ต่อเนื่องจากบทความครั้งที่แล้ว ที่ผมได้นำเสนอการวิเคราะห์เรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคต่างๆ และเชื่อมโยงสู่แนวโน้มทุนมนุษย์ 4.0 ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในปาฐกถาพิเศษของผม ในหัวข้อ “Globalization and HRTrends in Industrial Revolution 4.0” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ในการประชุม “1st ICUTK (International Conference 2017 And call for Paper(IIC 2018)” ซึ่งได้นำเสนอแก่ท่านผู้อ่านไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากเนื้อหาหลักของปาฐกถาพิเศษตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้นมหาวิทยาลัยได้เปิดโอกาสให้ได้มีการอภิปรายและถาม-ตอบในที่ประชุม ซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์ และนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศ อาทิ Dr.CarlosMoslar es : Dean, IQS School of Management Universitat Ramon Llull, Barcelona, Spain. Prof.J John Lennon, Dean of Business School, Glasgow. Caledonia University. UK. ผู้บริหารการศึกษา และนักศึกษานานาชาติระดับปริญญาโท จากประเทศจีน เกาหลี กัมพูชา และอินโดนีเซีย
ที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และคำถามที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งผมเห็นว่า ด้วยมุมมองของชาวต่างชาติ ประกอบกับเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงได้นำคำถามและคำตอบของผมในวันนั้นมาขยายความคิดให้กว้างขวางขึ้น ประมวลกับข้อเสนอแนะต่างๆ นำเสนอเพิ่มเติมเป็นกรณีศึกษา โดย อาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล หรืออาจารย์จ้า วิทยากรและที่ปรึกษาของ Chira Academy จึงรับอาสาเป็นผู้เขียนบทความร่วมกับผมในสัปดาห์นี้เป็นบทความที่น่าสนใจมากเพราะเป็นการวิเคราะห์กรณีศึกษาใน 4 หัวข้อใหญ่ โดยเน้นในมิติของเศรษฐกิจ และวิเคราะห์ด้วยหลักเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ด้วยแผนภูมิ HRArchitecture ที่ผมได้เขียนโครงสร้างสถาปัตยกรรมของทุนมนุษย์ไว้ตั้งแต่วัยแรกเกิด วัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงวัยสูงอายุ
โลกาภิวัตน์ระลอกใหม่กับสถาปัตยกรรมทุนมนุษย์ 4.0
พิชญ์ภูรี จันทรกมล
เมื่อกล่าวถึงโลกาภิวัตน์ ซึ่งหมายถึงการที่โลกเชื่อมและรวมกันเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้นในมิติต่างๆ ไม่ว่าด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาการการสื่อสารโดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญที่ทำให้โลกไร้พรมแดน และทำให้ประชากรมีการติดต่อสัมพันธ์กันได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น นำไปสู่การผสมผสานความคิด ค่านิยม ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างมวลมนุษยชาติ “ทรัพยากรมนุษย์” หรือ “ทุนมนุษย์” จึงเป็นผู้ขับเคลื่อนโลกาภิวัตน์ที่แท้จริง ดังนั้น เมื่อโลกาภิวัตน์ระลอกใหม่นำพาความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันสู่หมู่บ้านโลกที่แต่ละภาคส่วนยังมีความไม่เท่าเทียมกัน ผลกระทบของกระแสโลกาภิวัตน์สามารถเกิดได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความเข้าใจในทิศทางการพัฒนาและการเตรียมความพร้อมให้ทุนมนุษย์รองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงในทุกรูปแบบจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่ต้องนำมาพิจารณาก่อนเป็นอันดับต้นๆ
โลกาภิวัตน์กับมิติทางเศรษฐกิจ
โลกาภิวัตน์ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตามประวัติศาสตร์ โลกาภิวัตน์ยุคแรกๆ เริ่มก่อเกิดเมื่อมนุษย์สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ระหว่างทวีปเป็นระยะทางไกลๆ ด้วยการเดินทางในเส้นทางบก และทางทะเล เป็นโลกาภิวัตน์ที่เน้นด้านการค้า สังคม และวัฒนธรรม ส่วนโลกาภิวัตน์ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นโลกาภิวัตน์ในมิติทางเศรษฐกิจ หมายความถึงการที่ “ตลาด” ในแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงและรวมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น จนกลายเป็นตลาดโลก (Global Market)
นักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกระบุว่ายุคโลกาภิวัตน์ระลอกแรกเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี ค.ศ 1850-1914 เป็นยุคที่การค้าของโลก เป็นการค้าระหว่างประเทศโลกเก่า (The Old World) หมายถึงกลุ่มประเทศในยุโรปที่ได้ผ่านกระบวนการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว มีแรงงานจำนวนมาก แต่ขาดแคลนที่ดินในการเพาะปลูกจึงผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานไร้ฝีมือเป็นสินค้าหลักเพื่อส่งออก และนำเข้าอาหารจาก “ตลาดโลก” คือกลุ่มประเทศโลกใหม่ (The New World) คือสหรัฐอเมริกาและประเทศอาณานิคมของอังกฤษ อย่างแคนาดา ออสเตรเลีย ฯลฯ รวมถึงบางประเทศในแถบเอเชีย ที่มีที่ดินมากมายมหาศาล จึงผลิตสินค้าเกษตรและวัตถุดิบเพื่อส่งออก และนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจาก “ตลาดโลก” แต่ได้พังทลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โลกใช้เวลาอีกกว่า 60 ปี โลกาภิวัตน์จึงถึอกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
โลกาภิวัตน์ระลอกใหม่ในยุคปัจจุบัน เริ่มจากปีค.ศ.1980 เป็นต้นมาเป็นการค้าระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา โดยช่วงเริ่มแรกเป็นการส่งเสริมให้โลกก้าวสู่ยุคการค้าเสรีที่ทำให้การแข่งขันทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างคึกคักเข้มข้น โดยการจัดกลุ่มการค้าภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยุโรป กลุ่มอเมริกาเหนือ กลุ่มอาเซียน หรือกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก ฯลฯ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นพี่ใหญ่ในการกำหนดทิศทางการค้าโลก ส่วนจีนในช่วงนั้นแม้จะเป็นประเทศใหญ่ มีอุตสาหกรรมในสัดส่วนที่สูง แต่การที่ปิดประเทศมาอย่างยาวนาน และระบบการถ่ายทอดความรู้จำกัดเฉพาะชนชั้นสูง เศรษฐกิจจีนจึงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้ ส่งผลให้อุตสาหกรรมในจีนอ่อนแอ และกลายเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงยังไม่ใช่คู่แข่งขันของผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐได้ ในยุคเริ่มนั้น การรวมกลุ่มการค้าและการวางกติกาการค้าสากลต่างๆ แม้จะทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง แต่ก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาที่รองรับ และยังมองเห็นทิศทางการค้าการลงทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงานไปตามฐานการผลิตใหม่ที่ชัดเจน
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
ล่าสุดโลกาภิวัตน์ระลอกใหม่ในยุคปัจจุบัน กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอุตสาหกรรมอีกครั้ง เมื่อด้านหนึ่ง การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Revolution)ได้เปลี่ยนแปลงระบบอุตสาหกรรมไปสู่วิวัฒนาการใหม่ คือการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลเทคโนโลยีที่จะเกิดผลต่อการพัฒนาทางอุตสาหกรรมทุกด้านอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้ ประกอบกับบทบาทของสองผู้นำทางเศรษฐกิจโลกปัจจุบันคือ สหรัฐ และจีนกำลังประลองพลังในสงครามการค้า โดยไม่มีทีท่าที่จะลดราวาศอกการรวมกลุ่มทางการค้ามีความไม่แน่นอน ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวกลับฟุบฝ่อลงไปอีกอย่างน่ากังวล และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนให้ถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ กับการตอบคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เพียงคนเดียวจะช่วยเศรษฐกิจของสหรัฐด้วยการกีดกันทางการค้า ผมมีความเห็นว่าแม้แต่ในสหรัฐ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถสนับสนุนคนอเมริกาตะวันตกเท่าที่ควร และการกีดกันการค้าเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้
ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่
จากคำถามหนึ่งในที่ประชุมที่ชวนคนไทยให้คิดต่อ คือคำถามเกี่ยวกับ เส้นทางสายไหมใหม่ (New Silk Road) ที่เรามักจะนึกถึงระบบเครือข่ายเชื่อมโยงของเส้นทางการค้าการลงทุนทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคยูเรเซีย แต่ที่จริงแล้วเป็นภูมิรัฐศาสตร์ของจีนในการแผ่ขยายอำนาจอิทธิพล ในช่วงที่สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังถอยห่างจากเอเชียว่าขณะที่ประชาชนหลายประเทศในแถบเส้นทาง “One Belt, One Road”ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรมากนัก เพราะผลประโยชน์ก้อนใหญ่มักตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจทางการเมืองการปกครองของประเทศเหล่านั้น แต่ประเทศไทยที่เป็นชัยภูมิสำคัญในการเชื่อมโยงในเส้นทางสายนี้ มีนโยบายอย่างไร? เราจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแถบทาง หรือจะเป็นหัวมุกในเรือนแหวน (Ring Pearl) นี่เป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องมีผู้นำ และต้องเร่งทำให้สำเร็จโดยเร็ว
และศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เน้นย้ำเสมอว่า นโยบายกีดกันโลกาภิวัตน์กีดกันการค้าและการลงทุนของประธานาธิบดีทรัมป์ในแบบที่เรียกว่า “Protectionism” ไม่เป็นผลดี เพราะการขึ้นภาษีจะทำให้เกิดสงครามทางการค้าและการลงทุน ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำลงอย่างแน่นอนในที่สุด
แนวโน้มการทำงานของทุนมนุษย์ 4.0
มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ การใช้หุ่นยนต์สมองกล และปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทดแทนงานที่ใช้แรงงานมนุษย์ คนไทยรุ่นใหม่จึงต้องมีความรู้และทักษะที่พร้อมแข่งขันได้ ตามที่ ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ได้นำเสนอไปในบทความของสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี การทำงานในยุค 4.0 ไม่ได้มุ่งเน้นทำงานหนักแบบแรงงานไร้ฝีมือ แต่ต้องคำนึงถึงความสมดุลในด้านต่างๆ เช่น เรื่องสุขภาพ ความสุข รวมถึงสมดุลชีวิตกับงานและครอบครัว (Work Life Balance) ด้วย
จริยธรรมในการทำงาน
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในทุกภาคส่วน ความสะดวกสบายใกล้ตัวแค่ใช้มือกดปุ่ม แต่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้วิถีของคนในสังคมเปลี่ยนไป คุณค่าทางสังคมที่ผมให้ความสำคัญมากจะลดน้อยลง เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านหน้าจอ จะทำให้ขาดการพูดคุยสืบสานถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ทุนทางคุณธรรมจริยธรรมจึงสำคัญมาก ควรต้องปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อเป็นกรอบกำกับการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ รวมถึงคุณธรรมของผู้นำทุกระดับ ตัวอย่างเช่นสงครามทางเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้น เป็นความถดถอยทางจริยธรรมประการหนึ่ง คือการที่ผู้นำระดับโลกเห็นปัญหาส่วนประเทศตัวเองสำคัญมากกว่าส่วนรวม และพร้อมที่จะทำลายทุกกฎที่ทุกประเทศร่วมมือกันกำหนดขึ้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย
HR Architecture
จากสี่หัวข้อสำคัญๆที่กล่าวมาแล้ว คือ โลกาภิวัตน์กับมิติทางเศรษฐกิจ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ยุทธศาสตร์สายไหมใหม่ แนวโน้มการทำงานของทุนมนุษย์ 4.0 และจริยธรรมในการทำงาน คือส่วนหนึ่งของคำถาม-คำตอบ และการร่วมแสดงความคิดเห็นระหว่างปาฐกถาพิเศษ โดยสรุปตามแผนภูมิด้านโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมทุนมนุษย์ ที่ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้เขียนไว้เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว แต่ยังทันสมัยเพราะเป็นลักษณะโครงสร้างทางประชากรที่ครอบคลุมชีวิตมนุษย์ 4 ช่วงวัย การวิเคราะห์แนวโน้มของทุนมนุษย์ตาม HR Architecture จึงครอบคลุมตั้งแต่วัยแรกเกิดวัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงวัยสูงอายุ ดังนั้นแม้จะเกิดโลกาภิวัตน์ หรือมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกกี่ครั้ง หากเราได้พัฒนาทุนมนุษย์อย่างถูกต้องต่อเนื่อง อาทิ การมีปัญญาคิดเป็นวิเคราะห์เป็น มีความรู้ และทักษะที่ทันยุคสมัย สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีคุณธรรมจริยธรรม และมีความสุข ฯลฯ โดยพิจารณาประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์สิ่งแวดล้อม เหล่านี้เป็นแนวโน้มของทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ และจะเป็นส่วนสำคัญในการนำพาชาติบ้านเมืองสู่ความเจริญยั่งยืนทุกยุคสมัย
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี