เรื่องนี้น่าสนใจครับเพราะพี่น้องเกษตรกร พืชไร่ พืชสวน มะพร้าว ปาล์ม ยางพารา ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้เพิ่มเติมการประกอบอาชีพ ด้วยการเลี้ยง “โคเนื้อ” กันจำนวนมาก บ้านละ 3 ตัว 4 ตัว และขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำราคาไม่ตก ซึ่งหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อาทิ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา(นทพ.) ซึ่งมิตรน้ำหมึกสุดหล่อของ “นักรบสีน้ำเงิน” ส่งข้อมูลไปให้ผมช่วยเผยแพร่ว่า พล.อ.ดร.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.นทพ.มีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาความมั่นคงของประเทศ ด้วยการยกระดับ สภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ให้การดำเนินชีวิตประจำวันมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการพัฒนาประเทศ
โดยส่วนมากแล้วประเทศไทยประชาชนส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักในทั่วทุกภูมิภาค ทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงโคประจำถิ่น ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งการเลี้ยงโคเนื้อ แบบปล่อยตามทุ่งหญ้าธรรมชาติ และการเลี้ยงโคเนื้อในเชิงธุรกิจ ซึ่งการพัฒนา การเลี้ยงโคเนื้อในประเทศมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ นทพ. ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญและเป็นหน่วยงานสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อในประเทศ ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานแรกที่มีการริเริ่มการนำเทคโนโลยี ด้านการผสมเทียม เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการผลิต โดยใช้น้ำเชื้อสายพันธุ์ชาโรเล่ส์มาผสมเทียมกับโคพื้นเมือง ทำให้ได้ลูกโคผสมที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว เนื้อมีคุณภาพ โดยมอบภารกิจนี้ให้สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สทพ.นทพ.) เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ซึ่งต่อมา ในภาคเอกชนได้ให้ความสนใจ และนำโคเนื้อต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงในประเทศเป็นจำนวนมากอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีโคลูกผสมในประเทศเพิ่มมากขึ้น
จากสถิติของกรมปศุสัตว์ปี 2557 ประเทศไทยมีโคเนื้อจำนวน 4.3 ล้านตัว เป็นโคเนื้อวัยเจริญพันธุ์ที่ผลิตลูกโค จำนวน 1.25 ล้านตัว สามารถผลิตลูกโคได้จำนวน 9.38 แสนตัว ทั้งนี้ เป็นเพราะ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ยังประสบปัญหาหลายอย่าง ได้แก่ การขาดความรู้ความเข้าใจในด้านการจัดการการเลี้ยงโคเนื้อ, ขาดแคลนพืชอาหารสัตว์ทำให้โคได้รับสารอาหารอย่างไม่เพียงพอ, การปรับปรุงพันธุ์ยังไม่ทั่วถึง, ปัญหาโรคระบาดในสัตว์เช่น โรคปากและเท้าเปื่อย โรคพยาธิ เป็นผลทำให้เกิดการผลิตโคเนื้อยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะโคเนื้อคุณภาพสูง (Premium grade) ซึ่งประเทศไทย มีศักยภาพและความสามารถสูงเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราสามารถผลิตโคพันธุ์และโคเนื้อส่งออกไปยังจำหน่ายต่างประเทศได้ กอปรกับการจัดการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะส่งออกโคเนื้อไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัญหาสำคัญในการผลิตโคเนื้อคุณภาพสูงหรือ Premium grade ก็คือ การปรับปรุงสายพันธุ์ ดังนั้นทาง นทพ.จึงได้ทำแผนการปรับปรุงโคเนื้อ นทพ. ขึ้นและใช้เทคนิคในการผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อโคเนื้อสายพันธุ์ดีมีคุณภาพ
โดยเน้นสายพันธุ์เลือดยุโรปเช่น ชาโรเล่ส์ และ ลีมูซีน เป็นต้น การผสมโคเนื้อโดยทั่วไปจะแบ่งออกได้ 2 ระบบใหญ่ๆ ด้วยกันคือการผสมแบบเลือดชิดและการผสมแบบเลือดห่าง
การผสมแบบเลือดชิด เป็นการผสมโคในพันธุ์เดียวกันที่มีสายเลือดใกล้ชิดกันเช่นพ่อหรือแม่กับลูก, พี่กับน้อง, ลูกพี่กับลูกน้อง และอื่นๆ ที่มีสายเลือดเป็นญาติกัน ซึ่งการผสมแบบนี้มักจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีเช่น ลูกโคโตช้า, อ่อนแอ, ตัวเล็ก เป็นต้น ด้วยตามหลักวิชาการแล้วจึงไม่แนะนำให้ทำการผสมโคแบบนี้
การผสมแบบเลือดห่าง เป็นการผสมโคต่างสายเลือดหรือไม่ได้เป็นเครือญาติกันเช่น การผสมพันธุ์เดียวกันแต่ต่างฝูงเป็นการนำเอาพ่อโคที่เป็นสายพันธุ์เดียวกันกับฝูงอื่นมาคุมฝูงแทนพ่อโคตัวเดิม เพื่อเอาลักษณะดีมาปรับปรุงให้ดีขึ้น การผสมข้ามพันธุ์ เป็นการใช้คนละพันธุ์ผสมพันธุ์ข้ามกันเช่นใช้โคพันธุ์พื้นเมืองผสมกับน้ำเชื้อพ่อโคพันธุ์ชาโรเล่ส์ ลูกโคที่ได้จะเรียกว่าลูกโคผสมที่มีเลือดจากแม่ 50% และเลือดจากพ่อ 50% โดยลูกโคที่ได้นี้จะรวมเอาลักษณะที่ดีจากพ่อและแม่มาไว้ในตัว ทำให้ลูกโคมีความแข็งแรงสมบูรณ์เจริญเติบโตได้ดีและรวดเร็ว
การผสมแบบเพิ่มเลือด เป็นการนำเอาลูกผสมเพศเมียที่ได้จากการผสมข้ามสายพันธุ์ มาผสมกับพ่อโคพันธุ์เดียวกัน แต่คนละตัวอีกครั้งเพื่อทำให้ลูกโคที่มีคุณภาพสูงขึ้น
โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้จัดทำยุทธศาสตร์โคเนื้อ นทพ.ฉบับแรก ขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2554 ถึง 2558 ได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงาน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โคเนื้อของกรมปศุสัตว์
ล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์โคเนื้อ นทพ. ฉบับที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตโคแม่พันธุ์สำหรับแจกจ่ายสนับสนุนหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ของสำนักงานภาค (นพค.สนภ.นทพ.)ทุกหน่วยในการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อของนทพ.
การจัดตั้งฟาร์มมาตรฐาน เพื่อผลิตน้ำเชื้อโคแช่แข็ง ซึ่ง นทพ.มีหน่วยผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งจำนวน 1 หน่วยคือ กองการส่งเสริมและขยายพันธุ์สัตว์ สำนักงานทหารพัฒนาหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (กสข.สทพ.นทพ.) มีที่ตั้งอยู่ที่ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยนำโคพ่อพันธุ์ที่ได้รับ มาผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งซึ่งมีการจัดหาพ่อพันธุ์จากต่างประเทศและในประเทศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต น้ำเชื้อโคเนื้อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศ โดยมีกำลังการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็ง แจกจ่ายให้กับสถานีผสมเทียมของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาที่มีอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 70 สถานีผสมเทียม 87 ชุดผสมเทียม เพื่อให้บริการผสมเทียมโคโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้กับพี่น้องประชาชนซึ่งปัจจุบันมียอดการผสมเทียมไม่น้อยกว่า 30,000 ครั้ง และมีลูกโคเกิดใหม่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 45 ของการผสมเทียม จึงเป็นการเพิ่มประชากรโคในประเทศ และเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่การพัฒนาของหน่วยบัญชาการพัฒนา
ทั้งนี้ นักรบสีน้ำเงินยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ ความมั่นคง ให้กับพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาในการดำรงชีวิต ในท้องถิ่นทุรกันดาร ให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล เพื่อก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ให้พี่น้องประชาชนมีความอยู่ดีกินดี เป็นทรัพยากรมนุษย์ในท้องถิ่น ที่มีคุณภาพ ไม่ละทิ้งถิ่นฐาน มีการประกอบอาชีพ สามารถดำรงตนรักษาครอบครัวด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงคำว่า “ทุกข์...ของประชาชน.. คือ ทุกข์...ของเรา”
ครับพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจะใช้บริการของรัฐเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงโค การผสมเทียม สามารถติดต่อได้ที่ นทพ.ทุกแห่งทั่วประเทศ บริการฟรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี