แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา…
nn การจะพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างให้เจริญนั้น จะต้องสร้างและเสริมขึ้นจากพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ก่อนทั้งสิ้น ถ้าพื้นฐานไม่ดีหรือคลอนแคลนบกพร่องแล้ว ที่จะเพิ่มเติมเสริมต่อให้เจริญขึ้นไปอีกนั้น ยากนักที่จะทำได้ จึงควรจะเข้าใจให้แจ้งชัดว่า นอกจากจะมุ่งสร้างความเจริญแล้ว ยังต้องพยายามรักษาพื้นฐานให้มั่นคง ไม่บกพร่อง พร้อมๆ กันได้… (พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2523)…
nn นับตั้งแต่เกิดเหตุปล้นปืน 413 กระบอกจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2547 ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารบกชื่อ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร จนนำไปสู่วาทะสุดแสนน่าสมเพชที่หลุดออกมาจากปากของทักษิณว่า “สมควรตาย” และ “โจรกระจอก” หลังจากนั้นเหตุการณ์ไม่สงบต่างๆ นานา ก็เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้จวบจนกระทั่งทุกวันนี้…
nn แต่ที่น่าเวทนายิ่งนักก็คือ ทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมา ทหารชั้นผู้ใหญ่ของไทยทุกยุคทุกสมัยก็จะโฆษณาชวนเชื่อว่า ควบคุมสถานการณ์ได้ สถานการณ์สงบแล้ว และสถานการณ์โดยภาพรวมดีขึ้นแล้ว แต่คำโฆษณาชวนเชื่อกับความเป็นจริงไม่เคยตรงกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว…
nn จากสถิติคร่าวๆ พบว่าทหารชั้นผู้น้อยและตำรวจชั้นผู้น้อยเสียชีวิตไปเพราะเหตุไม่สงบในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ประมาณ 1 พันคน ประชาชนเสียชีวิตไปประมาณ 3 พันคน ยังไม่นับรวมถึงการเสียชีวิตของครู พนักงานการรถไฟ พระสงฆ์และครูสอนศาสนาอิสลาม รวมถึงผู้นำท้องถิ่นอีกมากมาย คิดคร่าวๆ คือมีผู้เสียชีวิตประมาณ 4 พันกว่าคน บาดเจ็บกว่า 1 หมื่นคน ทั้งนี้ยังไม่ได้ถึงความเสียหายทางจิตใจของประชาชน และความเสียหายในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ…
nn เหตุการณ์ล่าสุดคือความไม่สงบ และการจงใจสังหารพระสงฆ์ในวัดรัตนานุภาพ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเครื่องยืนยันได้ชัดเจนว่าสถานการณ์ในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ ยังไม่สงบตามที่ทหารบางคนได้คุยเขื่องและเคยอวดอ้างไว้…
nn มีคำถามว่าเมื่อไรเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ จะหมดสิ้นไป แล้วเมื่อไรความสุขสงบอย่างแท้จริงจะกลับมา คำถามนี้ยังรอคำตอบอยู่ แม้จะรอมานานกว่า 15 ปี จนย่างเข้าปีที่ 16 แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่สาธารณชนพอจะทราบคือมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่อ้างว่าเพื่อแก้ไขปัญหานี้ไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท…
nn หากคิดคำนวณในแง่การลงทุนด้วยงบประมาณมากมายมหาศาลเช่นนี้ แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่น่าสมเพชมากเช่นนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่าทำไมต้องใช้งบฯ มากมาย แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีคำถามจากสาธารณชนอีกว่า รัฐบาลและกองทัพไทยจะมีปัญญายุติปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ได้ภายในเร็วๆ นี้หรือไม่…
nn สำหรับรายนามของผู้บัญชาการทหารบกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ถึงปัจจุบันมีดังนี้ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร 2546-2547 ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2547-2548 สนธิ บญยรัตกลิน 2548-2550 อนุพงษ์ เผ่าจินดา 2550-2553 ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2553-2557 อุดมเดช สีตบุตร 2557-2558 ธีรชัย นาควานิช 2558-2559 เฉลิมชัย สิทธิสาท 2559-2561 และอภิรัชต์ คงสมพงษ์ 2561-ปัจจุบัน…
nn วิญญูชนในสังคมไทยเข้าใจดีว่าการเกิดเหตุไม่สงบ หรือเหตุลักชิงวิ่งปล้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอบนแผ่นดินนี้ แต่เหตุการณ์สะเทือนใจสาธารณชน เช่น การสังหารพระสงฆ์ และผู้นำศาสนาใดๆ ก็ตามในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงเหตุการณ์ลอบสังหารทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อยในเขตสามจังหวัดดังกล่าว การโจมตีค่ายทหาร หรือที่มั่นของทหาร ตำรวจ รวมถึงการกราดยิงเข้าไปในโรงเรียนในขณะที่ยังมีการเรียนการสอนนั้น เป็นคำถามที่สาธารณชนต้องการทราบว่าทำไมจึงเกิดขึ้นได้ ทั้งๆ ที่กองทัพไทยส่งกำลังพลลงไปตั้งมากมาย แถมยังใช้งบฯ จำนวนมหาศาลมานานกว่า 15 ปี…
nn ไปคุยเรื่องเบาสมองกันดีกว่า เรื่องนี้รับรองเบาสมองแน่นอน ขอบอกว่าขำกลิ้ง หัวเราะจนหมดแรง เมื่อเห็นผลสำรวจความคิดเห็นเรื่องประชาชนอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ซึ่งสำรวจโดยนิด้าโพลผลออกมาคือ อยากให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โอยๆ ๆ ๆ น่าขันเสียนี่กระไร ไม่น่าเชื่อว่านิด้าโพลจะกล้าเผยแพร่ผลการสำรวจเช่นนี้ออกมาได้ ถามจริงๆ เถอะ ในเชิงการสำรวจ ผลมันอาจจะออกมาอย่างไรก็ได้ แต่ในความเป็นจริง หากเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แล้วประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯ หรือ ประชาชนพื้นๆ ที่เขาไม่ได้เรียนจบชั้นปริญญาเอก เขาฝากถามพวกดอกเตอร์ในนิด้า…
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องประเทืองปัญญาดีกว่า ในขณะที่คนไทยยังถามกันไม่จบว่าจะเลือกตั้งสส. วันไหน แต่จีน อินเดีย และญี่ปุ่น (ซึ่งเป็นประเทศที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเคยดูถูกดูแคลนมาก่อน เพราะความคลั่งคิดว่าชาติไทยเจ๋งที่สุดในโลก) กำลังพัฒนาศักยภาพของการเป็นผู้ครอบครองอวกาศอย่างขมีขมัน จีนตั้งเป้าจะส่งยานอวกาศไปดาวอังคารในปี ค.ศ. 2020 ส่วนอินเดียกับญี่ปุ่น มหาอำนาจทางอวกาศอันดับ 4 และ 5 ของโลก ก็กำลังเจรจาหาทางร่วมมือกันเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากสงครามอวกาศอันอาจจะเกิดจากน้ำมือของสหรัฐฯ รัสเซีย และจีน ต้องบอกตรงๆ ว่าเมื่อเห็นชาติอื่นๆ ที่คนไทยเคยดูถูกเขา แต่ปัจจุบันเขาเหล่านั้นล้ำหน้าไปจนไทยไม่สามารถตามเขาได้ทัน ก็ได้แต่เตือนตัวเองว่า นี่แหละหนา ผลของการเลือกคนไร้ประสิทธิภาพไปบริหารประเทศ แต่จะโทษใครได้ ก็คนไทยเลือกคนไร้ประสิทธิภาพเองนี่นา ทนรับกรรมต่อไปก็แล้วกัน…nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี