ตอนที่ 3
หลักการที่มีเหตุมีผลของ WTO ตั้งอยู่บนข้อตกลงที่ว่าทุกประเทศสมาชิกมี 1 เสียงเท่ากัน แต่องค์กรจะยอมให้มีการออกคะแนนเสียงน้อยครั้งมาก เพราะต้องการให้เกิดฉันทามติ (consensus) โดยมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และตกลงกันได้โดยไม่ต้องลงคะแนนเสียง ซึ่งถือว่าจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่แบ่งแยกลักษณะของ WTO treaty ถึงไม่ใช่ข้อตกลงทางการค้าเสรีทั่วไปอย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นข้อตกลงพหุภาคีที่มีนัยสำคัญในการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบภายใต้กรอบของระบบการค้าเสรีโดยมี
กฎพื้นฐานข้อที่ 1 - การยอมให้ผลประโยชน์โดยมีภาระผูกพัน (binding concession) ทางด้านการค้าพหุภาคี
กฎพื้นฐานข้อที่ 2 -หลักของประเทศที่ได้ประโยชน์ดีที่สุด (most-favoured nation) เพื่อให้มีการปฏิบัติเท่าเทียมกันสำหรับผู้ผลิตทุกชาติ โดยในบางกรณีมีการยินยอมให้ประเทศมีฐานะยากจนกว่า ได้รับการพิจารณาที่เป็นกรณีพิเศษ (special and differential treatment)
กฎพื้นฐานข้อที่ 3 - การปฏิบัติเยี่ยงชนชาติตน (national treatment) เพื่อป้องกันการปฏิบัติที่ให้ผู้ผลิตในประเทศได้เปรียบกว่า
กฎระเบียบพื้นฐานของ WTO จึงมีผลในการแก้ไขปัญหาการขาดความเป็นประชาธิปไตย (democracy deficit) เมื่อมีข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีระดับการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งในการสร้างส่วนเกินของความเป็นประชาธิปไตย (democracy surplus) นี้มักจะนำไปสู่การมีประสิทธิภาพในการเจรจา ข้อตกลงที่มีความจริงจังน้อยลง จึงทำให้เกิดภาวะการเจรจารอบ Doha ที่ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ยังไม่สามารถยุติลงได้ นับเป็นการเจรจารอบการค้าโลกที่มีความเนิ่นนานที่สุด
หลักนิติธรรมและอุปสรรคบางประการ
กฎหมายและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมีความผูกพันยึดโยงซึ่งกันและกันตามที่ได้กล่าวถึงแลแล้วในแง่การนำนโยบาย “วาระ 2030” ของ UN มาเป็นสรณะในการพัฒนาระหว่างประเทศร่วมกันในปัจจุบัน หากแต่ว่าความผูกพันคงไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติและเรียบง่าย แต่ในหลายกรณีมีปัญหาอุปสรรคในการจัดทำหรือในการนำหลักการของนิติธรรมมาปฏิบัติในโลกของความเป็นจริง ตัวอย่างโดยกว้างของ WTO เป็นกรณีที่ได้กล่าวถึงในข้างต้นนี้แล้ว แต่ก็ยังมีกรณีที่น่าสนใจอีกหลายข้อที่ควรนำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ เพื่อเป็นการเตือนถึงความพยายามที่จะนำหลักนิติธรรมมาใช้ที่ต้องการความร่วมมือและความเข้าใจจากทุกฝ่าย
1.หลักนิติธรรมมักจะมีผลที่ขัดประโยชน์ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น การออกพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งต้องผ่านกระบวนการที่ยากลำบากอย่างมากกว่าจะคลอดออกมาได้ การตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิสูจน์ทางเดินของการเงินนอกระบบได้รับการขัดขวางแม้กระทั่งจากหน่วยงานราชการบางแห่งที่มีพนักงานที่มีผลประโยชน์เกี่ยวโยง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องออกแถลงข่าวชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงปัญหาการบ่อนทำลายระบบการเงิน โดยการออกแชร์นอกระบบที่อยู่บนพื้นฐานของการสร้างภาพลวงเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะมีการเสนอพระราชกำหนดฉบับนี้เข้ารัฐสภาได้ก็ต้องมีการชี้แจงพรรคการเมืองที่สำคัญทุกพรรคเพื่อให้ทุกฝ่ายให้การสนับสนุนในรัฐสภา
ผลจากกฎหมายฉบับนี้ทำให้ชม้อยซึ่งทำธุรกิจหลอกลวงประชาชนมาตั้งแต่ปี 2517 ถูกจับได้ในปี 2528 ตามหลักการต้องติดคุกรวมกันเป็นเวลานับร้อยปีแต่ศาลตัดสินให้จำคุกเพียง 20 ปี และปล่อยจำเลยออกจากคุกหลังเพียง 7 ปีเท่านั้น ในโลกของระบบการเงินทั่วโลกปัญหาของการใช้หลักนิติธรรมยังมีอยู่เสมอแม้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การนำตัวนักการเงินที่มีความผิดในการทำธุรกิจที่เสี่ยงเกินเหตุ ให้ข้อมูลที่หลอกลวงประชาชน ออกตราสารที่ไม่มีมูลค่าจริง อำนวยความสะดวกในการฟอกเงิน ฮั้วกันเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย ฯลฯ ทั้งหมดนี้ยังเป็นความผิดที่ไม่ได้ถูกลงโทษตามหลักนิติธรรมอยู่เสมอ ในหลายกรณีของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ผู้บริหารสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจอย่างผิดพลาดโดยสำคัญยังถูกลงโทษเพียงให้ออกจากตำแหน่งและ
ได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวนสูง ในขณะที่ทางการต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าช่วยเหลือสถาบันเหล่านั้นไม่ให้ล้มลง
2. หลักนิติธรรมและการใช้กฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญายังก่อให้เกิดความสับสนอยู่นับตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการเสนอกฎหมายการค้านี้เข้ารัฐสภาไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 และมีผลทำให้การขัดแย้งในสภาในการพิจารณากฎหมายกลุ่มนี้อย่างรุนแรงและนำไปสู่การยุบสภานั้นในที่สุด แม้ไทยจะมีการออกกฎหมายลิขสิทธิ์ในที่สุดในปี พ.ศ. 2537 การกำกับดูแลทรัพย์สิน
ทางปัญญายังเป็นปัญหาอยู่ตลอดเวลาเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีข้ออ้างอยู่เสมอว่าการใช้กฎหมายยังไม่รัดกุมเท่าที่ควรและมีการใช้มาตรา 301 ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯ ในการกำหนดให้ไทยอยู่ใน priority watch list เพื่อบังคับให้ไทยเข้มงวดในการใช้กฎหมายมากขึ้น มิฉะนั้นสหรัฐฯ ขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการจำกัดสินค้านำเข้าจากไทย มาตรการตอบโต้ทางการค้าที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นแต่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ดูจะมีความไม่เป็นธรรมนัก โดยเฉพาะในกรณีที่ประเทศที่มีทรัพยากรน้อยกว่าเช่นไทยที่ต้องมีความพยายามอย่างยิ่งในการตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการลงทุนอย่างสูง เพื่อทำให้ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ในระดับที่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
การใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวดที่สุดทำให้เกิดปัญหาทางด้านต้นทุนทางด้านยารักษาโรคที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา การคุ้มครองผู้ผลิตผู้มีสิทธิเหนือลิขสิทธิ์ของยาที่ยังไม่หมดอายุ ทำให้ต้นทุนของยารักษาโรคที่อันตรายมีราคาสูงเมื่อเทียบกับยาทั่วไป ทำให้นโยบายการรักษาสุขภาพของประชาชนในประเทศที่ไม่สามารถผลิตยาได้เองมักจะมีปัญหาในการครอบคลุมที่ไม่ทั่วถึง หลักนิติธรรมนี้จึงมีประเด็นขัดแย้งระหว่างการรักษากฎข้อบังคับและการดูแลเรื่องสาธารณสุขที่จะมีการประกันการรักษาทุกโรค ทั้งหมดนี้จึงนำไปสู่การเจรจา
ในรอบ Doha ที่มีส่วนข้อตกลงให้มีการเจรจาผ่อนปรนข้อตกลงทางทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Trade-related Aspects of Intellectual Property Rights หรือ TRIPS) ในที่สุดในปีค.ศ. 2003 จึงสามารถมีข้อตกลงกันได้ในเบื้องต้นในการผ่อนปรนมาตรา 31 (f) ที่กำหนดให้มีข้อยกเลิกสำหรับประเทศกำลังพัฒนาให้มีการบังคับใช้ใบอนุญาตได้ (compulsory licensing หรือ CL) เพื่อสามารถให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีความสามารถในการผลิตยาได้เอง สามารถผลิตยาได้ทั้งที่ยังมีใบคุ้มครองลิขสิทธิ์อยู่หรือในกรณีที่ไม่สามารถผลิตเองได้ก็ให้โอกาสในการนำเข้ายาที่ผลิตภายใต้ข้อยกเว้น CL (เรียกว่า parallel import)
แต่ข้อยกเว้นนี้ซึ่งถึงแม้ยังต้องรักษาหลักนิติธรรมแต่ก็ต้องคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาทางสังคมและชีวิตมนุษย์ การแก้ไขข้อตกลง TRIPS เพื่อให้มีความหยุ่นตัวในการใช้มากขึ้นนับเป็นครั้งแรกๆ ที่มีการนำกฎข้อบังคับของ WTO มาใช้เพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรมประกอบกับหลักนิติธรรม แม้ว่าหลักการนี้จะมีความประสงค์ที่ดีก็ตาม การใช้ waiver ข้อนี้ในเวลา 13 ปีที่ผ่านมามีผลจริงจังเพียงครั้งเดียว ส่วนประเทศ เช่น สหรัฐฯ พยายามที่จะทำให้การใช้ waiver นี้ยากที่สุด รวมทั้งพยายามที่จะนำข้อกำหนดของ TRIPS ที่เข้มงวดที่สุดเข้าไปรวมอยู่ในข้อตกลงทวิภาคีหรือในข้อตกลงเขตการค้าเสรีระดับภูมิภาค เช่น ข้อตกลง TPP (Transpacific Trade Partnership) ที่ประธานาธิบดี Trump ได้ถอนตัวออกมา การบังคับใช้หลักนิติธรรมเต็มรูปแบบและอย่างเข้มงวดที่สุดจึงมักให้ประโยชน์มากที่สุดกับประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเหล่านี้เมื่อไม่สามารถบังคับใช้ข้อตกลงเช่นนี้ ผ่านระบบการค้าพหุภาคีช่อง WTO ก็จะพยายามแฝงเงื่อนไขเหล่านี้ผ่านข้อตกลงในลักษณะอื่นๆ ที่ประเทศเหล่านี้มีอำนาจเหนือประเทศที่เล็กกว่าและยากจนกว่า
(โปรดติดตามตอนต่อไป ในวันศุกร์หน้า)
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี