ยังจำกันได้ไหมว่า วันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 คณะทำงานของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แจก “6 คำถาม ถึงพี่น้องประชาชน” ให้แก่สื่อมวลชน โดยแจ้งว่า เป็นคำถามจาก พล.อ.ประยุทธ์ เนื้อหาคำถามระบุว่า
ข้อที่ 1 : วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีคุณภาพให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมือง
หน้าเดิมๆ แล้วได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่
คำถามที่ 2 : การที่ คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิของ คสช.ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว
คำถามที่ 3 : สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่ โดยมีคำถามย่อย คือ
•• เห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ด้วยการรื้อใหม่ ทำใหม่ การวางแผนงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระยะสั้น กลาง ยาว อาทิ การแก้ไขปัญหา IUU, ICAO ฯลฯ หรือไม่
•• เห็นด้วยกับการให้มียุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศเพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลเกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่
•• การทำงานของทุกรัฐบาล ต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งประเทศ คนทั้งประเทศ ทุกจังหวัด มิใช่ทำแต่ตามนโยบายพรรคที่ได้หาเสียงไว้ หรือดูแลเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงที่สนับสนุน รวมทั้ง
ต้องทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติให้เกิดความต่อเนื่องใช่หรือไม่
คำถามที่ 4 : การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต มาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามา เราได้พบเห็นแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง การแบ่งแยกประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่
คำถามที่ 5 : รัฐบาลและการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล และมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่อง ชัดเจนเพียงพอหรือไม่
และคำถามที่ 6 : ข้อสังเกตเพื่อพิจารณา เหตุใดพรรคการเมือง นักการเมืองจึงออกมาเคลื่อนไหว ด้อยค่า คสช., รัฐบาล, นายกรัฐมนตรี บิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติ ฝากถามพี่น้องประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งท้ายว่า อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ อยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยได้พิจารณาตัดสินใจ
กลับมาอ่านอีกครั้งหลังผ่านไป 1 ปี จึงได้เห็นชัดเจนว่า ความคิดที่จะ “มีพรรคการเมือง” ของ คสช. เริ่มต้นมาจากวันนั้นแน่ๆ ไม่ใช่เพิ่งจะมาคิดในวันนี้หรอก เพียงแต่วันนั้น ยังมองนักการเมืองเก่าๆ และพรรคเก่าๆ เป็น “คนชั่วร้าย” จึงพยายามปูทาง-สร้างกระแส ให้คนอยากเห็น “พรรคการเมืองใหม่ๆ”ยิ่งเมื่อไปบวกกับ 2 ปีหลังรัฐประหาร บรรยากาศที่ คสช. กับรัฐบาลสร้าง คือ นักการเมืองเลว! นักการเมืองสร้างปัญหา เราเข้ามาแก้ปัญหาที่นักการเมืองสร้างไว้
ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอกครับ ปัญหาที่หมักหมมอยู่ จนถึงจุดวิกฤติ ประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่ เกิดจากนักการเมืองเลว ลุแก่อำนาจ หาประโยชน์ให้ตนและพวกพ้องแต่ก็ใช่จะเป็นเช่นนั้นทุกคนไป ทว่าเวลานั้น บรรยากาศถูกเหมารวมไปหมด จนนักการเมืองแทบไม่เหลือที่ยืน
ลุงตู่ตดก็หอม ใน 2 ปีนั้น นักการเมืองนั่งเฉยๆ ยังเป็นจำเลยว่า “ตด”
คำถามข้อแรกของลุงตู่ จึงว่าด้วยพรรคการเมืองใหม่ๆ และนักการเมืองหน้าใหม่
แต่เอาคำถามพวกนี้ กลับมาถามอีกครั้งในวันนี้สิ บนความเชื่อที่ว่า “พรรคพลังประชารัฐ” คือพรรคที่ตั้งขึ้นรองรับการอยู่ในอำนาจทางการเมืองต่อไปหลังการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพบคำตอบที่ย้อนแย้งกับ “หลักคิดเดิม”
ใช่ มีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ แต่ดูหน้าดูตาสิ “นักการเมืองเก่า” เกือบ 100%
นักการเมืองส่วนหนึ่ง คือ คนที่สร้างปัญหามาก่อน ส่วนหนึ่งคือคนที่ยกมือสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาก่อน ส่วนหนึ่งเป็นแกนนำเผาบ้านเผาเมืองมาก่อน ส่วนหนึ่งเป็นแกนนำ กปปส. มาก่อน นี่เป็น “ยาหม้อ” ที่รวมสารพัดพิษในสายตาของ คสช. เดิม มาไว้ด้วยกัน
โดย “คอนเซ็ปต์” ใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้คนลืมที่มาของอดีต สส. พวกนี้ ลืมคำถามสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ ในกาลก่อน คือ “ใช้พิษขจัดพิษ” หรือ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง”
หรือ “ใช้โจรจับโจร” หรือ เอาคนของทักษิณมาล้มทักษิณ
ในสถานการณ์แบบนี้ หากผมเป็นทักษิณ ผมจะเฉยๆก็ดีเหมือนกัน เขาคนที่เคยอยู่กับฉันไปชุบเลี้ยงให้ ช่วงใกล้เลือกตั้งใช้เงินเยอะจะตาย ดาวไถขึ้นเต็มฟ้า (ฮา...)
ในสถานการณ์นี้ ทักษิณทำงานง่ายมาก คือ ทุ่มเงินที่มีสติปัญญาที่มี บริหารจัดการเครือญาติ คนรัก และบริวาร ที่แตกออกไปเป็นพรรคย่อยๆ หมายเก็บคะแนนทุกเม็ด ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ
มีทั้งความยากและง่ายระหว่างพลังประชารัฐกับระบอบทักษิณ ในหมากบนกระดานที่เริ่มเดินกันแล้ว
1) เงิน ไม่รู้ว่าใครต้องจ่ายมากกว่าใคร แต่ดูๆ แล้ว ฝ่าย “ซื้อตัว” น่าจะจ่ายเยอะกว่า เพราะอีกฝ่ายนั้น เหลือแต่“ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” ส่วนฝ่ายที่ย้ายมาพลังประชารัฐ จำนวนไม่น้อยคือ “นักต่อรอง”
2) ในระยะสั้น ใครทำให้นักเลือกตั้งพวกนี้ “ชนะ” ได้ มันอยู่กับคนนั้น ไปดูประวัติเถอะ ส่วนใหญ่ย้ายพรรคมามากกว่า 1 ครั้ง ส่วนหนึ่งย้ายมาท่ามกลางการจับตาของผู้คนว่าเพราะ “คดี” ที่ติดตัวอยู่หรือเปล่า อีกส่วนหนึ่งย้ายมาเพราะพื้นที่ทับซ้อนในพรรคเดิม
3) เลิกพูดเรื่องนักการเมืองหน้าเก่าหน้าใหม่ เลิกพูดเรื่องการปฏิรูปการเมือง เลือกพูดเรื่องธรรมาภิบาล นี่คือสถานการณ์ “ใครดีใครได้” ดังนั้น ทักษิณก็ผลักดันคนที่เหลือ พลังประชารัฐก็ผลักดันคนที่ได้มา มีกลไกรัฐใช้กลไกรัฐ มีเงินใช้เงิน มีแผลใช้แผล
4) ถ้าผมเป็นทักษิณ ผมจะไม่ทุกข์ เพราะทางแพ้มีมากกว่าทางชนะ แพ้รอบนี้เปลืองน้อย เพราะเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งมันสูง รอไปใช้หลังการเลือกตั้งดีกว่า ดังนั้น จึงรอดูผลการเลือกตั้ง ถ้าสูสี ก็ไปทุ่มกันอีกทีว่าใครจะเกี้ยวภูมิใจไทย ชาติพัฒนา ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กพรรคน้อยมา “ตั้งรัฐบาล” ส่วนประชาธิปัตย์เขามีอุดมการณ์ ใช้การซื้อการขายกับเขาคงไม่เป็นผล เงินจึงจะพัดอีกรอบหลังการเลือกตั้ง ในการจ่ายให้แก่ “พรรคร่วม” เวลานั้น พรรคร่วมจะเนื้อหอม และ “ราคาดี”โดยราคานั้น จะเป็นเงิน เก้าอี้รัฐมนตรี หรือทั้งสองอย่างก็ค่อยต่อรองกัน
5) แต่ทักษิณจะไปเจอด่าน สว. อีกรอบ ตอนโหวตเลือกนายกฯ รวมเสียง สส.ได้แล้วไง ถ้า สว.ไม่โหวต ก็ไปไม่รอดจะ “ทุ่ม” สู้บนกระดาน สว.ไหม ยากหน่อยนะ เพราะ คสช. เลือก สว.เอง แถมรอดูหน้า สส.ก่อน แล้วค่อยเลือก สว. อีกต่างหาก ดังนั้น จะทาบทามล่วงหน้า ท่าจะยาก
6) ถ้าสู้ไม่ไหวจริงๆ ก็นิ่งเสีย รอให้พลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล ทำงานไปสักระยะก่อน แล้วค่อยดำเนินยุทธวิธี “เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร” มีเวลาตั้ง 4 ปีที่จะตลบหลัง ยิ่งหากนายกฯ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ละก็ สนุกเลย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยทำงานในระบบรัฐสภา ไม่เคยอยู่ในระบบที่ตรวจสอบได้ ตั้งกระทู้ถามได้ อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ก็เป็นฝ่ายค้านที่ตรวจให้ยิบตาถามเข้าไป ตรวจสอบเข้าไป เดี๋ยวก็ตบะแตก สื่อที่มี ที่ชุบเลี้ยงไว้ ให้คอยระดมตั้งคำถาม สัมภาษณ์จี้ วิจารณ์ เดี๋ยว “ลุงฉุน” แกก็ถึงจุดเดือด ไหนจะดุลอำนาจระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ทีมสมคิด” อีกล่ะ ก่อนเลือกตั้งลุงตู่ใหญ่กว่าสมคิด หลังเลือกตั้ง ยังใหญ่กว่าอยู่ไหม ในเมื่อทุกลมหายใจ ยังยืมจมูกข้างหนึ่งของสมคิดหายใจอยู่ ชีวิตลุงตู่ซึ่งเคยเป็นแต่ ผู้บัญชาการ” ต้องมานั่งประนีประนอมกับนักการเมือง 500 จำพวก ที่ไหลมารวมกัน ดุลและคานความนิยมกับทีมสมคิด แก้ปัญหาฝ่ายค้านตรวจสอบ ไล่จี้ สื่อมวลชนไล่ถามและวิพากษ์วิจารณ์ ไหวไหมละนั่น
7) ตีจุดอ่อนให้น่วม ยุให้อยู่กันอย่างระแวงระวัง แถมมารวมกันด้วยผลประโยชน์มิใช่อุดมการณ์ ทักษิณ ซึ่งผ่านการบริหารคนจำพวกนี้มาก่อน ย่อมรู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร ถึงระยะหนึ่ง “งูเห่า” จะเกิดขึ้นได้ไหม และต้องเกิดขึ้นเท่าไร ก็ดูซิว่า ฝ่ายรัฐบาลมีเสียง สส. เกินครึ่งไปเท่าไหร่ เพราะมิใช่ว่า สว. จะมาคุ้มครองรัฐบาลได้ในทุกสถานการณ์ เช่น การอภิปรายงบประมาณประจำปีที่ต้องทำทุกปี หากกฎหมายการเงินไม่ผ่าน รัฐบาลนั้นก็จบเห่ หางูเห่าสักฝูงในเวลานั้น ยากไหม สำหรับทักษิณ
เลือกขจัดคนชั่วด้วยวิธีเดียวกันที่คนชั่วนั้นเคยใช้จงระวังไว้ให้ดี
หายใจด้วยจมูกคนอื่น ระวังเถิดลุงตู่
เราใช้เวลา เกือบ 5 ปี ฝันถึงการปฏิรูป คนที่เคยนำผู้คนเรียกร้องการปฏิรูปก็เงียบกริบ
บ้านเมืองวนเข้าวงจรเดิม คือ ใครชนะ ใครกุมอำนาจคนนั้นกำหนดเกม คนที่เพลี่ยงพล้ำในเกม ก็รอโอกาสโต้กลับ
ประชาชนกับประเทศชาติล่ะครับ อยู่ตรงไหนในเกมแห่งอำนาจนี้!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี