ปีเก่ากำลังจะหมดไป และปีใหม่กำลังเข้ามาแทนที่ จึงขอส่งความสุขปีใหม่มายังทุกท่าน ด้วย ส.ค.ส. สุขเป็นก็เป็นสุข
มีใครเคยคิดบ้างไหมว่า เรามักจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับตนเองเท่าที่ควร ปล่อยแรงผลักดันของความอยากได้ ความอยากมี อยากเป็น ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความประมาทเลินเล่อ ฉุดลากเราไปในทางที่ผิดเป็นประจำ เราจึงชอบสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ต้องว้าวุ่นขุ่นมัวกับตัวเองบ่อยๆ เหมือนกับไม่รักตนเองอย่างจริงๆจังๆ
โดยเฉพาะยุคนี้ด้วยแล้ว เป็นยุคที่ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นเอาแต่ใจตนเอง หรือหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวจากส่วนรวม มีอำนาจเท่าไรยังไม่พอ แก่งแย่งช่วงชิงด้วยวิธีการสารพัดอย่าง ไม่เหมือนคนไทยในสมัยก่อนที่มีน้ำใจต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ไม่เหมือนสมัยนี้ แก่งแย่งช่วงชิงกันมากขึ้น เหมือนกับความสุขมีจำกัด ใครไม่รีบชิงรีบคว้าจะเสียเปรียบ
น่าจะสรุปได้ว่า เราสุขกันไม่ค่อยจะเป็น
ทะเยอทะยานหาสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นความสุข
จะมีผลกระทบต่อคนอื่นหรือต่ออนาคตของตนเองอย่างไรไม่ค่อยจะนึกถึง ความทุกข์ที่เราเกลียดและกลัวนั้นเกิดจากเหตุและปัจจัยอะไรบ้างไม่ค่อยนึกถึง อยากสุขแต่ไม่รู้จักสุข อยากหนีทุกข์แต่ไม่รู้จักทุกข์ เดินคลำไปคลำมาในความมืด เอาแต่ความหวังในความสุขข้างหน้ามาเป็นที่ปลอบใจ
จะทำอย่างไรและแก้ไขอย่างไรในสิ่งเหล่านี้
สิ่งแรกที่ควรกระทำคือ ฝึกใจตนเองให้หยุดกระเสือกกระสนสักพักหนึ่ง ลืมหูลืมตาขึ้นเพื่อพิจารณาว่า อะไรคือสิ่งที่สูงสุดที่เราควรจะได้จากชีวิต เราควรจะให้อะไรไว้กับโลกนี้ หาคำตอบด้วยตนเองจากความจริงใจ
คนเรานั้นถ้าคิดผิดเสียแล้ว ทุกอย่างย่อมพลอยผิดไปด้วย จิตใจก็จะพาไปในสิ่งที่ผิดตลอดเวลา
หนทางสำคัญในการปฏิบัติตนให้ถึงซึ่งการดับทุกข์นั้น เริ่มด้วยรู้จักคิดว่า การกระทำของคนไม่นำไปสู่การเบียดเบียนคนอื่น เช่น กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ปรับทิฐิของตน ให้สอดคล้องกับความดีและความจริง
สมัยนี้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆดังกล่าวค่อนข้างพร่ามัว ใครอยู่ใกล้เกลือแต่อยากกินด่างก็เป็นสิทธิของผู้นั้น แต่ปัญหาต่างๆมันเกิดขึ้นเมื่อผู้กินด่างหลงเชื่อว่า ด่างคือเกลือ จึงมักบ่นว่าทุกวันนี้เกลือไม่เค็มจริง
ทุกวันนี้มีคนมากมายที่คิดว่า ความร่ำรวย ความมีอำนาจ มีชื่อเสียง มียศถาบรรดาศักดิ์ ความพร้อมด้วยวัตถุ คือยอดแห่งความสุขทั้งปวง ความคิดอย่างนี้เรียกว่า
มิจฉาทิฐิ จะเป็นเหตุให้ประพฤติที่เป็นพิษภัยกับตนเองและต่อสังคม ความสุขดังกล่าวเป็นความสุขที่มีความทุกข์เจือปนอยู่ด้วยเสมอ
สังคมใดที่เต็มไปด้วยความฟุ่มเฟือย ความฟุ้งเฟ้อนิยมการอวดฐานะ ให้เกียรติคนรวยที่โกงเขามา หรือคนที่ถือว่าเป็นเจ้าคนนายคนเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต หรือมีอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่ถูกต้องตามกฎกติกาของสังคม สิ่งต่างๆที่เกิดดังกล่าวล้วนเป็นอาการของสังคมที่วิปริต คือคิดผิดทั้งสิ้น
เราจึงควรทำความเข้าใจให้ถูกต้องในเรื่องความสุข ใครที่ไม่เห็นความทุกข์ที่ต้องดับ ก็ต้องอยู่กับความทุกข์ดังกล่าวตลอดไป
สอบถามตัวเองบ้างว่าความสุขคืออะไร
อะไรคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในชีวิต
ความสุขที่เราหวัง เราอยากได้ นั้นคืออะไร ถ้าคำตอบยังเป็นเรื่องเดิม เรื่องเกียรติ เรื่องกาม ก็นับว่าเรายังไม่เป็นมิตรแท้กับตนเอง เพราะยังมีความคิดที่ยังต่ำไป
ทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่ต้องการความสุขเพราะอะไร เพราะทุกคนรู้สึกว่ายังไม่พอ ยังได้ไม่พอ ยังอยากได้อีก ทางพระบอกว่า จิตใจของผู้ที่ไม่เข้าถึงธรรมะ จะมีความบกพร่องอยู่เป็นนิจ หิวอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นคนปากอ้า เป็นคนที่วิ่งตามล่าความรู้สึก ยึดเอาอารมณ์ยินดียินร้ายในทรัพย์สิน และอัตตาตนเองเป็นหลักชีวิต
เมื่อเราไม่เข้าใจในตัวเองดังกล่าว ตัณหาก็จะมาเป็นสนตะพาย ไปหาความสุขแบบบำรุงอัตตาตัวเองเท่านั้น
พระพุทธองค์เคยสอนไว้ว่า ความสุขมีหลายอย่าง นอกจากความสุขสามัญแล้ว ควรหาความสุขที่เกิดจากคุณงามความดี และความสุขที่ประเสริฐอันเกิดจากการเป็นอิสระจากกิเลส พยายามสร้างความสุขแบบนี้
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจตนเอง ทรงสอนวิธีดับทุกข์ และหาสุข พระพุทธองค์เคยตรัสว่า ชีวิตมนุษย์ไม่เป็นสุขเพราะหลงยึดมั่นในสิ่งต่างๆว่าเป็นของเรา การฝึกให้เห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ถอดถอนอุปทานจนจิตเป็นอิสระ พ้นการบีบคั้นของกิเลส คือการเข้าถึงความสุขอย่างแท้จริง
หลักการสำคัญจึงอยู่ที่การระงับกิเลสด้วยการควบคุมกาย วาจา พัฒนาคุณธรรม เช่น ความอดทน ความขยัน ความเมตตา กรุณา ความสงบ และพิจารณาสิ่งที่มากระทบกับตนเองให้เห็นความไม่คงที่ ไม่เป็นตัวของตัว
ที่จริงแล้ว การพิจารณาให้เห็นความไม่แน่นอนของชีวิตนั้น ไม่เหลือวิสัยที่จะทำได้ แต่ไม่ค่อยอยากจะทำกัน เพราะกลัวชีวิตจะไม่ได้โน่น ไม่ได้นี่ แค่เพียงถ้าละกิเลสได้ ชีวิตย่อมเบิกบาน มีความสุข ซึ่งเข้ากับคำกล่าวที่ว่า “สุขเป็นก็เป็นสุข”
(อ่านต่อวันศุกร์)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี