พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจมาตรา 44 ปลดล็อกการเมืองแล้ว
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2561 เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค. 2561)
การเมืองไทยหลังปลดล็อก จะเป็นอย่างไร ?
1. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2561
การตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ต้องดำเนินการภายใน 90 วัน จะเป็นวันไหนไม่แน่ชัด แต่ในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย กับพรรคการเมืองระบุกันไว้แล้วว่า น่าจะเป็นวันที่ 2 ม.ค. 2562
หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส. ก็จะเริ่มคำนวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง
พูดง่ายๆ ว่า จะเริ่มให้มีการหาเสียงเลือกตั้ง หลัง มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส. (2 ม.ค. 2562)
2. ปฏิทินสู่การเลือกตั้ง 2562 ที่มีการพูดคุยตกผลึกกันแล้วนั้น ประกอบด้วย
11 ธ.ค. 2561 พ.ร.ป. เลือกตั้ง สส. มีผลบังคับใช้ (มีผลใช้บังคับแล้ว)
การปลดล็อกทางการเมือง โดยยกเลิกการบังคับใช้คำสั่ง/ประกาศ คสช. จำนวน 9 ฉบับ (ปลดล็อกแล้ว)
20 ธ.ค. 2561 กกต. ออกประกาศใช้ระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.
2 ม.ค. 2562 ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้ง สส.
4 ม.ค. 2562 กกต.ออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร และจำนวน สส. แต่ละเขต
14-18 ม.ค. 2562 วันรับสมัคร สส. เขต และบัญชีรายชื่อ พร้อมแจ้งชื่อนายกฯ ในบัญชีของแต่ละพรรค
25 ม.ค. 2562 ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สส.
4-16 ก.พ. 2562 วันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
17 ก.พ. 2562 วันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง
24 ก.พ. 2562 วันเลือกตั้งทั่วไป
25 เม.ย. 2562 วันสุดท้ายของการประกาศผลการเลือกตั้ง
9 พ.ค. 2562 วันสุดท้ายของการประชุมรัฐสภาครั้งแรก
ภายใน พ.ค. 2562 เลือกประธานสภา เลือกนายกฯ แต่งตั้ง ครม.
ภายใน พ.ค. 2562 ครม. ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณตน เป็นผลให้ ครม. และ คสช. พ้นจากอำนาจ
3. นี่คือสัญญาณเดินไปสู่การเลือกตั้งชัดเจน
เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่มีความสำคัญทางการเมือง
ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์
พรรคการเมืองสามารถรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อนำเสนอนโยบายที่ใช้ในการบริหารประเทศต่อประชาชน
แต่สำคัญ คือ จะต้องไม่ให้บ้านเมืองย้อนกลับไปสู่สภาวะความวุ่นวาย ความรุนแรง ตกหล่มความขัดแย้ง การปลุกระดมด้วยความเท็จ สร้างความเกลียดชัง บางพรรคไปทำกิจกรรมทางการเมืองบางพื้นที่ไม่ได้ หรือเลวร้ายไปกว่านั้น คือ เกิดความโกลาหลในบ้านเมืองขึ้นมาอีก จะเกิดปัญหาใหญ่ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
4. หัวหน้า คสช.ปลดล็อกอะไรบ้าง?
ยกเลิก
(1) คำสั่ง คสช. ที่ 10/2557 เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลฯ
(2) คำสั่ง คสช. ที่ 26/2557 เรื่อง ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลฯ
(3) ประกาศ คสช. ที่ 39/2557 เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานตัวต่อ คสช.
(4) ประกาศ คสช. ที่ 40/2557 เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่ถูกกักตัวตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 15 ทวิ
(5) ประกาศ คสช. ที่ 57/2557 เรื่อง ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป
(6) คำสั่ง คสช. ที่ 80/2557 เรื่อง ให้บุคคลปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
(7) คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ
(8) คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(9) คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2561 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ทั้งหมด มิได้ยกเลิกทั้งหมดเสียเลย แต่ยกเลิกบางประการ โดยมุ่งตรงเฉพาะที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมการเมืองการเลือกตั้งของพรรคการเมือง ส่วนที่เคยห้ามเคลื่อนไหวหรือประชุมทางการเมือง หรือห้ามการดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองเป็นหลัก และไม่กระทบกระเทือนถึงการดำเนินคดี การดำเนินการ หรือการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งที่ได้กระทำก่อนการยกเลิกโดยคำสั่งนี้
5. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า คำสั่ง คสช. 22/2561 นั้น ช่วยปลดล็อกพรรคการเมือง
“..ขณะนี้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทุกอย่าง ซึ่งการแก้ไขคำสั่งทั้ง 9 ฉบับ มีคำสั่งที่เกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมทางการเมืองเพียง 2 ฉบับ และส่วนที่เหลือเกี่ยวกับการรายงานตัว และเรื่องธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งพรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่พบปะประชาชนได้ โดยการหาเสียงของพรรคการเมืองตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ระบุว่าการหาเสียงจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมา ส่วนจะหาเสียงอย่างไรให้เป็นไปตามวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ดังนั้น ในช่วงที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ก็สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ และไม่ถือว่าเป็นการหาเสียง หากพรรคการเมืองจัดเวทีปราศรัยหรือเรียกประชุม สส. ไม่ต้องขอ คสช. อีกแล้ว เพราะไม่มีกฎหมายห้าม แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ทุกอย่างจะเข้าสู่ระบบและจะเริ่มคิดค่าใช้จ่ายกันตั้งแต่วันนั้น หากจะขึ้นป้ายคัตเอาท์ก็สามารถทำได้ แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งก็ต้องเอาลง โดยการทำกิจกรรมทุกอย่างได้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น เรื่องรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบ และความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากจะเรียกว่าคำสั่งปลดล็อกฉบับนี้ว่าเป็นการปล่อยผีให้พรรคการเมือง ก็แล้วแต่จะเรียก เพราะปล่อยหมดแล้วจนไม่มีอะไรเหลือ และถือว่าดีกว่าช่วงที่พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งเสียอีก เพราะต้องเข้าไปอยู่ในกฎเกณฑ์ตามกฎหมาย”
6. ส่วนคำสั่ง คสช.ที่คุมสื่อ ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ด้านหนึ่ง เป็นการลิดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนมืออาชีพ
อีกด้านหนึ่ง ก็ขนาดควบคุมอยู่ แต่ที่ผ่านมา ยังเห็นนำเสนอข้อมูลเท็จ บิดเบือนในเชิงปลุกปั่นปลุกระดมโดยสื่อบางกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้ถูกจัดการ
7. สรุปว่า นี่เป็นช่วงเวลาปล่อยผี
ยังไม่คำนวณค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ใครจะทำอะไรจัดเต็มเลย (แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองปกติ)
หลังจากนี้ ช่วงที่น่าสนใจ คือ หลังมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง สส. (คาดว่า 2 ม.ค. 2562)
ราวๆ วันที่ 14-18 ม.ค. 2562 น่าจะเป็นวันรับสมัคร สส. เขต และแจ้งชื่อนายกฯ ในบัญชีของแต่ละพรรคการเมือง คงจะได้เห็นกันว่าพรรคการเมืองไหน จะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง?
แต่ละพรรคเสนอได้ไม่เกิน 3 รายชื่อ
ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
แต่ละพรรคเสนอชื่อซ้ำกันไม่ได้
หนึ่งคน สามารถถูกเสนอได้โดยพรรคการเมืองเดียว
และต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว
8. สังคมสนใจว่า พลเอกประยุทธ์ จะยอมรับการเสนอชื่อในบัญชีชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่?
เพราะฝ่ายการเมืองตอนนี้ ตั้งป้อม พุ่งเป้าโจมตีไว้แล้วว่า เมื่อไหร่รับเสนอชื่อ แสดงว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีต่อไป
ในทางตรงกันข้าม หากพลเอกประยุทธ์ไม่อยู่ในบัญชีชื่อพรรคใดเลย ทำหน้าที่หัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อยๆ ใครจะเลือกตั้งก็เลือกตั้งกันไป หลังเลือกตั้งก็ปล่อยให้วุฒิสภาและ สส. เลือกนายกฯ กันไป ตามรัฐธรรมนูญ แล้วถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ค่อยรับเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ก็อาจเป็นไปได้
แต่ก็คงไม่แคล้วจะถูกฝ่ายการเมืองตีกันอีกหรือไม่ว่า เป็นนายกฯ คนนอก ไม่เป็นประชาธิปไตย
เรียกว่า คงจะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
จะแก้ลำทางการเมืองตรงนี้ อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี