มีการกล่าวหา ป.ป.ช. ในลักษณะ “ตีปลาหน้าไซ”
คือ อ้างว่า ป.ป.ช.กำลังจะ “ปัดฝุ่น” – “รื้อฟื้น” คดีทุจริตเงินเยียวยาการเมือง และทุจริตโครงการน้ำในยุคยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเพื่อเล่นงานนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพื่อสกัดเส้นทางเป็นนายกรัฐมนตรี!!!
1. ปัจจุบัน ฝ่ายพรรคเพื่อไทยยังไม่ลงตัวเลย ว่านายชัชชาติจะได้อยู่ในบัญชีชื่อที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี จริงหรือไม่? อันดับที่เท่าไร?
พูดง่ายๆ ยังเคลียร์กันในพรรคไม่ลงตัวเลย
แล้วไม่ใช่ว่าทุกกระแสนิยมชื่นชมนายชัชชาติเสียเมื่อไหร่
เพราะถ้ากลับไปดูกันที่เนื้อผลงาน ไม่ใช่แค่วาทะและการสร้างภาพ
หลายๆ เรื่อง หลายๆ ปัญหาในแวดวงคมนาคม อาทิ ปัญหาใบแดงไอเคโอ (ICAO) ที่รัฐบาลปัจจุบันตามแก้มือเป็นระวิงก่อนจะประสบความสำเร็จ จะพบว่า ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีรัฐมนตรีคมนาคมชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั่นเอง ที่กรมการบินพลเรือน “ปล่อยผี” ออกใบอนุญาตการบินกันจำนวนมาก กว่า 40 ใบ ภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือน กระทั่งเกิดปัญหาเรื้อรังมาจนถึงยุคนี้
ใบแดง ICAO จะไม่ถือว่าส่วนหนึ่งเป็นผลงานสืบทอดส่งต่อมาจากกระทรวงคมนาคมยุคชัชชาติ เลยเชียวหรือ?
2. กรณีทุจริตเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553
นั่นก็คือ กรณีอนุมัติจ่ายเงินเยียวยา นปช.ผู้เสียชีวิต รายละ 7.75
ล้านบาท
กรณีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาเสกสรรปั้นแต่งขึ้นโดยไม่มีมูล
อันที่จริง เรื่องนี้ ควรจะเสร็จตั้งนานแล้ว
จำได้ว่า เมื่อเดือน ก.ค. 2560 ป.ป.ช.ก็เคยออกมาแจ้งแก่สาธารณชนว่า จ่อจะชี้มูลความผิดแล้ว
ตอนนั้น คุณสุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ ได้เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. คาดว่าภายในเดือน ก.ย. 2560 น่าจะสามารถชี้มูลความผิดได้
แต่ด้วยความละเอียด รอบคอบ และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้อง เรื่องก็ทอดยาวเรื่อยมา
ยังไม่มีการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดของเรื่องนี้ สืบเนื่องมาจาก อดีต สส.ประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. พร้อมกับเอกสารประกอบการพิจารณา 8 ฉบับ จำนวน 100 หน้า เพื่อขอให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับคณะรัฐมนตรี ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ที่ออกมติ ครม.วันที่ 10 ม.ค. และวันที่ 16 มี.ค. 2555 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในฐานความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ในปี 2552 และ 2553 โดยไม่มีอำนาจและระเบียบรองรับ
ไปยื่นตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2555
นายสาธิต ระบุว่า บุคคลทั้งสองคนทราบดีว่าไม่มีอำนาจที่จะจ่ายเงินจำนวน 7.75 ล้านบาท ให้กับผู้ได้รับผลกระทบ เพราะต้องจ่ายตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเหมือนเช่นคณะรัฐมนตรีทุกรัฐบาลที่ได้ดำเนินการจ่ายเยียวยาโดยยึดหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าใช้จ่ายในคดีอาญา พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีเจตนาทุจริตเพื่อจ่ายเงินหวังผลทางการเมืองของพรรคพวกตนเอง เพราะมีคำปราศรัยของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่ม นปช. เมื่อก่อนที่จะมาเป็นรัฐบาลว่า ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะจ่ายค่าเยียวยาให้คนละ 10 ล้านบาท แสดงถึงเจตนาที่จะใช้เงินภาษีโดยไม่มีอำนาจ
หลังจากนั้น ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง ก่อนตั้งอนุไต่สวนฯ เรื่อยมา
กระทั่งเมื่อเดือน พ.ค. 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม 34 ราย กรณีอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติไม่ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 และเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2555 เห็นชอบให้มีการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 และให้ใช้งบประมาณจากงบประมาณรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน จำนวน 1,921,061,629 บาท (เกือบสองพันล้านบาท) มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าว โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราเยียวยาขึ้นใหม่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว
รายงานข่าวก่อนหน้านี้ ระบุว่า อดีตรัฐมนตรีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ได้แก่
1.นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 2. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี 3.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี 4.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง 5.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี 6.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 7.นางนลินี ทวีสิน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 8.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 9.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม 10.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.คลัง 11.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีต รมช.คลัง 12.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ 13.นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 14.นายธีระ วงศ์สมุทร อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ 15.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ 16.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.คมนาคม 17.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีต รมช.คมนาคม 18.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมช.คมนาคม 19.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 20.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 21.นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีต รมว.พลังงาน 22.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ 23.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีต รมช.พาณิชย์ 24.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ อดีต รมช.มหาดไทย 25.นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีต รมช.มหาดไทย 26.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต รมว.ยุติธรรม 27.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต รมว.แรงงาน 28.นายสุกุมล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม 29.นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 30.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.ศึกษาธิการ 31.นายศักดา คงเพชร อดีต รมช.ศึกษาธิการ 32.นายวิทยา บุรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข 33.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีต รมช.สาธารณสุข และ 34.ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม
ผ่านมายาวนานจนถึงปี 2561 ก็ยังไม่มีการพิจารณาชี้มูลความผิด
3. จะเห็นได้ว่า ผู้ถูกแจ้งข้อความกล่าวหานั้น ไม่ได้มีแต่นายชัชชาติ แต่ยังมีอีก 30 กว่าคน ทว่า สื่อบางส่วนกลับพยายามขับเน้นว่าจะฟื้นเรื่องขึ้นมาเล่นงานนายชัชชาติ เพื่อสกัดกั้นทางการเมือง จึงเป็นเรื่องน่าหัวร่อมาก
สะท้อนว่า ไม่สามารถหาประเด็นโต้แย้งในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงจะมาหักล้างช่วยเหลือ จึงได้พยายามบิดประเด็นไปสร้างเรื่องว่าเป็นการกลั่นแกล้งตัวบุคคล หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการชี้มูลเรื่องนี้ ผู้เกี่ยวข้องมีสิทธิต่อสู้คดีทุกประการ
หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็ยังมีขั้นตอนไปที่อัยการสูงสุด
หลังจากนั้น จะผิดหรือถูก จะต้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งไม่มีใครเข้าไปก้าวล่วงได้ (บางคดีก็พิพากษายกฟ้องทักษิณ)
แต่ทำไมคนบางกลุ่ม สื่อบางพวก ถึงได้พยายามเต้นเร่าๆ เหลือเกิน?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี