ในช่วงระยะเวลาระหว่างปีพ.ศ. 2555-2558 ที่ผ่านมา ผมได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการ“พัฒนาขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวและกีฬาไทยรองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน” เพื่อการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์ภาคการท่องเที่ยว ให้กับสำนักนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นงานจัดหลักสูตรพัฒนาทุนมนุษย์พร้อมการเก็บข้อมูลวิจัยเชิงลึก 3 โครงการ เป็นเวลา 3 ปีต่อเนื่องกัน
ในการดำเนินโครงการครั้งนั้น ผมได้ลงพื้นที่เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ภาคการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั่วประเทศ คู่ขนานไปกับการศึกษาวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลในพื้นที่ ทำให้ค้นพบและนำเสนอแนวทางสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาไทยรองรับอนาคต คือ (1.) การมุ่งเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อการกระจายรายได้ จากการท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นและชุมชน (2.) การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของคนไทยและสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและอุตสาหกรรมการกีฬาที่เกี่ยวข้อง (3.) การพัฒนาทุนมนุษย์ และองค์กรเครือข่ายการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อความต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นชอบใช้เป็นแนวยุทธศาสตร์ในการพัฒนาขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง และได้ต่อยอดสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นแบบ “นวัตวิถี” ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและชุมชนท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากสินค้าและบริการในปัจจุบัน
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ลงพื้นที่พัฒนาผู้นำและชาวชุมชนการท่องเที่ยว บ้านถ้ำเสือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยทีมงานคืออาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล และอาจารย์จงกลกร สิงห์โต เป็นการร่วมมือในโครงการ “พัฒนาชุมชนท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมบ้านถ้ำเสือ” กับ ดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งเป็นลูกศิษย์ระดับปริญญาเอกของผม บทความของผมในสัปดาห์นี้จึงขอนำเสนอมุมมองของอาจารย์พิชญ์ภูรี จันทรกมล ที่ปรึกษาของมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ และอดีตรองประธานเครือเดอะเนชั่น ด้านโฆษณาและการตลาด ซึ่งร่วมเป็นทีมวิทยากรด้วยได้เก็บประเด็นด้านการพัฒนาผู้นำการท่องเที่ยวชุมชนยุคใหม่ที่น่าสนใจมาฝากท่านผู้อ่านครับ
ท่องเที่ยวชุมชน “นวัตวิถี”
วิถีใหม่พัฒนาชุมชนไทยยั่งยืน
โดย พิชญ์ภูรี จันทรกมล
ที่ปรึกษามูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561 ภายใต้เป้าหมายการเพิ่มรายได้ประชาชาติให้สูงขึ้น ด้วยการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หนึ่งในแผนงานที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าวคือการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน “นวัตวิถี” คือการยกระดับผลิตภัณฑ์ในชุมชนสู่การจำหน่าย ให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หมุนเวียนกระจายสู่ชุมชน หลักการสำคัญของการพัฒนาในด้านนี้ ได้แก่การค้นหาอัตลักษณ์ชุมชนและค้นหาภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อดึงเสน่ห์ชุมชนผสานคุณค่าใหม่นำสู่การเพิ่มมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจด้วยอีกทางหนึ่ง
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวชุมชนบ้านถ้ำเสือ อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เป็นชุมชนเข้มแข็งที่มีความคิดสร้างสรรค์ด้านการจัดการการท่องเที่ยวชั้นแนวหน้าในเขตพื้นที่อันดามัน ด้วยวิถีชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแบบ Unseen ตามธรรมชาติ ทั้งภูมิประเทศความงามแบบทะเลอันดามัน เกาะ แก่ง ถ้ำหินงอก หินย้อย ที่งามสมบูรณ์ และที่โดดเด่นมากคือผนังถ้ำที่มีภาพเขียนสีโบราณสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 2,000-3,000 ปี ภาพที่มีชื่อเสียงและรู้จักกันไปทั่วโลกคือภาพคนใส่หมวกทรงสูง หรืออาจมองเป็นคนที่มีศีรษะเป็นสัตว์มีเขา เขียนด้วยสีแดงทั้งตัวคล้ายมนุษย์ต่างดาว ชาวบ้านเรียกภาพ “ผีหัวโต” นอกจากนี้ยังมีภาพอื่นๆ เช่น ภาพนกฟินิกซ์ ภาพปลา และภาพมือคนทาบเอาไว้บนเพดานถ้ำ รวมถึงกลุ่มภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์กระจายอยู่ตามเพิงผากลางทะเล เป็นรูปคนในอิริยาบถต่างๆ ที่ยังผนึกแน่นบนพื้นหินอย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และวิถีชีวิตแบบชุมชนเกษตรกรรมแล้ว ภูมิปัญญาในเรื่องศิลปะและหัตถกรรมผ้าบาติกเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือมีการทำอาชีพหัตถกรรมผ้าบาติกจากสีสังเคราะห์เป็นการสร้างรายได้เสริมจากการทำเกษตรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการชุมชนจำนวนมาก แม้นว่าบาติกจะเป็นสินค้าที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ แต่บาติกที่ชุมชนผลิตนั้นเป็นเฉพาะทักษะ แต่ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ยังไม่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้จำหน่ายสินค้าได้น้อย ไม่สามารถแข่งขันกับร้านค้าหรือกลุ่มผลิตในพื้นที่อื่นได้การสร้างความแตกต่างจึงเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด
คณะวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งนำโดยหัวหน้าโครงการดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว ได้เข้าไปช่วยเหลือต่อยอดพัฒนาภูมิปัญญาผ้าบาติกชุมชนให้เป็นนวัตกรรมใหม่ด้วยเฉดสีใหม่จากแร่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่สามารถนำมาผลิตเป็นสีสันใหม่ ให้ความคงทน มีการออกแบบลวดลายให้สวยงามน่าสนใจ ที่สำคัญสามารถที่จะต่อสู้กับคู่แข่งขันได้ในตลาดโลก ด้วยเอกลักษณ์ “บาติกย้อมแร่” และอัตลักษณ์ใหม่ “รักสุขภาพ รักบาติกธรรมชาติ” เพื่อเน้นย้ำความเป็นชุมชนท่องเที่ยวรักสุขภาพและรักสิ่งแวดล้อม โดยทีมวิจัยและชุมชนได้ร่วมทำงาน ร่วมเรียนรู้ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีๆ สู่ชุมชน ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง สร้างสุขภาพที่ดี และสร้างรายได้ให้กับชุมชน
งานวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการทำบาติกชุมชนต้นแบบจากสีธรรมชาติประเภทแร่ของจังหวัดกระบี่ เพื่อสร้างเอกลักษณ์สีสันใหม่ ผสมผสานกับลวดลวยใหม่เป็นลักษณะของการพัฒนาบาติกจากลวดลายร่วมสมัยจาก ลายลูกปัด ลายมนุษย์โบราณบนฝาผนังถ้ำ รวมถึงลวดลายใหม่จากธรรมชาติที่มีในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นสื่อสัญลักษณ์สะท้อนให้เห็นความสำคัญของผ้าบาติกย้อมสีธรรมชาติตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงปัจจุบัน และแม้ว่า ทีมวิจัยจะได้ลงพื้นที่ติดตามกลุ่มผลิตบาติกในจังหวัดกระบี่ ในเขตอำเภออ่าวลึกมาตั้งแต่ปี 2559 แต่ดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว ยังเล็งเห็นช่องว่างด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ภาคการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่ และในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ระดับปริญญาเอกของท่านอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จึงเล็งเห็นโอกาสที่ท่านอาจารย์ดร.จีระ จะได้ใช้กระบวนการพัฒนาทุนมนุษย์และทักษะการพัฒนาผู้นำการท่องเที่ยวโดยชุมชนกระตุ้นศักยภาพของผู้นำ และชาวชุมชนบ้านถ้ำเสือ เพื่อการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวนี้ให้ก้าวหน้ายั่งยืนด้วยคุณภาพของทุนมนุษย์ และสามารถที่จะขับเคลื่อนพัฒนาผลงานบาติกสีธรรมชาติไปสู่ผลงานระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในระดับเอเชียและระดับโลก เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ในอนาคต
ด้วยกระบวนการพัฒนาและบริหารจัดการทุนมนุษย์แบบ Chira Way ของ ท่านศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ประกอบด้วย ทฤษฎี “ปลูก”ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนกับทีมวิทยากร ด้วยกระบวนการLearn - Share - Care การ “เก็บเกี่ยว” ด้วยทฤษฎี Happiness Respect Dignity Sustainable คือการกระตุ้นให้ชุมชนเกิดความสุขในการเรียนรู้ การเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างวิทยากรกับชุมชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืนด้วยวิถีของชุมชนเองโดยการสร้างผู้นำให้มีความเข้าใจและเข้มแข็งก่อน เพื่อนำชุมชนก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จ (Execution) ได้ในระยะยาว
เมื่อผนวกกับการสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้แบบเรียบง่ายและเป็นกันเองของท่านอาจารย์ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ การฝึกอบรมครั้งนี้ก็สำเร็จลงด้วยดีภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งส่งผลสัมฤทธิ์ทั้งกับความคล่องตัวลื่นไหลของการทำงานร่วมกันระหว่างคณะวิจัยกับชุมชนในอนาคตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระตุ้นศักยภาพและพลังของชุมชนให้ตื่นรู้และสามารถเดินหน้าร่วมในกระบวนการท่องเที่ยวแบบนวัตวิถีได้อย่างเท่าทัน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของคณะวิจัย และเป้าหมายความสำเร็จตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทย
(สำหรับรายละเอียดและประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ จะได้นำเสนอต่อในบทความครั้งต่อไป)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี