ทุกคนทราบแล้วว่า วันที่ 24 มีนาคม 2562 คือวันเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดของประเทศไทย ส่วนทราบแล้วจะไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสำนึกรับผิดชอบของปัจเจกบุคคล
ในช่วงก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง สาธารณชนก็จะได้ฟังเสียงโฆษณาชวนเชื่อจากปากของนักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ มากมาย ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วก็ได้แต่รันทดใจ และรู้สึกเวทนากับความไร้ยางอายของนักการเมืองบางคน แต่อย่างไรก็ตาม เราคงจะทำให้นักการเมืองไร้ยางอายเกิดความละอายขึ้นมาไม่ได้ แต่เราสามารถสั่งสอนนักการเมืองไร้ยางอายได้ด้วยการไม่ลงคะแนนให้ และก็ต้องช่วยกันป้องกันมิให้คนพรรค์อย่างนี้เข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ยิ่งใกล้จะถึงวันเลือกตั้ง ก็ยิ่งมีคำถามเกิดขึ้นในสังคมเสมอๆ ว่า พรรคการเมืองใดจะได้คะแนนนำ พรรคใดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคใดจะเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะชื่ออะไร คำถามเหล่านี้ยังคงดังอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีใครสามารถฟันธงลงไปได้ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะทุกอย่างยังคงเคว้งคว้างเลื่อนลอยอยู่ในอากาศ ถึงแม้คนบางคนอยากจะยึดครองอำนาจรัฐไว้ต่อไปมากสักเพียงใด และคนบางคนอาจจะกระสันกระเสือกกระสนเพื่อหวนคืนกลับมามีอำนาจรัฐอีกสักครั้ง ด้วยหวังจะใช้อำนาจรัฐล้างบาป ลบมลทินให้กับตนเอง
ก่อนจะไปคาดเดาว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แล้วพรรคฯ ใดจะได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง เราในฐานะผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนต้องรู้ก่อนว่าการลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งในครั้งนี้จะต่างไปจากครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะครั้งนี้จะมีเพียงบัตรลงคะแนนใบเดียว ในสมัยก่อนจะมีบัตรสองใบ ใบหนึ่งสำหรับระบบเขต ส่วนอีกใบสำหรับระบบบัญชีรายชื่อ แต่ครั้งนี้ทุกอย่างจะอยู่รวมในบัตรลงคะแนนใบเดียวเท่านั้น ซึ่งระบบใหม่ล่าสุดนี้จะมีผลให้ทุกคะแนนถูกนำไปคิดคำนวณทั้งหมด
ประเด็นต่อมาคือ สำหรับคนที่มีพรรคการเมืองในใจ หรือมีนักการเมืองในใจอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสีย คนกลุ่มนี้ก็จะต้องเลือกสิ่งที่เขาปักใจเชื่ออยู่วันยังค่ำ ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนใจคนกลุ่มนี้ได้ ต่อให้หัวคะแนนจะใช้เงินฟาดลงไปมากสักเท่าไร หรือต่อให้มีใครเอาปืนไปจ่อหัวให้เขาเลือก รับรองว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนไปยังบรรดานักการเมืองที่ชอบอ้างว่าได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวบ้านเป็นอย่างดี เพราะไปที่ไหนก็มีชาวบ้านไปรอต้อนรับอย่างอบอุ่น ก็ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี่ว่า โปรดอย่าไว้ใจภาพลวงตา เพราะในเมื่อคุณลวงตาชาวบ้านได้ แล้วเหตุใดชาวบ้านจะไม่สามารถลวงตาคุณกลับคืนได้ แล้วนักการเมืองก็ต้องไม่ลืมว่า จะมีชาวบ้านสักกี่คนที่จริงใจไปต้อนรับพวกคุณ โดยที่ไม่มีใครเกณฑ์พวกเขาไปต้อนรับ โปรดสำเหนียกในเรื่องนี้ให้จงหนัก
ประเด็นต่อมาที่น่าคิดคือกลุ่มคนที่เพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งเป็นครั้งแรก คนกลุ่มนี้อาจจะถูกเรียกว่าเป็นคนหน้าใหม่ที่เพิ่งมีสิทธิ์ แต่ทว่าคนกลุ่มนี้คือปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาดว่าใครหรือพรรคฯ ใดจะเป็นผู้คว้าชัยชนะในแต่ละเขตเลือกตั้ง อย่าลืมว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น คนกลุ่มนี้เคยทำให้นักการเมืองหน้าใหม่ได้รับชัยชนะทางการเมืองมาแล้ว ถึงแม้นักการเมืองรายนั้นจะดูเป็นตัวตลกทางการเมืองก็ตาม แต่ด้วยอำนาจเสียงของคนหน้าใหม่ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งจึงทำให้ตัวตลกทางการเมืองได้เข้าไปเป็นสส. มาแล้ว
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าติดตามศึกษาก็คือ คนกลุ่มโลเล หรือกลุ่ม swing voter คนกลุ่มนี้เป็นพวกรักง่าย หน่ายเร็ว วันหนึ่งเคยรักพรรคฯ นี้ แต่วันนี้กลับเปลี่ยนในไปรักพรรคฯ นั้นหรือพรรคฯ โน้น คนกลุ่มนี้ส่วนมากจะอยู่ในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ๆ เป็นคนที่ถูกมองว่ามีการศึกษาดี มีเศรษฐสถานะดี มีข้อมูลข่าวสารดี แต่ที่ไม่ดีคือจิตใจไม่มั่นคงในทางการเมือง เวลารักก็จะเทความรักให้จนหมดใจ แต่เวลาหน่ายก็จะออกมาขับไล่ไส่ส่งอย่างดุเดือด แบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องนำไปพิจารณาคือ พรรคฯ ที่แย่งคะแนนการเมืองกันเอง อาทิ พรรคฯ ที่อยู่คนละฟากฝั่งกับพรรคการเมืองที่อยู่ใต้อิทธิพลของตระกูลชินวัตร พรรคเหล่านี้มีความน่าเป็นห่วงมาก เพราะมีโอกาสจะแย่งคะแนนกันเองสูงมาก เรียกว่าอาจจะตัดคะแนนกันจนทำให้กลายเป็นพรรคฯ ที่ได้คะแนนต่ำกว่า 100 เสียงก็ได้ ส่วนพรรคที่อยู่ใต้อาณัติบัญชาของตระกูลชินวัตรนั้นไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไร ถึงแม้พรรคฯ นี้จะไม่มีวันได้คะแนนแบบ land slide หรือได้คะแนนแบบดินถล่มเหมือนเมื่อ10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคฯ นี้ได้ใจประชาชนชนิดแฟนพันธุ์แท้ผู้มีรักเดียวใจเดียวไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต่อให้พรรคการเมืองใหม่ แต่เต็มไปด้วยนักการเมืองหน้าเดิมๆ หน้าเก่าๆ ที่ค่อนข้างจะเน่าเหม็นจะลอกนโยบายประชานิยมจากพรรคฯ ของทักษิณ ชินวัตร กลับมาใช้ แล้วพยายามเปลี่ยนชื่อนโยบายเป็นอื่นๆ ก็ไม่สามารถชนะใจแฟนพันธุ์แท้กลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน หรือต่อให้ผู้ถือครองอำนาจรัฐในยุคปัจจุบันจะพยายามปั้นนโยบายประชานิยมใดๆ ออกมาเพื่อหวังจะซื้อใจประชาชนกลุ่มนี้ ก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้ใจจากคนกลุ่มนี้ เพราะการลอกเลียนนโยบายประชานิยมไม่สามารถลบเลือนความประทับใจที่คนกลุ่มนี้มีให้กับเจ้าของนโยบายประชานิยมคนเดิมได้อย่างแน่นอน
แม้พรรคการเมืองใหญ่ๆ เกือบทุกพรรคจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าพรรคฯ ของตนจะได้เก้าอี้สส. เกิน 250 - 270 ตัว แต่นั่นก็เป็นเพียงคำโฆษณาชวนเชื่อ แต่ถามว่าแล้วจะมีอะไรดีเกินไปกว่าการโหมโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ คำตอบคือไม่มี ดังนั้นเมื่อไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ก็จึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่นักการเมืองจากพรรคใหญ่ทุกพรรคฯ จึงจำเป็นต้องโหมโฆษณาชวนเชื่อเพื่อกรอกหูประชาชน แล้วก็เพื่อโกหกตัวเองว่าตนจะเป็นผู้ชนะ
คราวนี้มาถึงคำถามที่มักจะถามกันว่า พรรคพลังประชารัฐจะชนะพรรคเพื่อไทย และพรรคสาขาของเพื่อไทย รวมถึงจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่
คำตอบต่อคำถามนี้อยู่ที่ว่าคุณถามใคร หากถามกลุ่มคนที่เชียร์รัฐบาลคสช. ก็จะได้รับคำตอบว่าต้องชนะอย่างแน่นอน แต่ถ้าถามคนที่ไม่ปลื้มรัฐบาลคสช. ก็จะได้รับคำตอบที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่า พรรคฯ ที่ได้สส. เกินกว่า 100 คน ไม่น่าจะชื่อพรรคพลังประชารัฐ แต่แกนนำพรรคพลังประชารัฐไม่เคยเชื่อในคำคาดเดาดังกล่าว แม้คนที่ออกมาคาดเดาจะเป็นอาจารย์บางคนที่สอนหนังสืออยู่ในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า คำคาดเดาของนักวิชาการในยุคนี้และหลายยุคมาแล้วไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ฟันธงว่าพรรคฯ ใดจะได้สส. มากกว่า 100 คน แต่เชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้การเมืองไทยน่าจะมีคำตอบเรื่องนี้อยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
ประเด็นสำคัญที่อยากจะชวนคุณคิดไปด้วยกันในสัปดาห์นี้คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยหากพรรคฯ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลคสช. ได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง หากสถานการณ์เกิดขึ้นมาเช่นนี้จริงๆ แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองไทย สถานการณ์เดิมๆ จะกลับมาอีกหรือไม่ การทุจริตเชิงนโยบายจะกลับมาอีกไหม การลักหลับกลางสภาจะหวนมาเกิดอีกหรือไม่ และที่สำคัญคือความโกลาหลจะกลับมาเกิดกับสังคมไทยอีกหรือไม่ คำถามเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของคนไทยที่สนใจการเมืองอยู่ทุกวัน
มีผู้วิจารณ์ว่าพรรคการเมืองของทหารนั้นไม่เคยประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งในประเทศไทย ต่อให้โกงการเลือกตั้งจนได้ชัยชนะ แต่สุดท้ายประชาชนก็ไม่ยอมรับในชัยชนะที่สกปรกนั้น ส่วนพรรคที่ประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งมักเป็นพรรคฯ ที่สามารถครองใจประชาชนได้ แต่จะครองใจได้เพราะความดี หรือเพราะการซื้อเสียงนั้น เป็นเรื่องที่วิญญูชนรับทราบกันเป็นอย่างดี
ผู้เขียนขออนุญาตทิ้งท้ายโดยไม่มีข้อสรุปว่า แม้บางคนอาจจะพอคาดเดาได้ว่าผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะออกมาในรูปแบบใด แต่สิ่งที่เกินความคาดเดาคือ ไม่มีใครรู้ชัดว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว บ้านเมืองของเราจะสงบ ราบรื่น เรียบร้อยหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พอจะบอกได้ชัดๆ คือ อำนาจการตัดสินใจกาคะแนนบนบัตรเลือกตั้งเป็นของคุณทุกคน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะกาคะแนนให้กับโจรหรือให้กับคนดี แต่ก็มีคำถามทิ้งท้ายอีกว่า คนดีที่คุณคิดว่าดีนั้น ดีจริงหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี