ตอนที่ 4
3. พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 เป็นกฎหมายสำคัญในการที่จะรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรไทย ที่ต้องช่วยทำให้เกษตรกรตื่นตัวในการให้ความสำคัญและการมีบทบาทของระบบทรัพย์สินทางปัญญาที่จะนำมาใช้ในการคุ้มครองความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การแบ่งผลประโยชน์ระหว่างผู้ค้นคว้าและเกษตรกรการใช้สิทธิพิเศษของเกษตรกรโดยเฉพาะในการนำส่วนขยายพันธุ์ของตนเองไปใช้ในการเพาะปลูกซึ่งมีบัญญัติอยู่ในการคุ้มครองพันธุ์พืชของไทย ทั้งหมดนี้มีจัดระเบียบอยู่ในข้อตกลงทางความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biodiversity) ซึ่งมีข้อตกลง Nara ที่กำหนดให้มีการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างสถาบันค้นคว้าดัดแปลงและเกษตรกรเจ้าของภูมิปัญญา อย่างไรก็ดีในกรณีของศาลสหรัฐฯ กลับมีการตัดสินให้บริษัท Monsanto ชนะคดีที่ทำให้เกษตรกรไม่สามารถใช้พันธุ์พืชของตนเองได้โดยยึดหลักของ patent exhaustion ที่ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำเมล็ดพันธุ์หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิ์ ส่วนข้อกำหนด 29 ของ TRIPS ก็กำหนดให้มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่เพียงสิ่งประดิษฐ์ที่จะขอรับสิทธิบัตรเท่านั้น ไม่กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและทรัพยากรชีวภาพที่นำมาใช้กับสิ่งประดิษฐ์ ปัญหาการใช้ข้อตกลงทางความหลากหลายทางชีวภาพจึงยังคงมีอยู่โดยที่หลักนิติธรรมทางด้านการคุ้มครองเจ้าของพันธุ์พืชและภูมิปัญญากลับไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของภูมิปัญญาสามารถรักษาสิทธิของตนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งกลับกันกับกรณีทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องของยารักษาโลกที่ประเทศพัฒนาแล้วยืนยันการคุ้มครองผู้ทรงสิทธิ์อย่างเข้มงวดที่สุด หลักนิติธรรมและการพัฒนาในระดับโลกจึงยังคงมีปัญหาในเรื่องการนำมาใช้ที่ให้ประโยชน์ทางด้านการพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้งการนำหลักนิติธรรมมาใช้ในกรณีของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญายังดูเสมือนมีการใช้มาตรฐาน 2 แบบ ที่ให้การคุ้มครองไม่เหมือนกัน โดยที่ประเทศกำลังพัฒนาจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบอยู่เสมอ
4.องค์การ UNCTAD (UN Conference on Trade and Development) มีหน้าที่หลักประการหนึ่งในการเป็นผู้ดูแลการใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้าและการคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายนี้มีความสำคัญในแง่การค้าที่มีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น และผู้บริโภคมักไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากตลาดเสมอไป แต่การใช้กฎหมายนี้ในแต่ละประเทศมักจะมีการตีความกันแตกต่างออกไป โดยเฉพาะในเรื่องของผู้ประกอบธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาด และในเรื่องของการควบคุมธุรกิจและบทบัญญัติในการลงโทษ ทำให้ UN ต้องให้คำแนะนำในการเปรียบเทียบการใช้กฎหมายนี้ในแต่ละประเทศที่ช่วยให้การใช้ในระดับการค้าระหว่างประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไทยใช้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้ามาตั้งแต่ปี 2542 โดยไม่มีผลอย่างจริงจังอย่างใดเลย เนื่องจากมีปัญหาในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดคำนิยามของการมีอำนาจเหนือตลาดและการเกี่ยวเนื่องกับการเมืองในการบังคับใช้กฎหมายนี้ จึงไม่มีการนำมาบังคับใช้เป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่การปรับปรุงจนได้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ที่แก้ไขจุดอ่อนจากพระราชบัญญัติฉบับเดิม โดยกฎหมายใหม่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้ให้มากขึ้น เช่น โดยการตั้งคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่สรรหาเป็นเอกเทศ และมีสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ารองรับในลักษณะขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มบทลงโทษให้มีโทษปรับเพิ่มจากเดิมที่มีเพียงโทษทางอาญาเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้มีการแก้ไขเพื่อให้การพิจารณาข้อร้องเรียนของภาคธุรกิจให้เร็วขึ้นโดยลดขั้นตอนการพิจารณา รวมถึงการเอาผิดกรณีการร้องเรียนที่เป็นเท็จ ส่วนกรณีที่เป็นคดีฟ้องร้องให้ส่งศาลคดีทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นศาลที่เกี่ยวกับคดีเศรษฐกิจที่มีขั้นตอนพิจารณารวดเร็วกว่าศาลอาญา หากประเทศต้องการให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อมสามารถจรรโลงอยู่ได้เคียงข้างกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กฎหมายการแข่งขันทางการค้าต้องถูกนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาคณะกรรมการและสำนักงานให้ปลอดจากการกดดันทางการเมืองได้อย่างอิสระที่สุดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำกฎหมายนี้มาใช้ซึ่งเป็นลักษณะแบบแผนที่มีความจำเป็นในทุกประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกัน
5. ในทำนองเดียวกันกับกฎหมายการแข่งขันทางการค้ากฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกับการค้าจะต้องไม่มีบริบทที่ปล่อยให้ตลาดมีอำนาจจนเกินพอดีและให้การใช้อำนาจที่ไม่จำกัดทางการตลาด ก่อให้เกิดการผูกขาดของตลาดในรูปแบบต่างๆ กฎหมายเหล่านี้มักจะมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะจากปรัชญาของ John Locke (1632-1704) (บิดาของ Liberalism) และ Jeremy Bentham (1748-1832) ที่ยึดหลักปรัชญาเสรีนิยมที่เน้นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ดีความเป็นจริงของตลาดคงจะใกล้กับสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์สำคัญอีกคนของอังกฤษ John Robinson (1903-1983) ที่ในภายหลังเป็นผู้ริเริ่มทฤษฎีของการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ (imperfect competition) และเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกที่ให้คำนิยามของเศรษฐศาสตร์มหภาค โดยพยายามอธิบายแนวคิดของ Keynes โดยเฉพาะในเรื่องการมีงานทำและการบรรยายทฤษฎีของ Keynes ว่าเป็นเรื่องของผลผลิตโดยรวม (output as a whole) จากทฤษฎีนี้ที่แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันในเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะมีลักษณะของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีลักษณะผูกขาด (monopolistic competition) อยู่เสมอ ทำให้เกิดความจำเป็นที่ภาครัฐต้องเข้ามาดูแลไม่ให้การแข่งขันในตลาดเป็นไปในรูปแบบที่มีความได้เปรียบเสียเปรียบที่ไม่เป็นธรรมและก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคที่รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นในตัวบทกฎหมายทั้งหลายที่เกี่ยวกับการผลิตการค้าจึงมักจะมีเงื่อนไขที่จำกัดลักษณะการมีอำนาจผูกขาดไว้ เช่น
- ในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจะมีข้อเงื่อนไข exhaustion of rights ที่จำกัดอายุการคุ้มครองสิทธิบัตร เช่น ที่มีระยะ 20 ปี สำหรับความเป็นเจ้าของ
- หลักของ compulsory licensing ในกฎหมายสิทธิบัตรเพื่อช่วยประเทศที่มีรายได้ต่ำ
- หลักของการใช้การคุ้มครองที่เป็นธรรมในกฎหมายลิขสิทธิ์
- หลักของ benefit sharing ในกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช
- กฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นส่วนประกอบของการป้องกันการแข่งขันที่เป็นการผูกขาด
- หลักการของ SDT (special and differential treatment)ในข้อตกลงที่มีพันธกรณีขององค์การการค้าโลก
6. ปัญหาของการใช้หลักนิติธรรมในข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีผลในการจำกัดพื้นที่การวางนโยบาย (policy space) ทำให้เกิดปัญหาภาระต่อประเทศกำลังพัฒนาที่มีทรัพยากรจำกัดอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ปัญหาความยากจนคือ ตัวแปรจำกัดความสามารถในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงที่มีอยู่มากมายในระดับระหว่างประเทศ แม้ว่าเงื่อนไขบางประการจะนับเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนาเองก็ตาม เงื่อนไขบางประการมีการกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติตามและบทการลงโทษที่จะเป็นภาระต่อประชาชนของเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาโดยไม่เป็นธรรมเสมอไป ตัวอย่างของข้อตกลงระหว่างประเทศที่จะจำกัดพื้นที่การวางนโยบายที่ไทยอาจมีส่วนเกี่ยวโยงในปัจจุบัน
- เงื่อนไขทางด้านความปลอดภัยทางด้านการเงินของ ICAO (International Civil Aviation Organization)
- เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการประมง เช่น IUU (illegal, unregistered, unreported) ที่ไทยต้องออกแบบการประมง (พ.ศ. 2560) มาแก้ไข
- เงื่อนไขจากสหรัฐฯ ในเรื่อง TIP (trafficking in people)
- เงื่อนไขของการผลิตอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมของ ISO (International Standard Organization)
- การค้าสัตว์ที่อาจจะสูญพันธุ์ (CITES หรือ Convention on International Trade in Endangered Species)
- การใช้ประโยชน์จากสิทธิ์การเป็นเจ้าของเครื่องบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(geographical indication) โดยเฉพาะการยอมรับจากกลุ่มประเทศอื่นๆ
- ความโปร่งใสในการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ (Extractive Industry Transparency International หรือ EITI)
- ข้อตกลงที่ Paris ของ UNFCCC ทางด้านการเปลี่ยนแปลงของอากาศ (climate change)
(โปรดติดตามตอนต่อไปในวันศุกร์หน้า)
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี