“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศ ดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน ในขณะที่ “ตำรวจ” ไม่ค่อยได้รับความยุติธรรมจากหน่วยงานสักเท่าไหร่ ขณะเดียวกันหน่วยงานของ “ตำรวจ” สามารถยืดหยุ่นให้เล็กลง หรือเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการของหัวหน้าตำรวจหรือมีใบสั่งมาจากนักการเมืองหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ญาติพี่น้องควบคุมดูแลตำรวจบุคคลกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักดีในองค์กรตำรวจแม้นจะไม่มีเครื่องแบบสวมใส่แต่สามารถชี้เป็นชี้ตายกับตำรวจทุกชั้นยศได้ การแต่งตั้งระดับนายพลโดยเฉพาะตำแหน่ง พล.ต.อ.ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญมากสามารถตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้ทันที จึงมีการขอร้อง พล.ต.อ.ท่านหนึ่งที่จะเกษียณอายุราชการในปีหน้าย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีขาดจากการเป็นตำรวจเพื่อเปิดทางให้นายตำรวจท่านหนึ่งที่ต้องการตำแหน่ง พล.ต.อ.เพื่อก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในขณะเดียวกันสตช.มีการตอบแทนให้ด้วยการให้ไปคุมงานสำคัญคือ พดส. โดยยกตำแหน่งให้นายตำรวจผู้เสียสละได้นั่งในตำแหน่งสำคัญนี้ได้ทั้งตำแหน่งซี 11 ซึ่งมีการประเคนงบประมาณให้กันอย่างมหาศาลซึ่งไม่มีความจำเป็นอะไรเลยกับหน่วยดังกล่าวนี้ เงินงบประมาณที่ต้องตกใจมากขึ้นไปอีก มีเจตนาแอบแฝงเพื่อหาเหตุเปิดกองบัญชาการค้ามนุษย์ซึ่งเดิมเป็นเพียงกองบังคับการเท่านั้น
ขณะนี้ระดับสูงของ สตช.มีการปรึกษาหาเหตุที่จะปรับเปลี่ยนกองบังคับการ ปคม.เป็นกองบัญชาการเพื่อให้น้องรักหมายเลข 37 มานั่งบริหารงานเพื่อจะได้เปิดตำแหน่งขึ้นอีกมากมีตั้งแต่ระดับนายพล รองผู้บังคับการผู้กำกับ สารวัตร รองสว. และชั้นประทวนอีกจำนวนมาก ที่สำคัญต้องให้เงินงบประมาณในการตั้งกองบัญชาการ รถประจำตำแหน่งรถใช้งานและอุปกรณ์อีกมากมายเป็นจำนวนเงินมหาศาลที่สำคัญขณะนี้ได้วางแผนตั้งกองบังคับการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มอีก 1 กองบังคับการ มีการเร่งรีบที่จะดำเนินการให้เสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นอะไรหน่วยงานดูแลเด็กและสตรีและหน่วยงานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ทุกจังหวัดในประเทศมีอยู่แล้ว การกวดขันจับกุมและปราบปรามทุกพื้นที่เขาปราบปรามอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้ออกมาเป็นข่าว และข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องพวกเขาถูกปล้นผลงานไปเพราะพวกเขาเก่งในทางปฏิบัติไม่เก่งในการประชาสัมพันธ์จึงตกเป็นเบี้ยล่างให้กับนักปล้นผลงานและยังนำไปอ้างกับผู้บริหารรัฐบาลว่าตำรวจพื้นที่ไม่มีความเชี่ยวชาญกับการจับกุมควรตั้งเป็นกองบัญชาการซึ่งไม่มีความจำเป็นอะไรเลย การกระทำที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าตำรวจมีทั้ง “อาชีพตำรวจ” และ “ตำรวจอาชีพ” ผู้บริหารของรัฐบาลควรรู้เท่าทันกลุ่มตำรวจอาชีพบุคคลเหล่านี้พวกเขาไม่ได้รัก“อาชีพตำรวจ” แต่พวกเขาต้องการเครื่องแบบ ยศถาบรรดาศักดิ์ความเป็นตำรวจสร้างความเป็นปึกแผ่นชื่อเสียงทรัพย์สินศฤงคารให้กับครอบครัวกลุ่มก๊วนเท่านั้นไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเลย หรือว่าผู้บริหารในรัฐบาลบางคนก็รู้แต่เพราะพวกเขาดูแลท่านและครอบครัวดีจึงต้อง “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่”..... “ใครจะตายก็ช่างมัน ตูสบายก็แล้วกัน”......สวัสดีครับ...
เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี