ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว ที่ดูจะสอดรับกับการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาถึงอย่างพอดิบพอดี และนโยบายที่ดูคลับคล้ายประชานิยมแต่เรียกว่าประชารัฐ ก็ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันด้วยใช่หรือไม่?ในขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐที่ยังอยู่ใน ครม. ก็เร่งเดินสายตรวจราชการทั้งภาคตะวันออก และภาคใต้ ทั้งโครงการอีอีซี และการตรวจงานหน่วยต่างๆ ในจังหวัด
แต่หากย้อนกลับไปดูว่า 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศด้วยอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของรัฐบาลชุดนี้ที่ขอเรียกว่ารัฐบาลประชารัฐ บริหารประเทศด้วยระบบราชการ เน้นระเบียบวิธีปฏิบัติและเน้นใช้อำนาจแบบท็อปดาวน์ เด็ดขาดแต่ไม่ยึดโยงกับประชาชนและถูกวิจารณ์ว่าบริหารแบบไม่ฟังเสียงประชาชน จึงถูกมองว่าไม่ได้แก้ปัญหาจริง และกลับสร้างโครงสร้างของปัญหาขึ้นมาเป็นภาระใหม่ด้วยหรือไม่? ปัญหาการจัดระเบียบทางเท้าและจัดระเบียบตลาดชุมชน แต่นำมาซึ่งการสร้างปัญหาการขาดแหล่งค้าขาย เพื่อทำมาหากินของพ่อค้าแม่ขายรายเล็ก และนำมาซึ่งปัญหาการขาดแคลนอาหารราคาถูกในเมือง การแก้ปัญหาไอยูยูด้วยความเด็ดขาดแต่ก็นำมาซึ่งปัญหาวงจรธุรกิจประมงล้มเหลวและปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าว การแก้ปัญหาการทุจริตของการเมืองท้องถิ่นแต่นำมาซึ่งการสร้างปัญหาการผูกขาดอำนาจโดยรัฐ และจบท้ายด้วยการแก้กฎหมายลดอำนาจท้องถิ่น ยังมีปัญหาอีกมากที่ถูกแก้แต่กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งเข้ามาถึง ประกอบการปลดล็อกพรรคการเมืองให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเสรีก็ทำให้ปรากฏภาพพรรคการเมือง หรือกลุ่มต่างๆ ที่เริ่มจัดทัพชัดเจนขึ้น โดยเมื่อพิจารณาถึงทางเลือกของประชาชนใหญ่ๆ ในเวลานี้จะประกอบไปด้วย 3 ขั้วอำนาจทางการเมือง โดยหนึ่งคือกลุ่มอำนาจใต้ร่มใหญ่ระบอบทักษิณที่นำโดยพรรคเพื่อไทยแชมป์เก่า ที่วางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยการกระจายคนในพรรคออกไปตั้งพรรคขนาดกลางและเล็ก เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการได้ที่นั่ง สส. จากวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ โดยพรรคเครือข่ายที่คนพูดถึงประกอบด้วย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคประชาชาติ และอาจหมายรวมถึงพรรคอนาคตใหม่ในความเข้าใจของบางคนด้วย ซึ่งเดิมทีพรรคอนาคตใหม่จะมาแรงในช่วงแรกๆ และดูเหมือนถูกมองว่าเป็นเป้าสำรองให้กับทักษิณด้วยซ้ำ เพราะทักษิณเองก็ยังเคยออกปากชม จนทำให้บรรดาแกนนำในพรรคแกว่งมาแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันพรรคอนาคตใหม่เอง
กำลังประสบปัญหาหลังจากหมดเขตช่วงเวลาการย้ายพรรคการเมือง ทั้งปัญหาโครงสร้างภายในและปัญหาผู้สมัคร ทำให้อาจส่งผลถึงการเคลื่อนตัวทางการเมืองให้ไม่เป็นเอกภาพ และเสียท่าให้กับพรรคใหญ่ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามหลายคนจึงมองว่าหุ้นอนาคตใหม่ไม่ได้เนื้อหอมเหมือนตอนแรกๆ
ด้านพรรคเพื่อธรรมที่มีกระแสข่าวว่าอยู่ภายใต้การสนับสนุนของนางเยาวภา? เดิมทีในตอนแรกพรรคเพื่อธรรมเกิดขึ้นเพื่อเป็นพรรคสำรองในกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะโดนยุบ? แต่ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาเสื่อมถอยหรือไม่เพราะว่านางเยาวภามีข่าวกำลังเจอวิกฤติหนัก ที่ทำให้แกนนำบางคนที่คิดว่าจะไปอยู่ในพรรคเพื่อธรรมเปลี่ยนใจในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมาและหันไปซบอยู่กับพรรคน้องใหม่อย่างพรรคไทยรักษาชาติแทน ในขณะที่ไทยรักษาชาติและพรรคเพื่อไทยที่ดูเหมือนจะเป็นพรรคพี่พรรคน้อง แต่นับวันจะมีการแข่งขันเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจนายใหญ่ เหตุใดปรีชาพล ถึงได้ถูกยกขึ้นมาเทียบกับคุณหญิงสุดารัตน์? และต่อให้จะบอกว่าเป็นพรรคสำรอง แต่ก็เป็นไปได้สูงมากหากพรรคเพื่อไทยโดนยุบ? และก็จะมีการส่งผู้สมัครชดเชยในพื้นที่ว่างในนามพรรคไทยรักษาชาติในทุกเขตใช่หรือไม่? ซึ่งขณะนี้หลายคนในสองพรรคก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบ พี่-น้อง หรือคนในครอบครัว และถึงแม้จะถูกมองเช่นนั้นก็ตามแต่นับวันราคาของพรรค ทษช.ก็ยังดีขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวระดับมวลชน ตลอดจนรายชื่อผู้สมัครทั้งในระบบเขต และบัญชีรายชื่อของทษช. ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อไทย การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของปรีชาพล ในขณะที่แกนนำ
เก่าแก่อย่างนายจาตุรนต์ กลับเป็นเพียงตำแหน่งรอบๆ แทน อะไรที่ทำให้ทักษิณเชื่อใจปรีชาพล และอะไรที่ทำให้ทักษิณยังไม่ปักใจที่จะหนุนพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว?
ขณะที่ฝั่งสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ก็มีสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป โดยพรรคการเมืองที่ประกาศตัวว่าสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์โดยตรงหรือโดยอ้อมแล้วว่าอาจมีอย่างน้อย 4 พรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยพรรคพลังชล และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งแม้จะไม่ได้แข่งขันกันเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจใครเหมือนอีกฝั่งหนึ่ง เพราะใครๆก็รู้ว่าที่หนึ่งในกลุ่มนี้คงต้องยกให้พรรคพลังประชารัฐ และก็พบการจับมือแบบหลวมๆ หรือไม่ก็ให้ดูการลงสมัครสมาชิกแบบแบ่งเขตว่ามีการหลีกทางให้กันในพื้นที่ต่างๆ หรือไม่? โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ภูมิใจไทย รปช. พลังชล ไม่ส่งลงเขต อย่างไรก็ตาม การแข่งกันภายในก็ยังมีให้เห็นอยู่ของตามกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆ ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดเจนขึ้นไปอีก พรรคภูมิใจไทยก็มีจุดเริ่มต้นและมีประวัติในการเปลี่ยนความสัมพันธ์กับขั้วทางการเมืองในอดีตมาแล้ว บรรดาแกนนำพรรคก็เคยจับมือกับทั้งขั้วระบอบทักษิณ และทั้งประชาธิปัตย์มาแล้วเช่นกัน อะไรๆจึงยังเปลี่ยนแปลงได้หากผลการเลือกตั้งยังไม่ออก
ดังนั้นขั้วทางการเมืองที่แตกต่างเพียงขั้วเดียวนั้นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ หากแต่ขั้วที่แตกต่างเพียงหนึ่งเดียวกลับไม่ใช่ขั้วที่โดดเดี่ยวอย่างที่คิด แต่กลายเป็นการตัดสินใจของปชป.อาจจะมีผลต่ออนาคตของขั้วขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน จึงทำให้ราคาหุ้นประชาธิปัตย์ในโค้งสุดท้ายดูจะมีราคามากขึ้นมาทันที
พรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้านี้ประชาชนมองว่าเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม และตัวหัวหน้าพรรค อย่างนายอภิสิทธิ์ก็ดูเป็นนักการเมืองหน้าเก่า แต่ดูเหมือนสถานการณ์ปัจจุบันนี้กำลังจะเอื้อให้ได้เปรียบ จุดยืนเชิงอุดมการณ์ จุดยืนท่ามกลางความขัดแย้ง และการเดินเกมต่อรองในโค้งสุดท้ายอย่างเวลานี้ โดยสังเกตได้หลังจากที่นายอภิสิทธิ์นั้นชนะเลือกตั้งในบ้านเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคต่ออีกสมัย ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป จากหัวหน้าพรรคที่ไม่สามารถคุมบรรดา สส. ที่มีความเป็นปัจเจกสูงในพรรคได้ เมื่อรับฉันทามติจากการหยั่งเสียงโดยสมาชิกพรรคก็ทำให้มีอำนาจในการกำกับดูแลมากขึ้น รวมถึงท่าทีต่อจุดยืนของพรรคว่าจะร่วมรัฐบาลกับใคร จะจับมือกับเพื่อไทยหรือจับมือทหารไหม? ก็มีคำตอบที่ชัดเจนและแข็งกร้าวขึ้น แสดงความเด็ดเดี่ยวที่ประกาศจุดยืนไม่ร่วมกับทหาร และประกาศว่าจะไม่ร่วมกับฝั่งระบอบทักษิณ ซึ่งสร้างทางเลือกที่แตกต่าง แม้จะไม่มีคำพูดใดที่ปฏิเสธชัดเจน และก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่การแสดงออกที่พร้อมจะเป็นทางเลือกใหม่ ทำให้เกมการเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนไป โดยเฉพาะท่าทีที่พรรคประชาธิปัตย์ที่ปฏิเสธจะคุยกับพล.อ.ประวิตร และไม่เข้าร่วมประชุมที่คสช.จัดขึ้น ช่างส่งผลแตกต่างจากสถานการณ์เดียวกันที่พรรคอื่นปฏิเสธเป็นอย่างมาก
การจัดขั้วทางการเมืองอาจไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่ส่งผลต่อขั้วของแกนนำก็เป็นไปได้ ขณะที่ขั้วอำนาจทางการเมืองทั้ง 3 กำลังแสดงจุดยืนและจุดขายของตัวเองให้ชัดเจน การตัดสินใจกำหนดชะตาการเมืองไทยที่แท้จริงตกอยู่ในมือของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่แม้จะมีการพูดว่ากติกากลางเป็นธรรมหรือไม่? เอื้อประโยชน์ หรือกีดกันหรือไม่? แต่ที่สุดแล้วเสียงของประชาชนจะเป็นเครื่องยืนยันว่าพรรคใดที่ควรจะได้เข้ามาบริหารประเทศต่อไป...........
“...คนผู้หนึ่งบากบั่นดิ้นรนชั่วชีวิต บางครั้งไม่ได้เพราะชื่อเสียงลาภยศ ยังมีอีกประการหนึ่ง...เพื่ออุดมการณ์...” โกวเล้ง จากเรื่องซาเสียวเอี้ย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี