ข่าวคราวเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนที่ประเทศไทยในช่วงนี้ ก็จะเน้นไปที่เรื่องการรับช่วงต่อการเป็นประธานประชาคมอาเซียนของไทยในปี 2562 ต่อจากสิงคโปร์ในปี 2561 โดยได้มีการส่งมอบตำแหน่งประธานประชาคมอาเซียนกันที่สิงคโปร์ ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประเทศสิงคโปร์
นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศไทย คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะนำพาประชาคมอาเซียนให้รุดหน้าไปในทิศทางใดและในเรื่องใด ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่า ไทยจะเสริมสร้างความเป็นมิตรคู่คิดคู่ปฏิบัติ ให้ก้าวไปกันข้างหน้าอย่างยั่งยืน (อ่านรายละเอียดได้ที่ บทความหนังสือพิมพ์แนวหน้า “อาเซียนวิสัยทัศน์สวยหรู แต่อย่าลืมดูปัญหาเฉพาะหน้า” ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561)
แต่ข่าวคราวที่ประเทศไทยมิได้มีการกล่าวถึงเลย ก็คือผลสำเร็จของสิงคโปร์ในการเป็นประธานประชาคมอาเซียนในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมานี้
ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในใจผม และบังเอิญที่ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมประชุมโต๊ะกลมที่สิงคโปร์เมื่อสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา ในหัวข้อเรื่อง Resilience in the Disruptive World - การมีความอึด หนักแน่น เด็ดเดี่ยว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการสั่นคลอน พลิกผัน ด้วยคำถามที่ว่า แล้วประชาคมอาเซียนจะทำอย่างไร และอยู่กันต่อไปอย่างไร?
คำว่า Resilience นี้เป็นคำที่สิงคโปร์ใช้ในการวางทิศทาง และการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนในฐานะประธานในปี 2561 ดังกล่าวนี้ และสิงคโปร์ก็ใช้อีกคำหนึ่งควบคู่กันไปด้วยคือ Innovation - การประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆ ซึ่งมีนัยของการเกิดขึ้นและการพัฒนาของระบบเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ หรือดิจิทัล ความว่า ประชาคมอาเซียนต้องตั้งตัว ทำตัวให้พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือการสื่อสารให้ได้
ผ่านไปร่วมขวบปี สิงคโปร์เขามีความภูมิอกภูมิใจอะไรในการทำให้คำว่า Resilience กับ Innovationนั้น เป็นผลออกมาแบบจับต้องได้
สิงคโปร์เขาก็เห็นว่ามี 3 เรื่อง อย่างน้อยที่เขาประสบความสำเร็จในการนำพาประชาคมอาเซียนในกรอบของ Resilience และ Innovation นั่นก็คือ
1) การกระชับความร่วมมือทางด้านความมั่นคง โดยเฉพาะในกรอบภารกิจของรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน ซึ่งได้ขยายไปรวมถึงรัฐมนตรีกลาโหมของมิตรประเทศของประชาคมอาเซียน เรียกกันว่า ประเทศคู่เจรจา (Dialogue Partners) ที่มีการซ้อมรบร่วมกัน การร่วมในกิจการพลเรือน เช่น การกู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งทางบนบก และในทะเล การประสานกันในเรื่องการข่าวกรองเพื่อต่อต้าน และปราบปรามการก่อการร้าย
2) การกระชับความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกในการติดต่อทำมาค้าขายระหว่างกัน ไปจนถึงการร่วมกันต่อต้านการบ่อนทำลาย หรือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบไซเบอร์ ซึ่งร่วมไปถึงการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของสายโยงใต้น้ำทะเล (Submarine Cables) ด้วย
3) การเสริมสร้างและสนับสนุนเกื้อกูลกันในเรื่องการทำตัวเมืองให้น่าอยู่ และใช้ประโยชน์จากระบบดิจิทัล หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้กว้างขวาง และได้ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ อย่างที่สุด และทั้งในกรณีการร่วมมือด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และการพัฒนาเมืองชาญฉลาด (Smart Cities) นั้น สิงคโปร์ก็ได้เสนอตนเองเป็นศูนย์กลางประสาน โดยการจัดตั้งศูนย์ (Center) เพื่อการนี้
และในการร่วมมือกันนั้น การพัฒนาบุคลากรก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาเยาวชนและเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ข้องแวะกันด้วย เพราะเยาวชนเป็นกำลังสำคัญ และมีจำนวนถึง 1/3 ของประชากรอาเซียนทั้งหมด ซึ่งเยาวชนก็ต้องเก่งกล้าสามารถต่างๆ แล้วการปลูกฝังให้ร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นของอาเซียนก็เป็นเรื่องสำคัญด้วย สิงคโปร์จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมเยาวชนอาเซียนด้วย
สรุปว่า สิงคโปร์เขารู้สึกพึงพอใจกับผลงานของเขา ซึ่งเราก็ควรได้ชื่นชมยินดีและชมเชยเขาจากใจจริงเช่นกัน
และบัดนี้ ก็เป็นโอกาสของไทยเราแล้ว ว่าจะนำเอาผลงานของสิงค์โปร์นั้น มาต่อยอด พัฒนากันอย่างไรต่อไป ซึ่งการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งยังไงก็ยังขึ้นอยู่กับการนำพาของฝ่ายการเมือง และหน่วยราชการที่รับผิดชอบเป็นสำคัญ
ประชาชนจะก้าวไปพร้อมเพรียงกันได้ ผู้นำก็ต้องบอกจังหวะให้ชัดเจน ให้แน่ชัดว่า จะก้าวไปในทิศทางไหน มีอะไรที่จะทำบ้าง แล้วสิ่งที่จะทำกันนั้น มันสำคัญอย่างไร ให้ประโยชน์อะไร
หาไม่แล้ว เมื่อจบปี 2562 ลง เมื่อเรามานั่งสรุปผลงานที่จับต้องได้ ภายใต้การนำพาอาเซียนของเราแล้ว เราอาจไม่รู้สึกพึงพอใจ อย่างที่สิงคโปร์เขารู้สึกกันในตอนนี้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี