ขึ้นปีใหม่แล้ว ขอนำคำสอนอันทรงมีคุณค่ายิ่งแห่งชีวิตของสมเด็จพระญาณสังวร อดีตสมเด็จพระสังฆราชฯมาให้ได้ฟังกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า เพราะอย่างน้อยก็จะไม่หลงทางเดิน
เพราะทางเดินของคนคนหนึ่งนั้น มีให้เลือกเพียง 2 ทาง เท่านั้น คือทางดีกับทางชั่ว สุดแล้วแต่ใครจะเลือกเดินทางไหน ดังต่อไปนี้
“ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่าผัดวันประกันพรุ่งที่จะทำความดี เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไร ตนเองนั้นแหละที่ได้เสวยผลของการไม่กระทำกรรมดี ไม่มีผู้ใดจะรับผลของความดี ความชั่ว ที่ตนเองทำไว้ เจ้าตัวเองเท่านั้นจักเป็นผู้รับผลที่ตัวทำ
ความดีก็ตาม ความชั่วก็ตาม เป็นสิ่งที่ทำได้ทุกเวลาแต่จะทำสองอย่างพร้อมกันไม่ได้ ต้องทำทีละอย่าง จึงต้องตัดสินใจเลือกว่าจะทำอย่างไหน การจะทำความดีหรือความชั่วนั้น อย่ามีใจอ่อนแอโลเล เพราะจะทำให้พ่ายแพ้ต่ออำนาจของความชั่ว ยอมให้อำนาจแห่งความชั่วแย่งเวลาที่ควรทำความดีไปเสีย ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง จะเป็นการแสวงหาทุกข์โทษภัยใส่ตัว”
พุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ตนเทียวเป็นคติของตน” คือ ตนนั่นแหละจักเป็นผู้พาตนเองไปดี ไปชั่ว ไปสว่าง ไปมืด อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น แล้วแต่ตนจะพาตนเองไป ที่มักกล่าวกันว่า คนนั้นพาคนนี้ไปดีไปไม่ดีนั้น ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่มีผู้ใดจะพาใครไปไหนได้ นอกจากเจ้าตัวเองจะเป็นผู้พาตัวเองไป ผู้อื่นเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น
แม้ตัวเองไม่พาตัวเองไปดีแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดอื่นจะสามารถพาไปชั่วได้อย่างแน่นอน เช่น มีผู้มาชวนให้ทำบุญ แม้ตัวเองไม่ทำตามก็จะไม่ได้บุญ หรือมีผู้มาชวนให้ทำบาป แม้ตัวเองไม่ทำตามก็จะไม่ได้บาป ไม่ว่าเรื่องใดทั้งนั้น ถ้าตัวเองไม่ได้เห็นงามตามไปด้วย ก็ไม่มีผู้ใดมานำได้ ตนเองเท่านั้นจักนำตนเองไปได้ทุกที่ทุกทาง ทั้งที่ดีและทั้งที่ชั่ว ตนเองจึงสำคัญนัก
ตนจึงเป็นคติของตนจริง
ทุกคนควรตั้งปัญหาถามตนเอง ว่าชอบจะพาตนเองไปสู่ที่ดีหรือสู่ที่ชั่ว ไปสู่ที่สว่างหรือไปสู่ที่มืด คำตอบน่าจะตรงกันทั้งหมด ว่าทุกคนชอบจะพาตนไปสู่ที่ดีที่สว่าง ไม่ใช่สู่สิ่งที่ชั่วหรือสู่สิ่งที่มืด เมื่อรู้แล้วต้องรู้ต่อไปว่า ผู้นำคือตนเองนั้นจะต้องรู้ทางไปสู่ที่ดีที่สว่าง ไม่ใช่ไปสู่สิ่งที่ชั่ว ไปสู่สิ่งที่มืด ไม่เช่นนั้นจะพาไปไม่ถูกต้องตามที่ปรารถนา
ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชนย่อมเข้าใจว่า พระพุทธศาสนาได้แสดงทางดี ทางสว่าง ไว้ชัดแจ้ง ละเอียดลออ ดีน้อยดีมาก สว่างน้อยสว่างมาก มีแสดงไว้ชัดแจ้งในพระพุทธศาสนา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ดำเนินตาม ได้ไปถึงที่ดี ที่สว่างได้
พระพุทธองค์ทรงตามประทีปไว้แล้วให้เราเห็นทางในการเดินไปสู่ทางดี ทางพ้นทุกข์ เราอย่าปิดตา จงลืมตาดูแสงประทีปนั้น ให้เห็นทางที่สว่าง แล้วดำเนินไปตามทางที่สว่างนั้น จักไม่พบอันตรายที่แอบแฝงอยู่ในความมืด
ความสำคัญมิได้อยู่ที่แสงประทีปนั้น
แต่อยู่ที่ตัวเอง อยู่ที่คนทุกคน
ถ้าปิดตาไม่แลให้เห็นแสงประทีป ก็อาจจะเดินไปสู่ที่มืด ที่ชั่ว ที่มีอันตรายร้อยแปดพันเก้าได้ แต่ถ้าพากันลืมตาขึ้น ดูให้เห็นทางอันสว่างแล้วเดินไปตามทางนั้น ก็ย่อมจะเดินไปสู่ที่สว่างได้ พ้นภัยได้
ไม่มีผู้ใดปรารถนาจะมีหนทางชีวิตที่มืด มีแต่ปรารถนาหนทางชีวิตที่สว่าง ดังนั้นต้องสอนใจตนเองให้รู้จักทางมืด ทางสว่าง
ทางไปสู่ที่มืดก็ให้รู้ ทางไปสู่ที่สว่างก็ให้รู้ และต้องศึกษาวิธีเดินทางให้ดีและให้เป็นด้วย เดินอย่างไรจะเป็นการเดินทางไปสู่ที่มืด และเดินอย่างไรจะเป็นการเดินทางไปสู่ที่สว่าง ไม่พึงเดินไปอย่างส่งเดช อบรมใจให้ดี ให้ตาสว่าง จะได้เดินถูกทาง
ความรังเกียจหรือนิยมยกย่อง ที่คนชั่วหรือคนดีได้รับ เป็นผลแห่งกรรมของตนเอง ไม่ใช่อะไรอื่น ความรังเกียจที่คนชั่วได้รับเป็นผลแห่งกรรมชั่ว ความนิยมยกย่องที่คนดีได้รับ เป็นผลแห่งกรรมดี คนทั้งหลายรวมทั้งตัวเองนั้นทุกคนเป็นเครื่องมือของกรรมที่จะเป็นเหตุให้ผลของกรรมชั่ว และกรรมดี ปรากฏขึ้น
ผู้มีปัญญาไม่นิยมคำว่า ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ เพราะเป็นความไม่ถูกต้อง ความเสื่อมทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้ถ้านิยมคำอย่างนี้
แม้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ในจิตใจตนได้แล้วก็ตาม การปฏิบัติที่ถูกต้องก็ย่อมจะตามมา เพราะใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ
คือทุกสิ่งเป็นไปตามอำนาจความเห็นถูก หรือความเห็นผิดของใจ การอบรมความเห็นให้ถูก ให้เป็นสัมมาทิฐิ ไม่ให้เป็นมิจฉาทิฐิ จึงเป็นความสำคัญที่สุด ของผู้ยินดีความถูกต้อง
ขอนำคำสอนนี้มายังทุกๆท่านในวันปีใหม่นี้
เพื่อมิให้หลงทางเดิน และหลงทางชีวิต
โดยเฉพาะพวกผู้มีอำนาจทั้งหลายขณะนี้ที่กำลังนำพาบ้านเมืองไปอย่างคนมีมิจฉาทิฐิ ไม่ค่อยฟังหรือรับฟังคนอื่นที่เห็นต่าง ชอบต่อยอดทอดอำนาจออกไปเรื่อยๆ ในขณะที่บ้านเมืองและประชาชนยังลำบากในชีวิตด้วยเรื่องร้อยแปดพันเก้าขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี