ประเด็นการหาเสียงเพื่อให้ได้ชัยชนะทางการเมืองสำหรับพรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ.2560 คือการเสนอว่าจะแก้ไข หรือบางพรรคการเมืองอาจจะพูดให้ดูดุเดือดว่าต้องล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งหากจะพิจารณาตามประเด็นการหาเสียงแล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายกับการแก้ไข หรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้ว จะพบว่าพรรคการเมืองที่ประกาศจะล้มหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 นั้น ส่วนมากก็เป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่ไม่พอใจกับการขึ้นมามีอำนาจรัฐโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่พอใจกับการขึ้นมามีอำนาจของรัฐบาล คสช. ที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ไม่พอใจส่วนมากก็มักจะโจมตีว่ารัฐธรรมนูญนี้ซ่อนเงื่อนเรื่องการสืบทอดอำนาจรัฐโดย คสช. และก็มีอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกโจมตีอย่างมากก็คือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่บังคับว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่ขึ้นมาปกครองประเทศจะต้องดำเนินไปตามสิ่งที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีอย่างเคร่งครัด โดยผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด
แน่นอนว่า ทั้งรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คือสิ่งที่รัฐบาล คสช. ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น และเป็นสิ่งที่ดีงาม เหมาะสมกับประเทศไทย อีกทั้ง คสช. ยังย้ำมาโดยตลอดว่าไม่เคยมีเจตนาสืบทอดอำนาจรัฐ แต่จำเป็นต้องบริหารประเทศให้รอดพ้นจากหายนภัยทั้งปวง
เมื่อกลับไปพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 จะกระทำได้ง่ายดายจริงหรือ ก็จะพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากจะต้องใช้จำนวน สส. และ สว. ในการเข้าชื่อแก้ไขไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา โดยจะต้องมี สว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ให้ความเห็นชอบในการพิจารณาวาระแรกของการแก้ไข และต้องไม่ลืมว่า สว. จำนวน 250 ที่มาจากความเห็นชอบของ คสช. นั้นคงจะไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์ต่อ คสช. อย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องจำนวน สว. 1 ใน 3 ที่จะให้ความเห็นชอบด้วย จึงเป็นอันตัดออกไปได้
เงื่อนไขต่อมาคือ การลงคะแนนเสียงในวาระที่ 3 ก็จะต้องใช้จำนวน สส. จากฝ่ายค้านให้ความเห็นชอบในจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 จากทุกพรรคการเมือง
นี่คือเงื่อนปมเบื้องต้นที่ถูกวางไว้ เพื่อป้องกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 ทั้งนี้ยังไม่นับรวมประเด็นที่อนุญาตให้ สส. หรือ สว. หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดในแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน สามารถเข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาที่ตนสังกัด หรือต่อประธานรัฐสภา เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญดังกล่าวขัดต่อมาตรา 255 คือเข้าข่ายการเปลี่ยนแปลงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐหรือไม่ และจะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่
ขอบอกตรงๆ ว่าการแก้ไข หรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก และมากที่สุด แต่หากจะถามว่าแล้วเหตุใดจึงยังคงมีพรรคการเมืองบางพรรคชูประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อหาเสียง คำตอบสั้นๆ ตรงประเด็นก็คือ เพื่อใช้เป็นเรื่องโจมตี คสช. เท่านั้น และก็คงจะโจมตีไปเรื่อยๆ แม้จะรู้ดีว่าแก้ไขหรือล้มรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 ได้ยากมาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี