การแก้ไขปัญหาคนยากจนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำมาตั้งแต่ปี 2559 หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ไปเยี่ยมราษฎรแล้วพบว่าคนไทยเป็นจำนวนมากยังยากจนและด้อยโอกาสจำเป็นที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐจึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับกระทรวงการคลัง ภายใต้การนำของนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กับพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์เป็นรัฐมนตรี และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่
ผลสำรวจปริมาณประชาชนที่ยากจนพบว่าในปี 2559มีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนอยู่ 11.4 ล้านคนยังไม่นับรวมบรรดาผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ ที่อยู่ปริ่มเส้น ไกลจากมือที่รัฐจะเอื้อมไปถึงมีทั้งคนชราและอีกจำนวนหนึ่งเป็นคนพิการซึ่งทั้งหมดไม่มีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้โครงการสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้นโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงถือกำเนิดขึ้นตามคำมั่นสัญญาที่ว่ารัฐจะทำให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
สวัสดิการแห่งรัฐนี้ เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนไทยในกลุ่มที่ด้อยโอกาสทางสังคมทุกกลุ่มได้รับความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมกันในทุกๆ ด้าน โดยความประสงค์ของนายกรัฐมนตรีที่ว่าเขาจะไม่เหลือใครสักคนไว้ข้างหลังในการนำพาประชาชนคนไทยก้าวพ้นจากกับดักแห่งความยากจน และนำพาทุกคนสู่ความเท่าเทียมกันในทุกๆ เรื่องด้วยนโยบายปฏิรูปประเทศไทย
โดยรัฐบาลกำหนดให้วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นวันเริ่มต้นของการให้สวัสดิการแห่งรัฐที่จะมีผลบังคับใช้เริ่มต้นจากการจ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยปีละ 30,000-100,000 บาท และต่ำกว่าเส้นยากจนที่มีกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง, ธนาคารรัฐ, กระทรวงพาณิชย์ และจังหวัดต่างๆ ร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประชาชนในการลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
รัฐบาลได้กำหนดให้ประชาชนตามหลักเกณฑ์การขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปลงทะเบียนไว้ในช่วงระหว่างวันที่ 3 เม.ย.จนถึงวันที่ 15 พ.ค. 2560 มีประชาชนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 11.4 ล้านคน จากที่ลงทะเบียนทั้งสิ้น 14.1 ล้านคน ส่วนคนที่ถูกตัดสิทธิ์ 2.7 ล้านคน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ผลการอุทธรณ์ได้ประกาศในวันที่ 24 ต.ค. 2560 ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ www.epayment.go.th และตรวจรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ 3 แห่ง คือ www.epayment.go.th www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ลงไปในช่องที่กำหนดเพื่อให้ระบบแจ้งผลการตรวจสอบ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมี 2 วงเงินคือ 400 บาท และ 600 บาท ผู้ถือบัตรนี้จะสามารถไปซื้อสินค้าได้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่ขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด 15-20% เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนที่มีอยู่ทั่วประเทศ17,000 ร้าน โดยเปิดกว้างให้ผู้ผลิตทุกรายเข้าร่วมทุกรายที่ขอมาไม่ได้ต้องการจะช่วยเจ้าสัวอย่างที่นักการเมืองโจมตีแบบข้างๆ คูๆ ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเดือนละ 3,200 ล้านบาท นอกจากจะช่วยลดค่าครองชีพให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว ยังจะทำให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นและธุรกิจเติบโตขึ้น
และมีมาตรการช่วยเหลือจากกระทรวงพลังงาน ที่ประกอบไปด้วย การให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิ์ใช้ไฟฟ้าฟรีคือกลุ่มคนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน50 หน่วยต่อเดือน ล่าสุด เมื่อสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้รวม 3.26 ล้านราย และการไฟฟ้านครหลวงให้ความช่วยเหลือ รวม 10,000 ราย รวมทั้งสิ้น 3.27 ล้านราย
การช่วยลดภาระรายจ่าย ค่าก๊าซหุงต้มสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ร้านอาหารตามสั่งข้างถนน ล่าสุด ผู้มีสิทธิ์รวม 7,955,684 สิทธิ์ แบ่งเป็นครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย 7,569,867 ราย ไปใช้สิทธิ์ 28,310 ราย คิดเป็น 0.37% ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย 385,817 ราย โดยใช้งบประมาณปี 2562 เป็นจำนวน 38,750 ล้านบาท จ่ายเงินสดเป็นของขวัญปีใหม่รายละ 500 บาท 11 ล้านคน ให้ค่าพาหนะไปโรงพยาบาล 1,000 บาทต่อคน ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคน ค่าไฟฟ้า 230 บาทต่อครัวเรือน และค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือน
กระทรวงการคลังจะประเมินผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันจันทร์ที่ 17 ธ.ค.นี้ เบื้องต้นพบว่าใช้ได้ระดับหนึ่ง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เช่น การลงทะเบียนรายบุคคลอาจไม่ตอบโจทย์ 100% เพราะบางครอบครัวมีฐานะดี แต่เมื่อลงทะเบียนรายบุคคล เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรายบุคคลแล้วจะผ่านคุณสมบัติ เพราะไม่มีรายได้ ไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินจึงมีเหตุการณ์ว่าทำไมมีฐานะดีแล้วยังได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
การลงทะเบียนรอบใหม่ปี 2562 ต้องแก้ปัญหาโดยสิ่งที่ดู คือ ต้องเป็นการลงทะเบียนรายบุคคลและรายครอบครัวด้วย เพื่อจะทำให้เห็นว่า ครอบครัวไหนรายได้ดีหรือไม่ดี หากทำเช่นนี้ก็จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการ คือ ลงทะเบียนเป็นครอบครัวด้วย GPS Map ในบ้านที่มีรายได้น้อยแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ดี
ผลสำเร็จของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะเน้นทั้งให้ผู้ถือบัตรมีรายได้เพิ่มจากปีละ 30,000 บาท และมากกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งยังไม่เห็นตัวเลขว่าออกมาอย่างไรแต่ที่ยํ้าก็คือผู้ที่มีรายได้ตํ่ากว่า 3 หมื่นบาท ต้องทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาจจะยังไม่ถึง 1 แสนบาทต่อปี แต่ต้องทำให้รายได้เพิ่มขึ้น เพราะ 3 หมื่นบาทต่อปี เป็นระดับที่ตํ่ากว่าเส้นความยากจน นี่คือโครงการช่วยคนยากจนของรัฐบาลที่ได้ทำอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี