มีคำถามว่า ระหว่างการให้ปากคำบนศาลที่มักอ้างแบบสวยหรูกันว่าเป็นศาลสถิตยุติธรรม กับการหาเสียงทางการเมืองในระหว่างการรณรงค์เพื่อเลือกตั้ง สส. สองเหตุการณ์นี้ อะไรเต็มไปด้วยการโกหกพกลมโป้ปดมดเท็จมากกว่ากัน
แน่นอนว่า มีผู้เชื่อและกล่าวว่า การโกหกที่แนบเนียบ รวมถึงการสร้างหลักฐานเท็จที่ทำให้ผู้มีอำนาจพิจารณาตัดสินหรือพิพากษาคดีความหลงเชื่อได้ คือความสำเร็จของการให้การหรือให้ปากคำบนศาล ดังนั้น เมื่อเราเห็นการให้ปากคำระหว่างคนสองฝ่ายบนศาลจึงมั่นใจได้ว่าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดจริง และอีกฝ่ายหนึ่งพูดเท็จ แล้วหลายต่อหลายครั้ง ผู้คนในสังคมก็ได้เห็นมาแล้วว่า ฝ่ายที่พูดจริงกลายเป็นผู้ถูกพิพากษาให้กลายเป็นคนผิด
ส่วนในทางการเมืองนั้น เราทุกคนก็คงพบและเห็นกันมาโดยตลอดว่า นักการเมืองจำนวนไม่น้อยพูดได้สารพัด พูดขาวให้เป็นดำ พูดดำให้เป็นขาว พูดว่าตนเองดีงามสารพัด ทั้งๆ ที่ในความจริงเขาเหล่านั้นแสนจะเลวทรามต่ำช้า
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องการพูดโกหกของคนบนศาล และของเหล่านักการเมือง และผู้มีอำนาจรัฐคือ ทำไมผู้พิพากษาและสาธารณชนจึงเชื่อคำโกหก
มีคำถามว่า การที่รัฐบาลหว่านเงินของประเทศจำนวนมหาศาลผ่านนโยบายประชานิยมสารพัดโครงการ กับการที่นักการเมืองแจกเงินเพื่อซื้อเสียง อะไรเป็นการกระทำที่เลวทรามมากกว่ากัน
แต่จะมีใครสักกี่คนที่กล้าตั้งคำถามกลับว่า แล้วทำไมคนรับเงินจึงยังกล้ารับเงินเหล่านั้น ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเงินที่ได้รับแจกนั้นเป็นเงินที่มาจากเจตนาทุจริตเป็นมูลฐาน
หรือเป็นเพราะว่า ผู้รับเงินคิดเพียงว่า เงินก็คือเงิน ไม่ว่าเงินจะมาจากคนเลวหรือคนดี เงินนั้นก็สามารถใช้ซื้อหาสิ่งของต่างๆ ให้กับตนเองได้ เมื่อผู้รับเงินคิดได้เพียงเท่านี้ ก็จึงไม่พยายามจะตั้งคำถามอีกต่อไปว่า ผู้แจกเอาเงินมาจากไหน เงินที่แจกเป็นเงินสุจริตหรือทุจริต
เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่ผิดปกติ รวมถึงสิ่งที่ผิดกฎหมาย อันเกิดมาจากการกระทำของนักการเมืองและผู้มีอำนาจรัฐ นั่นก็คือการสนับสนุนให้คนกลุ่มดังกล่าวกระทำผิดต่อไปเรื่อยๆโดยมีประชาชนเป็นผู้สนับสนุน และนั่นก็หมายถึงประชาชนยินดียอมรับคำโกหกต่างๆ นานา ของคนกลุ่มดังกล่าวโดยปริยาย
น่าสมเพชที่คนในสังคมไทยถูกนักการเมือง และรัฐบาลทุกรัฐบาลโกหกมาโดยตลอด แต่ถึงแม้จะรู้ดีว่าถูกโกหก แต่ทว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังคงปล่อยให้คนเหล่านั้นโกหกได้ต่อไป แล้วก็ยอมอยู่กับสิ่งโกหกได้อย่างไม่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องร่วมมือช่วยกันกำจัดคนโกหก
เมื่อคนไทยอาจจะชอบการโกหก ดังนั้นในการรณรงค์หาเสียงทางการเมืองทุกครั้งก็จึงเต็มไปด้วยการโกหก แต่ที่น่าสังเวชเป็นที่สุดก็คือ คนโกหกก็ยังคงเป็นคนหน้าเดิมๆ แล้วคนที่เชื่อคำโกหกก็คือคนที่ถูกโกหกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี