“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ต้องเลิกหาเสียงแบบ “จิกกัด” คนอื่นได้แล้ว คุณหญิงต้องรู้จักคิดว่า ตัวคุณหญิงเองกับพรรคที่คุณหญิงไม่อาจแม้จะเป็น “หัวหน้าพรรค” ได้ คือ “เพื่อไทย” นี้ ไม่ได้ดีขึ้นเพราะคนอื่นเลว ทุกคน ทุกพรรค จะดีหรือเลว ก็ด้วยสิ่งที่ตัวคน หมู่คณะ และพรรค ได้ทำมา
“อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแบน” จึงเป็นการหาเสียงที่ทำให้ผู้คน “เป็นกังวล” กับ “กมลสันดาน” ของคุณหญิง
คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้มี “ผลงานใดๆ” เป็นของตัวเองคุณหญิงไม่ได้ร่วมต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยตลอดเวลา คุณหญิงลอยตัวในเวลาที่พรรคมีปัญหา คุณหญิงเพียงเกี่ยวกับกระแสข่าวว่า “บ้านใหญ่กับนายใหญ่” ให้คุณหญิงมานำพรรคในช่วงเวลานี้เท่านั้นเอง
ดังนั้น คุณหญิงสมควร “ฉลาดเลือก” บุคลิกภาพของตัวเองให้เหมาะ
การจีบปากจีบคอพูดเรื่อง “อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแบน” จึงไม่เป็นเครดิตสำหรับคุณหญิงสุดารัตน์เลยแถมพลิกกลับไปย้ำภาพลักษณ์ “ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ”ที่หลายคนมองคุณหญิงไว้อีกต่างหาก
คุณหญิงเห็นความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจในหมู่ประชาชนแล้ว ก็เพียงแสดงความเข้าใจ เห็นใจ และเสนอตัวว่า คุณหญิงจะทำอะไรให้เป็นความหวัง ให้เป็นทางเลือก จะดูดีกว่าการเอาอดีตที่คนอื่นสร้างมาอวดอ้าง และจีบปาก “จิก” ลุงตู่ แถมตอบโต้แบบไม่จบไม่สิ้นกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” คนประเภท “ไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่” ของคุณหญิงเลยครับ
ไร้สาระและน่าชัง!!
เราอยากเห็นนักการเมืองแสดงตนว่า “รู้เข้าใจ และเห็นใจ” ในปัญหาของประชาชน พร้อมกับเสนอแนวทางการแก้ไข ทั้งเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาวมากกว่า
ลองดูตัวอย่างการเคลื่อนไหวการเมืองที่สร้างสรรค์กันหน่อยเป็นไร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชันนโยบายในหัวข้อ “นโยบายพรรคการเมืองกับการแก้ปัญหาวิกฤติใต้” จัดโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อประชาธิปไตยและหอการค้า จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับเครือข่าย We Watch ณ โรงแรมทวินโลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยได้กล่าวถึงปัญหาวิกฤติภาคใต้ ประกอบด้วย
1. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การยืนยันแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนสอดคล้องกับวิถีชีวิต เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาภาคใต้
2. การนำเอาสันติภาพ สันติสุขกลับคืนมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหายาเสพติด คือแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการเพื่อพี่น้องประชาชนคนใต้ทุกคน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้ให้รายละเอียดว่า ปัญหาวิกฤติของภาคใต้ ประการแรกคือ ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในภาคใต้ค่อนข้างมีปัญหาในการลงทุนมาระยะหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจปกติ ไม่มีวิกฤติ ในช่วงหลังนี้แทบไม่มีเลย และเราต้องยอมรับว่ามีพรรคการเมืองที่เข้าไปเป็นรัฐบาลในหลายยุคที่ประกาศชัดว่าจะมีแนวความคิด แนวนโยบายว่าจะพัฒนา หรือให้งบประมาณกับจังหวัดที่เลือกพรรครัฐบาลเป็นอันดับแรก หรือเท่านั้น จึงทำให้โครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้ค่อนข้างพัฒนาไปได้ล่าช้ากว่าที่อื่น โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามในการเรียกร้องความเป็นธรรมมาโดยตลอด แต่วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องมาชดเชยกับความไม่เป็นธรรมที่คนใต้ได้รับตลอดระยะเวลาในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา
สิ่งที่เห็นชัดคือ โครงสร้างถนน หนทาง นอกจากจะต้องมีการซ่อมแซมบำรุงแล้ว การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มเส้นทางคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นจากเหนือลงใต้เป็นเส้นทางที่ 2 เป็นเรื่องจำเป็น และจะต้องเพิ่มเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยง 2 ฝั่งทะเลให้มากขึ้น จำเป็นจะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่
ประการที่ 2 วิกฤติในเรื่องการช่วงชิงวิสัยทัศน์ภาคใต้จะเดินหน้าพัฒนาอย่างไร ประชาธิปัตย์ยืนยันว่าพื้นที่ภาคใต้มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องธรรมชาติ ภาคใต้ควรพัฒนาอยู่บนวิสัยทัศน์ที่เป็นพื้นที่ที่พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดี โดยสนับสนุนในเรื่องการเกษตร ในเรื่องอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และท่องเที่ยว โดยเฉพาะท่องเที่ยวระดับโลก มาจนถึงท่องเที่ยวที่โยงกับวัฒนธรรมและชุมชน เพราะมันจะมีความท้าทายอยู่ตลอดเวลาที่จะมีการมาผลักดันโครงการหลายโครงการที่จะทำให้ภาคใต้ไม่พัฒนาไปตามวิสัยทัศน์นี้ เช่น ความพยายามที่จะเอาอุตสาหกรรมหนักมาลงในภาคใต้ เช่น ความพยายามที่ยังไม่ลด ละ เลิก กับการที่จะเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินมาอยู่ในภาคใต้
ประชาธิปัตย์จะชัดเจนว่านอกเหนือจากการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อโอกาสของพี่น้องชาวใต้ที่จะมีความก้าวหน้าในชีวิต บนฐานเศรษฐกิจของเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และการท่องเที่ยว โดยรถไฟความเร็วสูงซึ่งรัฐบาลประชาธิปัตย์เคยไปเจรจาไว้นั้น จะต้องไปเชื่อมโยงกับมาเลเซีย และสิงคโปร์ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเรามีความพยายามในการผลักดันให้การเปิดพื้นที่เศรษฐกิจให้ภาคใต้พ้นวิกฤติใน 2 เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้
ประการที่ 3 ที่จำเป็นในขณะนี้ก็คือวิกฤติที่เราพูดถึงปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ตนยืนยันว่าแนวคิดในการแก้ปัญหานี้ทุกคนจะพูดคล้ายๆ กันหมด แต่ไม่ค่อยมีคนปฏิบัติ นั่นหมายความว่าทุกคนจะพูดว่าปัญหานี้ในที่สุดต้องใช้การเมืองนำการทหาร แต่รัฐบาลเกือบทุกชุดพูดว่าการเมืองนำการทหาร แต่ไม่เคยปฏิบัติ ถึงเวลาก็มองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่มอบให้กับฝ่ายความมั่นคง ประชาธิปัตย์ทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล เราไม่ได้ใช้แนวทางเหมือนรัฐบาลอื่น เราจึงสนับสนุน ส่งเสริมจนเกิด ศอ.บต. ขึ้นเป็นครั้งแรกว่าเราพยายามดึงเอาการแก้ปัญหามาอยู่ในมือของพลเรือน และทุกภาคส่วนในการพัฒนา มีการคัดสรรเอาตัวแทนจากชุมชนต่างๆ ที่มีความคิดเห็นหลากหลายแม้กระทั่งที่เห็นต่างจากรัฐ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ แล้วเน้นย้ำเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องในชุมชนอย่างละเอียด ลึกลงไปในระดับของครัวเรือนว่าควรจะมีรายได้เท่าไหร่ และวันนี้เมื่อประชาธิปัตย์มีนโยบายการประกันรายได้ให้คนทำงานทุกคนด้วย ตรงนี้ก็จะเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้
นอกจากนั้นการที่เราส่งเสริม สนับสนุน ความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา มีความยืดหยุ่นกฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนที่มีความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกัน สามารถที่จะใช้วิถีชีวิตตามความเชื่อของตัวเองได้ และอยู่ร่วมกันกับศาสนาอื่นนี่คือแนวทางที่สำคัญและจะเป็นแนวทางที่ยั่งยืนที่สุด ในการที่จะนำสันติสุขกลับคืนมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้
การแก้ไขปัญหาตรงนี้วันนี้ต้องบอกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลปัจจุบันพยายามดึงอำนาจต่างๆ ที่เราเคยให้ไว้กับฝ่ายที่ทำงานด้านพัฒนา กลับไปอยู่กับเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ขณะเดียวกันการทำกระบวนการเจรจาพูดคุย ซึ่งเริ่มมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทำแบบเปิดเผย ยังขาดการสร้างความรู้ความเข้าใจกับคนทั้งประเทศว่าหนทางที่จะนำไปสู่สันติภาพแบบยั่งยืนนั้น เรามีความจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจกับรากเหง้าของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างไร
สุดท้ายที่เป็นปัญหาวิกฤติอีกปัญหาหนึ่งของภาคใต้ก็คือปัญหายาเสพติด นอกเหนือจากนโยบายทั่วไปที่เกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งประชาธิปัตย์ได้ประกาศไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับ ป.ป.ส. ที่สามารถทำการสอบสวน และส่งฟ้องได้โดยไม่ต้องผ่านตำรวจ ที่จะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ที่จะส่งคนไปบำบัด ถ้าเขาเสพยาครั้งแรก เพื่อให้เขาหลุดพ้นจากวงจรนี้ แต่ถ้าเขาทำความผิดซ้ำ ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากตรงนั้นแล้ว เงื่อนไขที่พิเศษเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดบริเวณชายแดนภาคใต้ และไล่ขึ้นมา เช่นกรณี ของ 4X100 การที่จะต้องมีนโยบายเฉพาะเพื่อที่จะไปกำกับดูแลส่วนผสมของ 4X100 เช่น กรณีการใช้ยาแก้ไอ หรือยาตัวอื่นๆ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดในการลดปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้
“การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การยืนยันแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนสอดคล้องกับวิถีชีวิต เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาภาคใต้ 2. การนำเอาสันติภาพ สันติสุขกลับคืนมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหายาเสพติด คือแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการเพื่อพี่น้องประชาชนคนใต้ทุกคน”
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่หยิบมาเป็นแนวว่า ถ้าคนระดับนำในทุกพรรคการเมือง มาในแนวนี้ สื่อให้ความสำคัญกับเรื่องเชิงนโยบายแบบนี้ ประชาชนก็จะได้รับ “ข่าวสารที่ดี” และมีข้อมูลในการ “เลือกผู้แทน” ได้สร้างสรรค์ขึ้น
ไม่ใช่มาหมกมุ่นอยู่กับความเป็นขั้ว เป็นข้าง เป็นเรา หรือเป็นอื่น อย่างที่กำลังเป็นๆ กันอยู่
จิกกัดกันมาพอแล้ว ถึงเวลาแสดงวิสัยทัศน์ เพลาจริต แล้วคิดหาคำตอบ หาแนวทางมานำเสนอ ให้ประชาชนคนเลือกเขาเลือกจาก “ปัญญา” และ “ความสุจริต” ของพวกคุณกันดีกว่า!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี