หลังจากเกิดความขัดแย้งที่ขยายตัวรุนแรงเพิ่มขึ้นระหว่างขั้วมหาอำนาจของโลกทางด้านแสนยานุภาพและความมั่นคง ก็เกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น โดยการที่สหรัฐประกาศทำสงครามการค้ากับจีน
นั่นคือการออกมาตรการเพิ่มภาษีศุลกากรหรือภาษีสินค้าขาเข้าที่นำเข้าจากจีน ตลอดจนการทำธุรกรรมบางอย่างของบริษัทจีนในสหรัฐ ซึ่งจีนได้ตอบโต้สงครามการค้าดังกล่าวในลักษณะที่ทัดเทียมกัน คือสหรัฐขึ้นภาษีเอากับจีนเท่าใด จีนก็ขึ้นภาษีเอากับสหรัฐเท่านั้น
ดังนั้นจึงเกิดผลกระเทือนอย่างกว้างขวางทั้งสหรัฐและจีน โดยเฉพาะประเทศต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องทางด้านการค้าระหว่างกัน ซึ่งบางประเทศก็ได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งนี้ บางประเทศก็เสียประโยชน์จากความขัดแย้งนี้ ขึ้นอยู่กับสติปัญญาความสามารถและเงื่อนไขพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เป็นโทษ และช่วงชิงผลกระทบที่เป็นคุณได้หรือไม่
และแล้วในขณะที่สงครามการค้าดำเนินไปไม่ทันไร ก็มีการแถลงข่าวร่วมระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนที่จะพักรบเรื่องสงครามการค้าไว้เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งจะเป็นผลอย่างไรต่อไปในอนาคตนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดในระยะ 90 วันนี้ ทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นอันพักรบและไม่บังคับใช้เกี่ยวกับการขึ้นภาษีระหว่างกัน ดังที่โหมโฆษณากันมาตั้งแต่ต้น
ทำไมจึงต้องพักรบเรื่องสงครามการค้า? ทำไมจึงไม่ทำสงครามการค้าให้แตกหักกันไปข้างหนึ่ง? ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าวิเคราะห์หาสาเหตุ จึงต้องลองวิเคราะห์ความเป็นไปในเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนอื่นพึงเข้าใจว่าในการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น แม้เป็นการค้าเหมือนกัน แต่เป็นการค้าขายกันคนละอย่าง
สหรัฐนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิดจากจีน ซึ่งหลายปีมานี้จีนก็ได้พัฒนาคุณภาพสินค้าจนได้มาตรฐาน แต่มีราคาถูกที่สุดในโลก และทำให้ผู้ผลิตซึ่งเป็นคู่แข่งในสหรัฐต้องล้มหายตายจากกันไป และในที่สุดสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดที่ใช้ในสหรัฐก็ต้องนำเข้าจากจีน
ซึ่งชาวอเมริกันก็มีความสุขและเพลิดเพลินใจในการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคจากจีน เพราะ
ประการแรก ได้สินค้าดีมีคุณภาพ ประการที่สอง ราคาถูกที่สุดในโลก และประการที่สาม มีสินค้าหลากหลายและมีการพัฒนาทั้งรูปแบบและคุณภาพสินค้าอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นที่ต้องตาต้องใจของคนรุ่นใหม่ทั้งหลายด้วย ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าชาวอเมริกันทั้ง 300 ล้านคน ติดยึดมั่นอยู่กับสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีน
ดังนั้น เมื่อเกิดสงครามการค้าขึ้น และรัฐบาลสหรัฐขึ้นภาษีจากสินค้าจีนประมาณ 25% และกว่านั้น ผลแท้จริงก็คือชาวอเมริกันยังจำเป็นต้องใช้สินค้าอุปโภคบริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่ต้องซื้อหาในราคาที่แพงขึ้นตามจำนวนอัตราภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มขึ้น เหตุนี้มาตรการสงครามการค้าที่สหรัฐกระทำต่อจีน ผลแท้จริงจึงเกิดความเดือดร้อนแก่ชาวอเมริกันทั้ง 300 ล้านคน ที่ต้องก่นด่ารัฐบาลอย่างสาดเสียเทเสีย
กระแสการคัดค้านการทำสงครามการค้าขยายตัวไปอย่างกว้างขวางในสหรัฐ ซึ่งแน่นอนว่าสักวันหนึ่งอาจเกิดการเดินขบวนขับไล่รัฐบาลหรือกดดันจนต้องยกเลิกนโยบายนี้ ก็สงครามเวียดนามนั้นสาเหตุหลักที่สหรัฐพ่ายแพ้ก็คือชาวอเมริกันต่อต้านสงคราม และกดดันจนรัฐบาลต้องจำยอมถอนทหารออกจากเวียดนาม และเป็นเหตุให้สหรัฐพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่สุดมาแล้ว
ดังนั้น หากสงครามการค้าดำเนินต่อไป ผลร้ายก็จะตกแก่ชาวอเมริกันทั้ง 300 ล้านคน และคน 300 ล้านคนนี้แหละที่จะลุกขึ้นมาประท้วงขับไล่รัฐบาลจนต้องเลิกทำสงครามการค้าไปเอง
ส่วนทางด้านจีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐส่วนใหญ่เป็นสินค้าพิเศษที่ใช้เทคโนโลยีสูงในทุกด้าน ซึ่งจีนพร้อมซื้อทุกสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงจากสหรัฐ จนหลายผลิตภัณฑ์สหรัฐไม่ยอมขายให้หรือขายให้ไม่ได้ การที่จีนขึ้นภาษีเอากับสินค้าสหรัฐนั้นส่วนใหญ่จึงกระทบกับบริษัทของจีนที่นำเข้าไม่กี่บริษัท โดยประชาชนจีน 1,400 ล้านคน ไม่ได้ร้อนเนื้อร้อนใจอะไรด้วย ดังนั้นโดยฐานของประชาชน รัฐบาลจีนสามารถดำเนินสงครามการค้าได้อย่างสบายใจเฉิบ
สำหรับบริษัทนำเข้าของจีนราว 10 บริษัท ที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่จีนขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลเอง หรือไม่ก็เป็นบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องอยู่กับหน่วยงานของรัฐบาลจีน
ดังนั้นแม้อัตราภาษีจะถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีน เพราะรัฐบาลจีนสามารถจ่ายเงินสนับสนุนหรือช่วยเหลือการขาดทุนให้กับบริษัทเหล่านั้นได้ไม่ยากไม่ลำบาก จะมีปัญหาบ้างก็เฉพาะเทคโนโลยีบางอย่างที่ต้องนำเข้าจากสหรัฐเท่านั้น
แต่ทว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นในปัจจุบันนี้ ทั้งรัสเซียและจีนได้มีสำรองความก้าวหน้าไว้ร่วม 20 ปี แม้จะซื้อแบบใหม่มายังไม่ได้ แต่เฉพาะที่มีอยู่แล้วก็ยังอยู่ในวิถีแห่งความก้าวหน้าที่ล้ำหน้ากว่าหลายประเทศในโลก
ลักษณะสงครามการค้าที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเช่นนี้ ก็เห็นได้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าชัยชนะและปราชัยจะเป็นของฝ่ายใด?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี