ในช่วงก่อนปีใหม่ได้เดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสานหลายแห่ง ลงลึกลงไปถึงระดับหมู่บ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสภาพที่เป็นจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะดูเหมือนว่ามีการเถียงกันว่าเศรษฐกิจในชุมชน ในชนบท คึกคักเติบโตเป็นอย่างดี เพราะมีการเอาเงินสารพัดโครงการลงไป ในขณะที่มีเสียงทักท้วงกึกก้องว่าชนบททุกแห่งหนซบเซา
ความจริงที่ปรากฏต่อสายตาก็คือ ทุกหนแห่งซบเซาแทบร้าง ทุกหมู่บ้านเงียบเหงา การค้าขายเงียบสงัด ไม่ต้องพูดถึงนักท่องเที่ยว ไม่มีใครไปท่องเที่ยวในชนบทเลยแม้แต่สักคนเดียว โรงแรมเล็ก ๆ และรีสอร์ทในชนบทร้างเป็นแถว ขนาดปั๊มน้ำมันหลายแห่งยังต้องปิดตัวเอง
สภาพเช่นนี้น่าตื่นตระหนกตกใจ จึงได้สนใจไต่ถามความเป็นไปทั้งหลาย โดยเฉพาะผลจากการใส่เงินจำนวนมหาศาลลงไปในโครงการต่างๆ นั้น ไฉนเล่าจึงไม่ทำให้ชนบทไทยรุ่งเรืองเฟื่องฟูคึกคัก อย่างน้อยเท่ากับแต่ก่อน
คำตอบจากราษฎรทั่วไปที่ตรงกันในนัยสำคัญทุกหนแห่งพอสรุปความได้ดังนี้
ประการแรก เงินช่วยเหลือผ่านบัตรคนจนในโครงการประชารัฐไม่ถึงมือชาวบ้านเลยแม้แต่สักบาทเดียว ชาวบ้านเป็นแค่ตัวผ่านเงินที่รัฐบาลจัดให้ไปยังร้านค้าประชารัฐ และร้านค้าประชารัฐก็ต้องจ่ายค่าสินค้าให้แก่เจ้าสัวเพียงไม่กี่ราย กลับกลายเป็นว่าเงินทั้งหมดตกได้แก่เจ้าสัว โดยมีราษฎรเป็นตัวผ่านเงิน และร้านค้าประชารัฐได้รับส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเม็ดเงินจึงไม่ลงไปในชนบท ไม่ถึงหมู่บ้าน ไม่ถึงตำบล ไม่ถึงอำเภอ และไม่ถึงจังหวัด
ต่างกับกองทุนหมู่บ้านตรงที่เงินลงไปในหมู่บ้าน ราษฎรได้รับเม็ดเงินแล้วจับจ่ายใช้สอยกันในหมู่บ้าน การค้าขายในหมู่บ้านก็คึกคัก ร้านค้าในหมู่บ้านก็ไปซื้อสินค้าจากตำบล จากตำบลก็ไปซื้อจากอำเภอ จากอำเภอก็ไปซื้อจากจังหวัด จากจังหวัดก็สั่งซื้อจากกรุงเทพฯ เงินจึงหมุนเวียนหลายครั้ง ค่าของเงินจึงเพิ่มพูนขึ้น เพราะเมื่อมีการหมุนเวียนเงิน 100 บาท เมื่อหมุนเวียน 10 รอบก็จะกลายเป็น 1,000 บาทขึ้นมาดังนี้
ประการที่สอง เพราะเหตุที่ร้านประชารัฐไม่ได้อยู่ในชุมชนหมู่บ้าน และจะต้องใช้เงินภายในเดือนนั้น จึงมีสภาพบังคับให้ราษฎรต้องรวมตัวกันเหมารถเข้าไปซื้อสินค้ารูดบัตร โดยรวมตัวกัน 10-12 คน เพื่อเฉลี่ยค่าเช่ารถกันคนละ 25-30 บาท เกิดเป็นรายจ่ายของราษฎรโดยไม่จำเป็นเลย
ประการที่สาม เมื่อราษฎรเข้าไปเลือกสินค้าจากร้านค้าประชารัฐแล้ว ปรากฏว่ามียอดเงินเกินกว่าจำนวนที่ได้รัฐจัดให้ แต่ราษฎรก็มิได้เตรียมเงินไปก่อนเพราะไม่รู้ จึงต้องลดจำนวนสินค้าลง และมีเศษเงินเหลืออยู่ไม่ได้ใช้ และถูกตัดไปเมื่อสิ้นเดือน โดยไม่รู้ว่าเงินนี้จะได้กับใคร บางคนที่คาดหมายได้ก็นำเงินจากบ้านไปเผื่อ 200-300 บาท กลายเป็นว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น และเงินจำนวนนี้ปกติก็จะเป็นเงินใช้สอยในหมู่บ้าน พอที่จะหมุนเวียนในหมู่บ้านเล็กๆ น้อยๆ แต่ในที่สุดก็ต้องนำไปจ่ายให้กับร้านค้าประชารัฐ และทำให้หมู่บ้านขาดเงินที่จะมีการใช้จ่าย
ประการที่สี่ ทุกเสียงตรงกันว่า ราคาสินค้าสูงกว่าราคาสินค้าในท้องตลาด และมีการอ้างว่าที่ต้องคิดราคาสูงกว่าตลาดเพราะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินที่ลงไปในบัตรประชารัฐไม่มีผลต่อการสร้างความอยู่ดีกินดี หรือกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนหมู่บ้านเลย มิหนำซ้ำ ยังทำให้เงินเหือดแห้งหายไปจากหมู่บ้านอีกด้วย
สำหรับโครงการเงินกู้ที่นำไปให้กู้และมีเงื่อนไขว่าต้องชำระคืนเมื่อสิ้นปีจึงจะกู้ใหม่ได้ ก็ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดชาวบ้านผู้กู้ไม่สามารถหาเงินได้ทัน แต่เพื่อจะรักษาสิทธิ์ไว้ก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ซึ่งกว่าจะได้รับเงินกู้งวดใหม่ก็กินเวลา 2-3 เดือน ทำให้ดอกเบี้ยนอกระบบเพิ่มขึ้น 20-30% ในที่สุดก็ต้องกู้เพิ่ม หรือถ้ากู้เพิ่มไม่ได้ก็ต้องค้างหนี้นอกระบบไปอีก ดอกเบี้ยในระบบและนอกระบบสมทบประดังกัน ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นยิ่งจัดสรรเงินกู้แบบนี้มากเท่าใด ก็เท่ากับบังคับราษฎรให้ต้องกู้เงินนอกระบบมากขึ้นเท่านั้น
และทุกรอบที่มีการกู้เงินนอกระบบมาชำระหนี้เก่าเพื่อจะขอกู้ใหม่ ก็จะมีผลทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้น 20-30% ซึ่งจะต้องกู้เงินเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นทุกปี
ในกรณีที่วงเงินเต็มแล้วกู้เพิ่มไม่ได้ก็จะต้องเป็นหนี้นอกระบบค้างคากันต่อไปอีก และเพียงปีเดียวเท่านั้นกู้หนี้นอกระบบมาเท่าใด ยอดหนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนี้ภาคประชาชนหรือหนี้สินครัวเรือนของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างฮวบฮาบรวดเร็ว
การที่เพียง 2-3 ปี หนี้สินครัวเรือนของราษฎรเพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านล้านบาทนั้น เป็นเรื่องใหญ่หลวงและเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศชาติ จะเป็นภาระในการแก้ไขปัญหาไปไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะเมื่อสมทบกับหนี้เก่า ซึ่งทำให้ยอดหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านล้านบาท มากกว่าวงเงินงบประมาณเกือบ 6 เท่า จึงเป็นภาระอันใหญ่หลวงทั้งปัจจุบันและอนาคต
ที่สำคัญคือ จะทำให้ราษฎรยากจนถ้วนหน้า ซึ่งถ้าหากไปถึงขั้นยากไร้อับจนเมื่อใด ก็จะเป็นอันตราย เพราะนั่นคือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการปฏิวัติประชาชนที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ แม้กระทั่งในประเทศจีน
เพราะสี่ครอบครัวเจ้าสัวสมคบกับอำนาจรัฐก๊กมินตั๋ง โกงบ้านกินเมืองกินเลือดเนื้อราษฎรจนยากจนข้นแค้นทั่วประเทศ ไม่มีทางรอด ไม่มีทางออกอย่างอื่น ในที่สุดไฟปฏิวัติประชาชนจึงไหม้ลามทุ่ง และก่อเกิดเป็นการปฏิวัติจีนอันยิ่งใหญ่ดังที่รู้กันดีอยู่แล้วนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี