หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติยึดอำนาจตั้งตนเป็นองค์อธิปัตย์มาเป็นเวลา 4 ปีกว่า และกำลังคืนอำนาจ โดยจัดให้มีการเลือกตั้งภายใต้กติการัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 (ฉบับปราบโกง) ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่อนคลายอำนาจจากการปกครองระบอบเบ็ดเสร็จเป็นการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือเป็นการปกครองที่อดีตนายกรัฐมนตรีหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เคยให้คำจำกัดความว่าเป็นรัฐธรรมนูญฟันปลอม เนื่องจากรัฐธรรมนูญแบบนี้องค์อธิปัตย์ไม่ได้ยอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามหลักสากล แต่เพียงผ่อนคลายอำนาจที่เลียนแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้มีตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติแต่ยังมีองค์กรพี่เลี้ยงที่มีตัวแทนมาจากการแต่งตั้งที่เรียกว่าวุฒิสภา
นอกจากนี้ยอมให้มีกลุ่มการเมืองที่เรียกว่าพรรคการเมืองที่มีตัวแทนที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนเข้าเป็นตัวแทนในรัฐสภาที่ทำหน้าที่สนับสนุนและค้าน รวมทั้งแต่งตั้งตัวแทนผู้ทำหน้าที่บริหารประเทศที่เรียกว่าคณะรัฐมนตรีรวมทั้งให้ระบบจัดสรรปันส่วนในการเลือกตั้งตัวแทนประชาชนที่จะจัดขึ้นใน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ทำหน้าที่ในสภานิติบัญญัติ การคัดเลือกตัวแทนประชาชนซึ่งปัจจุบันพรรคการเมืองต่างๆ
กำลังเข้าสู่โหมดการคัดเลือกผู้สมัครที่จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน ความชุลมุนเริ่มเกิดจากพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ที่เกิดจากกลุ่มที่ทำการปฏิวัติกลับใช้พลังดูดนักการเมืองที่อดีตเคยถูกกล่าวหาว่ามีประวัติที่เป็นนักการเมืองสีเทาที่มีส่วนทำให้เกิดการปฏิวัติเข้าเป็นพวก ซึ่งพรรคการเมืองพรรคนี้สนับสนุนให้องค์อธิปัตย์กลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองของประเทศนี้ ทำให้ประชาชนที่รักชาติ รักประชาธิปไตยต้องการที่จะเห็นอนาคตการเมืองของประเทศหลุดพ้นจากปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนตั้งความหวังไว้สูงเมื่อทราบว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำการปฏิวัติขับไล่รัฐบาลที่สร้างปัญหาให้ประเทศกลับจะร่วมกับนักการเมืองที่ตนเคยรังเกียจเมื่อจะเปลี่ยนจากกรรมการเป็นผู้เล่นหรือเป็นนักการเมืองเต็มตัวกำลังจะร่วมหอลงโรงกับกลุ่มนักการเมืองที่ขับไล่เพราะพฤติกรรมเคยรังเกียจ ซึ่งจะกลายเป็นจุดอ่อนขององค์อธิปัตย์ที่จะกลายเป็นนักการเมืองในกรณีที่ได้กลับมาเป็นผู้นำในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น
จากสิ่งที่ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยและสนใจในวิวัฒนาการทางการเมืองของประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า เวลาเกือบ 5 ปี จากการปกครองโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แม้สังคมไทยจะเกิดความสงบแต่รากเหง้าแห่งปัญหามิได้ทำการแก้ไข ได้แก่ ปัญหาทางเศรษฐกิจกำลังรุมเร้าอันเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมประกอบกับเกิดปัญหาที่เรียกว่ารวยกระจุก จนกระจาย นอกจากยังไม่ได้รับการแก้ไขแล้วกลับยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาที่รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นและใช้วิธีเดียวกับรัฐบาลที่ตนขับไล่หรือยิ่งกว่า
สรุปรวมความว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังว่าหลังจากรัฐธรรมนูญฉบับฟันปลอมประกาศใช้โดยประชาชนชาวไทยคาดว่าสังคมไทยจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กลับจะไม่เป็นเช่นนั้น ฉะนั้น เมื่อความหวังดังกล่าวไม่เป็นไปตามคาดสิ่งที่อาจเป็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็คือ การเรียกร้องให้สังคมการเมืองไทยถามหา คือ สิ่งที่ทางการเมืองเรียกว่า “สังคมธรรมาธิปไตย” ซึ่งนำโดยองค์อธิปัตย์ที่แท้จริงภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก่อนที่ประเทศจะเป็นรัฐที่ล่มสลาย เว้นแต่พระสยามเทวาธิราชจะดลบันดาลให้นักการเมืองที่รักชาติจะช่วยกันประคับประคองมิให้เหตุการณ์ที่เรียกว่า “วงจรอุบาทว์” เกิดขึ้นในประเทศอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี