นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ของพรรคเพื่อไทย กลายเป็น “ตัวช่วย” สร้างกระแสให้พรรค หลังจากกระแสของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ไม่แรงพอที่จะทำให้พรรคโดดเด่น จนหลายคนมองว่า ชัชชาติถูกส่งเข้ามาเพื่อดึงคะแนนให้พรรคอย่างเห็นได้ชัด
เทียบฟอร์มแล้ว ชัชชาติ มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะถูกสื่อออนไลน์ผลิต “ภาพจำ” ที่ให้คำนิยามว่า “แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” เอาไว้ให้ ใครจะคิดล่ะว่า มุมขำๆ จะกลายเป็นภาพจำเชิงบวกให้แก่ชัชชาติ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ถามว่า “อะไรคือผลงานสุดยอดของชัชชาติ” ก็ไม่มีใครตอบได้
อย่างไรก็ตาม ภาวะ 1 พรรค 2 ผู้นำ สร้างความอิหลักอิเหลื่อให้แก่คนในพรรคและกองเชียร์พอสมควร เพราะชัชชาติคล้ายๆ กับจะถูกยกขึ้นมา “ข่ม” คุณหญิงสุดารัตน์ ในภาพภายนอกที่คล้ายเอามา “หนุน” แต่เป็นการหนุนที่กดให้คุณหญิงสุดารัตน์ดูแย่ ดูไม่แน่นอน ดูไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพียงคำตอบเดียว แม้จะแก้ลำด้วยการบอกว่า พร้อมจะเป็นเบ๊ก็ตาม แต่กองเชียร์ข้างสนาม ดูก็รู้ว่ามีความลำบากใจกันอยู่ทั้งคู่
ปัญหาของพรรคเพื่อไทยคือ ความคลุมเครือว่าใครเป็นเจ้าของ ใครเป็นผู้นำ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคไม่เคยสลัดหลุดจากคำว่า “พรรคของทักษิณ” และฉวยโอกาสจากการเป็นพรรคของทักษิณเพื่อเก็บคะแนนจากคนที่ชื่นชอบทักษิณมาหนุนพรรคด้วยซ้ำไป “ทักษิณ ชินวัตร” เอง ก็แสดงตนเป็นเจ้าของ เป็นผู้คิดนโยบาย เป็นความหวัง ในนามพรรคเพื่อไทยเสมอมา โดยไม่เคยเหนียมอาย ขนาดหนีคุกหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศ ยังใช้ทุกสรรพเทคโนโลยีข้ามโลกข้ามแดนมาพูดจาปราศรัยในนามพรรคอยู่ตลอดเวลา
แต่มาเจอรอบนี้ ที่กติกาเปลี่ยนไป กำหนดว่าหากให้บุคคลภายนอกเข้ามาครอบงำหรือควบคุมบงการ พรรคจะมีความผิดถึงขั้นถูกยุบได้ จึงจะเห็นว่า พรรคเพื่อไทยออกอาการงงๆ ว่าจะเอายังไงดี จะบอกว่าเป็นพรรคของทักษิณ ก็ไม่ได้ จะบอกว่าไม่ใช่ แล้วกองเชียร์จะว่ายังไง จึงมีวูบหนึ่งที่ขาย “ฟีลลิ่ง” สำหรับกองเชียร์ “คนรักแม้ว” ว่า จะพาทักษิณกลับบ้าน ผสานไปกับพรรคไทยรักษาชาติแต่เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายอื่นจนซวนเซไป เพราะคำพูดดังกล่าวนั้น สะท้อนสันดานชัดเจนว่า ตั้งพรรคมาเพื่อประโยชน์ของทักษิณ ก่อนประโยชน์ของประชาชน
ความที่ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์และชัชชาติ ล้วนไม่เคย “มีผลงาน” ที่จะใช้หาเสียงได้อย่างโดดเด่นหรือเปล่า ทั้งคู่จึงต้องเล่นกับ “อารมณ์” ของคน โดยใช้วิธีการเดิมๆ คือ รีบจับจองให้ตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเสีย แล้วผลักฝ่ายอื่น โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังมาแรงในพื้นที่ภาคอีสาน อันเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ให้เป็นฝ่าย “เผด็จการ” ที่คิดจะสืบทอดอำนาจไปเสีย
เช่นล่าสุด ชัชชาติก็ไปกล่าวที่จังหวัดมหาสารคาม ขณะลงพื้นที่หาเสียงว่า
“คนที่ฆ่าเราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นักการเมือง แต่คือเผด็จการที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย คนพวกนี้หัวใจไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ และมาหลอกคนประชาธิปไตยในช่วงการเลือกตั้ง
จะทำลายประชาธิปไตยไทยในระยะยาว จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโครงการอะไร แต่พอใกล้ช่วงเลือกตั้งกลับมีโครงการขึ้นมามากมาย ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงแพ้ไม่ได้ และต้องได้ สส. 375 คน จาก 500 คน เนื่องจากรัฐบาลได้แต่งตั้ง สว. 250 คนที่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกไว้ด้วย ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันออกไปเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เพียงช่วยเราหรือช่วยพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการช่วยระบบประชาธิปไตยให้ไปรอด เพื่ออนาคตของลูกหลาน และเพื่ออนาคตของประชาธิปไตยในประเทศไทย”
การชูเอา “ประชาธิปไตย” ขึ้นมาเป็นใหญ่ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนไหม อันนี้น่าคิด
1) ต้องถามชัชชาติและสมัครพรรคพวกว่า “เผด็จการ” ในความหมายของพวกเขาคืออะไร โดยเฉพาะเผด็จการที่ “ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย”
2) เช่น รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ชัชชาติทำงานด้วย กระบวนการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ชุมนุมทางการเมือง ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ และกำลังถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในเวลานี้ เป็นกระบวนการของฝ่าย “ประชาธิปไตย” หรือไม่ คือ ถ้ามาจากการเลือกตั้งแล้ว ก็เป็นฝ่ายประชาธิปไตยทันที ทำอะไรก็เรียกว่าประชาธิปไตยหมดเลยใช่ไหมครับ เช่น จะเอางบประมาณแผ่นดิน ไปจ่ายให้แก่พวกพ้องตัวเอง ที่สนับสนุนกันทางการเมือง โดยไม่มีกฎหมายใดๆ รองรับการจ่ายเงินนั้น ก็เป็นวิธีการที่สวยงามแบบประชาธิปไตยแล้วหรือครับ
3) พอจ่ายเงินเยียวยาเสร็จ รัฐบาลประชาธิปไตยของคุณชัชชาติ ก็ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมทันที โดยเนื้อหาของกฎหมายคือการปล่อยให้ประชาชนคนเสื้อแดง ทหาร ผู้สื่อข่าว ประชาชน ตายฟรี!! ไม่มีกระบวนการยุติธรรมรองรับ ไม่ต้องค้นหาความจริงว่าใครฆ่า คดีไหนเข้าสู่ชั้นศาลแล้วให้ล้มศาลเสีย จบคดีไป นี่หรือครับ ประชาธิปไตยของท่าน
4) ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ ประชาธิปไตยในกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าว ยังแอบยัดไส้คดีทุจริตคอร์รัปชั่นเอาไว้ด้วย ใครเผาบ้านเผาเมืองก็ไม่ผิดด้วย โห! โคตรประชาธิปไตยเลยครับ
5) ประชาธิปไตยในกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น คือ ให้ประชาชนตายอย่างเป็นประชาธิปไตย คือ ตายแล้วตายเลย ไม่รื้อฟื้น ไม่ให้กระบวนการยุติธรรม ไม่ให้กระบวนการค้นหาความจริง พรรคเพื่อไทยในเวลาที่มีคุณชัชชาติอยู่ด้วย จึงใช้เสียงข้างมากในสภา กระทำการยึดอำนาจด้วยเสียงส่วนใหญ่อย่างอุกอาจ ปิดกั้นการอภิปรายของฝ่ายค้าน รวบรัดตัดความลงมติ ด้วยความเป็นประชาธิปไตย อย่างไรเสียเสียงส่วนใหญ่ที่ยึดกุมสภาอยู่ก็ย่อมชนะ จริงไหมครับ เราจึงไม่ต้องสนใจว่า ต้องฟังข้อท้วงติงของเสียงข้างน้อยที่พยายามจะรักษาชีวิตประชาชนคนตาย ให้ได้รับความเป็นธรรม ให้ได้รู้ข้อเท็จจริงว่าใครฆ่า ใครทำให้เสียทรัพย์ ใครบุกโรงพยาบาล ใครเผาห้าง ใครเผาศาลากลาง และคนเหล่านั้นควรต้องถูกนำตัวขึ้นศาล เพื่อให้ศาลพิพากษาลงโทษ นั่นหรือครับ ฝ่ายประชาธิปไตยที่ประชาชนควรเลือกให้เข้ามามีอำนาจต่อไป
6) คุณชัชชาติ ได้ร่วมลงมติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไหมครับ ถ้าได้ร่วม พอจะเปิดเผยได้ไหมครับ ว่าลงมติให้ประชาชนตายฟรี ด้วยการ “เห็นชอบ” กับกฎหมายนี้ หรือลงมติเป็นอย่างอื่น
7) คุณชัชชาติ มีส่วนร่วมกับการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เอาหนี้จากการดำเนินโครงการ “จำนำข้าว” ไปซุกไว้กับ ธ.ก.ส. เพื่อไม่ให้ปรากฏเป็นหนี้ของรัฐบาลไหมครับ ที่ทุกวันนี้ รัฐบาลเผด็จการที่คุณกล่าวหา ยังต้องทยอยใช้หนี้ ธ.ก.ส. แทนพวกคุณอยู่น่ะครับ คิดว่านั่นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา เยี่ยงรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วใช่ไหมครับ
8) คุณชัชชาติ มีส่วนร่วมกับการลงมติ โยกย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรี ข้าราชการดีๆ คนหนึ่ง พ้นจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.ตร. สลับที่ สลับเก้าอี้กันไปมา จนเครือญาติของนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ขึ้นมาเป็นใหญ่ด้วยไหมครับ นั่นก็เป็นวิธีที่ดีงามของฝ่ายประชาธิปไตยสินะครับ ประชาธิปไตยคือการรังแกข้าราชการดีๆ ตกลงกับข้าราชการเลวๆ ให้ยกก้นออกจากเก้าอี้หนึ่ง เปิดทางให้ญาติผู้มีอำนาจเข้ามานั่งแทน ประชาธิปไตยแบบนี้ดีจังเลยนะครับ ดีกับญาติของผู้มีอำนาจนะครับ แต่เลวร้ายมากกับข้าราชการคนอื่นๆ
9) คุณชัชชาติ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีทันยุคที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกกฎหมายขออำนาจกระทรวงการคลัง “กู้เงิน” โดยไม่เอาเข้าเป็นงบประมาณแผ่นดินด้วยไหมครับ ที่อ้างว่าจะทำรถไฟความเร็วสูง จะปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมนะครับ เงินกู้ที่ไม่เป็นงบประมาณแผ่นดิน คือเงินที่ไม่ต้องการให้ถูกตรวจสอบการใช้จ่ายใช่ไหมครับ โห! ประชาธิปไตยโคตรๆ อีกแล้วครับท่าน ในที่การขอกู้เงินครั้งนั้นไม่ผ่าน ยังมีสมัครพรรคพวกในพรรคคุณชัชชาติ บิดเบือนว่าทำให้ไม่ได้สร้างรถไฟความเร็วสูงมาจนบัดนี้ ทั้งๆ ที่เป็นกฎหมายขอกู้เงิน ไม่ใช้กฎหมายทำโครงการรถไฟโดยตรง
ฝ่ายประชาธิปไตย เขาต้องเป็นอย่างนั้นกันใช่ไหมครับ
ปลุกระดมให้ประชาชนมาสู้ แล้วทรยศประชาชนด้วยเสียงส่วนใหญ่จากการเลือกตั้ง กลบฝังการตายของประชาชนเหมือนทิ้งศพหมาไว้ข้างถนน ที่ไม่มีกระบวนการพิสูจน์ทราบการตายและให้ความเป็นธรรมใดๆ ทั้งนั้น จากการออกกฎหมายของรัฐบาลประชาธิปไตย
นึกจะโยกย้ายข้าราชการเพื่อให้เครือญาติเป็นใหญ่ ก็อาศัยมติคณะรัฐมนตรี เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งกระทำได้ตามอำเภอใจ
นึกจะกู้เงิน แต่ไม่อยากให้เงินที่ได้มาถูกตรวจสอบการใช้จ่าย ก็ออกกฎหมายเพื่อจะกลบเกลื่อนหลบเลี่ยง “สันดานประชาธิปไตย” ของพวกท่านดูแปลกๆ ไหมครับ
กลับลำมาหาเสียงด้วยการแสดงความสามารถและวิสัยทัศน์ ว่ารู้ปัญหา เห็นปัญหา เข้าใจปัญหา และพร้อมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ปัญหา โดยไม่คดโกงเหมือนการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา
ดีกว่าไหมครับ
หยุดเล่นเรื่องประชาธิปไตย-เผด็จการ แบบตื้นเขินที่ทำอยู่นี่เถอะ
เพราะนอกจากไม่สะท้อนความสามารถที่มีให้ประชาชนที่กำลังเผชิญปัญหาสารพัดให้เห็นที่พึ่งที่หวังแล้ว ยังส่อสันดานบางอย่างให้คนรู้อีกด้วย!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี