลทหารราบที่ 15 ผสานกับกองกำลังกึ่งทหารได้แก่กรมอาสาสมัครทหารพราน, ตำรวจท้องที่, อาสาสมัครรักษาดินแดน, ชุดปฏิบัติประจำรักษาหมู่บ้านหรือชปร., ตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.และนาวิกโยธิน นย.ภาคใต้รวมถึงกองพลทหารราบที่ 5 กดดันไม่ให้ขบวนการก่อการร้ายปฏิบัติการได้สะดวก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมามีข่าวว่าขบวนการก่อการร้ายได้พยายามพัฒนาอาวุธจรวดเพื่อใช้เดินหน้าในการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปัตตานีตามอุดมคติโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์สำหรับการพัฒนาอาวุธในครั้งนี้มาจากสมาชิกที่ได้รับการฝึกฝนจากตะวันออกกลาง และมีการนำอาวุธทดลองใช้ยิงจริงในพื้นที่อำเภอหนองจิกจังหวัดปัตตานี แต่จะมีประสิทธิภาพเหมือนในอิรักหรือซีเรียหรือไม่ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีความจริงขนาดไหนเพราะยังไม่มีการค้นพบว่ามีจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ท่านใหม่และผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่คือ พลตรีสมดุลย์ เอี่ยมเอก ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จศรีสุริโยทัย จังหวัดนราธิวาส และพลตรีปิยพงศ์ วงศ์จันทร์ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 จังหวัดปัตตานี ค่ายอิงคยุทธบริหารได้เตรียมการป้องกันเหตุร้ายไว้เป็นการล่วงหน้าทำให้ความเคลื่อนไหวของขบวนการพูโลทำได้ไม่เต็มที่
สำหรับจรวดและขีปนาวุธนั้นไม่ปรากฏว่ามีการนำมาใช้ในพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ใน 4 จังหวัด คือสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส แต่อย่างใดเพราะต้องมีเครื่องยนต์จรวดมาประกอบกับตัวขีปนาวุธซึ่งไม่สามารถประดิษฐ์ได้เหมือนที่เยเมนหรือซีเรียซึ่งลักลอบนำเครื่องยนต์จรวดเข้ามาจากอิหร่านซึ่งต้องมีการนำเข้ามาติดตั้งกับตัวของขีปนาวุธที่มีหัวจรวดและดินปะทุประกอบกันจึงจะสมบูรณ์
ทางด้านแหล่งข่าวในพื้นที่ได้เผยว่าจรวดนำวิถีที่มีการปล่อยข่าวว่าขบวนการก่อการร้ายภาคใต้จะนำเข้ามาใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐได้นั้นไม่น่าจะลักลอบนำเข้ามาใช้ได้ง่ายๆ เพราะมีขนาดใหญ่และการผลิตไม่ง่ายเหมือนกับพื้นที่ในภูมิภาคตะวันออกกลางหรือแอฟริกาเหนือที่มีอุปกรณ์สะดวกมากกว่า
ส่วนการประสานสัมพันธ์กับสหพันธรัฐมาเลเซียนั้น เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมานายฮาจิ โมฮาเหม็ด บิน ซาบู รมว.กลาโหมมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้าโดยพล.ท.วีรชนสุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่านายกฯเชื่อมั่นว่า การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยกับมาเลเซีย จะเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเป็นอันว่าข่าวผู้ก่อการร้ายจะนำจรวดนำวิถีจะนำเอามาใช้ในพื้นที่ภาคใต้เป็นไปได้ยากและไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี