แรกเริ่มเดิมทีที่ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ปรากฏแพร่หลายขึ้นในประเทศไทย ก็เกิดการตื่นรู้ขึ้นในหมู่ประชาชน พากันเรียกร้องต้องการให้ปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนได้นำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ กันอย่างกว้างขวางจนก่อเกิดเป็นกระแส
ก็มีคนปรามาสว่าในยุคนี้กระแสแบบนี้ไม่ถึง 7 วัน 10 วัน ก็คงจะเงียบหายไป แต่ปรากฏว่าวันเวลาผ่านไปนับเดือนแล้ว นอกจากกระแสเรียกร้องต้องการไม่ลดน้อยถอยลง กลับแพร่หลายขยายตัวอย่างกว้างขวางไปในขอบเขตทั่วประเทศ ปลุกเร้าประชาชนไทยทั่วประเทศให้ตื่นรู้ในผลประโยชน์แห่งชาติ จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นสำคัญที่จะชี้ขาดกันในทางการเมืองว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายปลดล็อกกัญชาให้ใช้โดยทั่วไป
ในขณะเดียวกัน ความจริงในเรื่องนี้ก็ได้ถูกนำมาเปิดเผยอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีการดำเนินการหลายสิ่งหลายอย่างอันส่อว่าเปี่ยมไปด้วยเล่ห์เพทุบายเพื่อจะยกผลประโยชน์ยิ่งใหญ่แห่งชาติให้กับต่างชาติและทุนใหญ่ จนมีการกล่าวหาเกี่ยวกับขบวนการขายชาติ ขบวนการปล้นชาติ และถูกประณามว่าเป็นทรราช เพราะมีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจน ทั้งภาพถ่าย คลิป และข้อความที่โพสต์เองเขียนเอง
จึงทำให้ความจริงปรากฏว่าเรื่องการปลดล็อกกัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งยักตื้นติดกึกยักตื้นติดกักกันอยู่นี้ แท้จริงแล้วเป็นการต่อสู้สองกระแส คือระหว่างภาคประชาสังคมที่ต้องการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติและบำบัดแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน กับขบวนการขายชาติที่สลับหน้าฉากกันเล่นละคร เพียงเพื่อจะยกสิทธิบัตรกัญชา กัญชง และกระท่อมให้กับต่างชาติและทุนใหญ่
ก็ต้องบอกเสียแต่ต้นว่า ภายในขบวนการขายชาติเองก็ได้แตกออกเป็นสามขั้ว ขั้วหนึ่งซึ่งไปเจรจาต้าอวยและใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อจะยกสิทธิบัตรทั้งหมดในเรื่องนี้ให้กับบริษัทยาต่างชาติ อีกขั้วหนึ่งต้องการที่จะให้ทุนใหญ่ลูกครึ่งซึ่งก่อความทุกข์เข็ญให้แก่ราษฎรมาช้านานได้สิทธิบัตรทั้งหมดไปและอีกขั้วหนึ่งต้องการให้ทุนใหญ่ได้สิทธิบัตรทั้งหมด ซึ่งสามกลุ่มนี้มีความเป็นไปได้ว่าในที่สุดอาจจะฮั้วแบ่งสรรปันส่วนกันเหมือนที่กระทำกันมาในหลายเรื่องในบ้านเมืองของเรานี้
ทั้งสามขั้วนี้ล้วนอิงแอบอาศัยขบวนการขายชาติและขบวนการปล้นชาติอย่างแยบยล กระทั่งใช้กโลบายทางกฎหมายอย่างน่าเกลียดน่าชัง ในลำดับที่เห็นได้ดังนี้คือ
ขั้นแรก สมรู้กันให้มีการยื่นขอสิทธิบัตรในการปลูกและแปรรูปกัญชาต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ ในขณะที่กัญชายังเป็นยาเสพติดตามกฎหมายซึ่งยื่นขอสิทธิบัตรและรับคำขอไม่ได้ เช่นเดียวกับการขอจดทะเบียนสิทธิบัตรเฮโรอีนหรือยาบ้าไม่ได้ แต่ก็สมรู้ร่วมมือกันและดำเนินการไปตามขั้นตอน โดยทันทีที่มีการแก้ไขกฎหมายให้ปลดล็อกกัญชาก็ดี หรือให้มีการอนุญาตได้ก็ดี ก็สามารถดำเนินการได้ทันที และถือครองสิทธิประโยชน์ทั้งหมด โดยคนอื่นไม่มีสิทธิที่จะเกี่ยวข้องได้อีกต่อไป
ขั้นที่สอง ปรากฏหลักฐานจากการโพสต์ของคนมีอำนาจบางคนว่าได้ผลักดันให้ คสช. ใช้มาตรา 44 ปลดล็อกในเรื่องนี้ แต่ทว่า คสช. ไหวตัวในบางสิ่งบางอย่างจึงล่าช้าอยู่ ดังนั้นการปล่อยผีคำขอสิทธิบัตรแบบที่กระทำกับคำขอตั้งโรงงานจึงติดหล่มอยู่กับที่ ซึ่งประการนี้ คสช. ก็คงจะรับรู้ถึงพฤติกรรมอย่างนี้ชนิดทะลวงไส้กันไปแล้ว
ขั้นที่สาม มีการเสนอปรับปรุงกฎหมายยาเสพติดโดยจะปรับกัญชาจากบัญชี 5 เป็นบัญชี 2 ซึ่งมีโทษจำคุกหนักหนาสาหัสเท่ากับเฮโรอีน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นยาเสพติด อ้างว่าเพื่อปราบปรามยาเสพติด แต่ได้ซ่อนการให้อนุญาตไว้เพื่อรองรับกับการแอบยื่นคำขอนั่นเอง
ขั้นที่สี่ ปรากฏว่าจังหวะก้าวของขั้นที่สามสะดุดหลายขั้นตอน เตะปี๊บ เตะไห เตะก้อนหินจนขาบวมไปหมดแล้วก็ยังไม่ไปถึงไหน จึงมีการสวมรอยที่ประชาชนเรียกร้องให้ปลดล็อกเสนอกฎหมายอีกฉบับหนึ่งเรียกว่ากฎหมายให้ปลดล็อกกัญชา แต่แท้ที่จริงก็คือให้บางหน่วยงานผูกขาดแบบเดียวกับพลังงานนั่นแหละในที่สุดประชาชนก็จับได้ไล่ทัน แต่กระนั้นด้วยลีลาอันพลิกพลิ้วร่างกฎหมายนี้ก็ผ่านไปแล้วโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เป็นไปตามผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
โชคดีที่บ้านเมืองของเรามีผู้รู้เท่าทันกโลบายเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีข้าราชการที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินช่วยกันเอาความจริงมาตีแผ่ ในขณะที่ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ รวมทั้งเครือญาตินับสิบล้านคนที่มีทุกข์ร้อนหัวอกเดียวกันได้ผนึกประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อเกิดเป็นขบวนการแนวร่วมที่ใหญ่โต
ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคภูมิใจไทย ประกาศนโยบายสนับสนุนข้อเรียกร้องของประชาชน และ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้นำทางสังคมคนสำคัญ ก็ได้ออกมาประกาศให้คว่ำบาตรพรรคการเมืองบางพรรคที่ใจไม้ไส้ระกำไม่นำพาต่อความทุกข์เข็ญของราษฎร
ดังนั้นการต่อสู้สองกระแสในเรื่องการปลดล็อกกัญชาจึงขยายวงไปในหลายมิติโดยเฉพาะในทางการเมือง ซึ่งอาจชี้ขาดให้พรรคการเมืองที่มีนโยบายที่ถูกต้องได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติต่อไป
ดังนั้นถ้าใครคิดที่จะได้คะแนนเสียงจากประชาชนในเรื่องนี้ ก็ควรคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติและนำพาต่อความทุกข์ร้อนของราษฎรให้มาก เลิกใช้เล่ห์อุบายที่ตั้งข้ออ้างว่าต้องวิจัยก่อนได้แล้ว เพราะผลวิจัยเรื่องกัญชาปรากฏอยู่ทั่วไปในโลกไม่จำเป็นจะต้องมาตั้งหลักวิจัยเองกันอีกนับสิบๆ ปี พอกันทีเถิด เพราะการในบ้านเมืองนั้นแม้จะเฉลียวฉลาดสักปานใดก็ไม่มีวันใช้อุบายเล่ห์กลกับประชาชนได้ตลอดไป
มาร่วมกันรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ อำนวยประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนจะดีกว่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี