ใกล้เวลาที่ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้งจะได้ทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดเก้าอี้ นายกรัฐมนตรีคนใหม่เต็มทีในวันที่ 24 มีนาคมปีนี้ผลการสำรวจ 6 ครั้ง ของนิดาโพล ตั้งแต่ครั้งแรกเดือนมี.ค. 2561 ครั้งที่ 2 เดือนพ.ค. 2561 ครั้งที่ 3 เดือนก.ค. 2561 ครั้งที่ 4 เดือนก.ย.2561 ครั้งที่ 5 เดือนพ.ย. 2561 และครั้งที่ 6 เดือนม.ค. 2562 ระบุว่าประชาชนคนไทยยังอยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 28
ครั้งที่ 1 มีคนสนับสนุนร้อยละ 38.64 ครั้งที่ 2 ร้อยละ 32.24 ครั้งที่ 3 ร้อยละ 31.26 ครั้งที่ 4 ร้อยละ 29.66 ครั้งที่ 5 ร้อยละ 24.05 ตกลงมาจากครั้งที่ 1 ร้อยละ 8 มาครั้งที่ 6 กลับมาที่ร้อยละ 26.20 โดยคู่แข่งคนสำคัญ คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์จากพรรคเพื่อไทย ในครั้งแรกอยู่ที่ร้อยละ 13.04 จากนั้นก็มีคะแนนนิยมสูงขึ้นในครั้งที่ 5 มีแต้มเพิ่มเป็นร้อยละ 25.16 มากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ แล้วมาครั้งที่ 6 เหลือร้อยละ 22.40
ส่วน 2 อดีตนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับความนิยมในระดับร้อยละ 11 ถึง 14 ยังตามพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จากคสช.ไม่ทันเช่นเดียวกับนายหัวชวน หลีกภัย นักการเมืองอาวุโสที่ติดชาร์ตอันดับ 7 ในจำนวน 10 คน อยู่ในอัตราร้อยละ 3.28 ถึงร้อยละ 5.84 เพราะเจ้าตัวไม่ได้แสดงออกหรือต้องการจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ในขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่อยู่ตรงกลางความนิยมอยู่ที่ร้อยละ 5 ถึงร้อยละ 7
แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังจำวีรบุรุษนาแกได้แต่ไม่สนับสนุนมากนัก นักการเมืองคนรุ่นใหม่ 3 คน คือ นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ทายาทมหาเศรษฐีหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มีความนิยมในระดับร้อยละ 6 ถึงร้อยละ 14 นายอนุทินชาญวีรกูล ทายาทมหาเศรษฐีอีกหนึ่งคนในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมร้อยละ 1 เพราะคนยังรู้จักน้อย ในขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์นักการเมืองค่ายเพื่อไทย อดีตนักวิชาการที่มีคนจำได้ด้วยอัตราร้อยละ 7
ส่วนความนิยมเป็นพรรคนั้นผลการสำรวจปรากฏว่าคนไทยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืและภาคกลาง ส่วนมากยังนิยมพรรคเพื่อไทย ในอัตราร้อยละ 32.72 มากกว่าพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ที่มีคนสนับสนุนร้อยละ 24.16 ส่วนพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดอย่างพรรคประชาธิปัตย์มีคนสนับสนุนร้อยละ 14.92 หรือร้อยละ 15 เทียบเป็นจำนวน สส.ในสภาประมาณ 75 คน ซึ่งเป็นการบ้านข้อใหญ่
ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐได้ชูนโยบายของพรรคเมื่อวันที่ 24 มกราคม ว่าการเปิดพันธกิจประชารัฐเพื่อสร้างชาติให้ยั่งยืน ได้แก่สวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ โดยสวัสดิการประชารัฐจะเน้นการขจัดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนได้รับโอกาสที่ขาดนำไปสู่การสร้างสังคมประชารัฐ คือ สังคมที่สงบสุขเข้มแข็ง และแบ่งปัน ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่งในโลกดิจิทัล ให้ไทยได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ด้วยเศรษฐกิจประชารัฐ หัวใจสำคัญ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ และแข่งขันกับทุกๆ ประเทศได้
7 นโยบายที่สัมพันธ์กับ 3 พันธกิจ ประชารัฐ คือ บัตรประชารัฐ ต่อยอดจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สร้างหลักประกันทางสังคม ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย สวัสดิการรายกลุ่ม แบ่งตามความต้องการ หรือความจำเป็นพื้นฐานที่ต่างกัน เช่น กลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มอาชีพรับจ้าง สวัสดิการคนเมือง เพราะผู้มีรายได้น้อยต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าเล่าเรียนบุตร หมดหนี้มีเงินออม จะช่วยทุเลาภาระหนี้ให้กับ 6 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ใช้แรงงาน ชาวนา ข้าราชการ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครู และนักศึกษา โครงการบ้านล้านหลัง บ้านสุขใจวัยเกษียณกับสิทธิที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร
7 นโยบายที่ตอบโจทย์สังคมประชารัฐ คือการศึกษา 4.0 พัฒนาคนเตรียมพร้อมให้ทุกคนมีโอกาส อนาคต ตั้งแต่เด็กจนถึงคนทำงาน กระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค ต่อยอดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งรัฐบาลดำเนินการมาแล้ว สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้าน มีงานทำ ด้วยแนวคิด 15 เมืองหลัก 15 เมืองรอง ที่จะทำให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงสร้างพื้นฐาน ชุมชนประชารัฐร่วมพัฒนาบ้านเกิด ชุมชนเข้มแข็งมีกองทุนพัฒนาชุมชนประชารัฐ เมืองอัจฉริยะสีเขียว เพื่อความสุขของทุกคน สังคมประชารัฐสีขาว ปลอดภัย ปลอดโรค ปลอดยา กทม. 5.0 ผุด 9 ย่านนวัตกรรมสร้างเครือข่ายคมนาคมที่สมบูรณ์ ผ่านเทคโนโลยี 5จี
7 นโยบายตอบโจทย์เศรษฐกิจประชารัฐได้แก่ ยกระดับความสามารถผู้ผลิต 5 ล้านราย 1 ล้านเกษตรกรทันสมัย 1 ล้านผู้ริเริ่มธุรกิจ 1 ล้านผู้ผลิตใหม่ 1 ล้านค้าปลีกชุมชน ก้าวสู่เกษตรประชารัฐ 4.0 ด้วยนโยบาย 3 เพิ่ม 3 ลด คือ เพิ่มรายได้ เพิ่มนวัตกรรม เพิ่มทางเลือก และลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน กระจายรายได้ กระจายโอกาส ด้วยการท่องเที่ยวชุมชน ชูเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจแบ่งปัน สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ อุตสาหกรรมหมุนเวียน นวัตกรรมสีเขียวพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต ลดอุปสรรค เพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีคงตัดสินใจว่าจะเข้าไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ด้วยสถานการณ์ที่ได้เปรียบประชาชนสนับสนุนมากกว่าคนอื่นๆ คงมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกครั้งหลังวันเลือกตั้ง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี