เป็นที่แน่นอนว่าประเทศไทยไม่มีวันหมดสิ้นการรัฐประหารไปได้ ตราบเท่าที่การเมืองไทย โดยเฉพาะนักการเมืองจำนวนไม่น้อยยังคงมีพฤติกรรมโกงบ้านกินเมืองในทุกรูปแบบ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งบนดินและใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นการทุจริตแบบกินรวบ
มีการตั้งคำถามในสังคมมาโดยตลอดว่า อะไรคือมูลเหตุสำคัญของการก่อรัฐประหารในประเทศไทย
มีบางคนให้เหตุผลว่า การเกิดรัฐประหารในบ้านเมืองของเรา เกิดมาจากทหารมีอาวุธสงครามอยู่ในมือและมีกำลังพลที่สามารถใช้อาวุธสงครามเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองได้
เมื่อทหารมีอาวุธสงครามอยู่ในมือ จึงทำให้ทหารเกิดความทะเยอทะยานทางการเมือง จึงนำไปสู่การก่อแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดหนึ่งที่ถูกยกมาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมการก่อรัฐประหารโดยกองทัพเสมอมา
แต่ก็มีอีกแนวคิดหนึ่งที่เห็นว่ามูลเหตุของการก่อรัฐประหาร เกิดมาจากความล้มเหลวของระบบรัฐสภา หรือพูดให้ชัดก็คือ เกิดมาจากการโกงบ้านกินเมืองโดยนักการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการรัฐประหารเกิดมาจากเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ไม่สามารถทำให้นักการเมืองจำพวกโกงบ้านกินเมืองพ้นไปจากการถือครองอำนาจรัฐได้
เมื่อประชาชนไม่สามารถแสดงพลังเพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช ซึ่งก็หมายถึงนักการเมืองโกงบ้านกินเมืองที่ถือครองอำนาจรัฐให้พ้นไปจากอำนาจได้ ถึงแม้ว่าประชาชนจำนวนมากมายมหาศาลจะรวมตัวแสดงพลังบริสุทธิ์ด้วยความสงบ เพื่อขอให้รัฐบาลทรราชลงจากอำนาจ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลทรราชกลับละเลยพลังบริสุทธิ์ของประชาชน จึงนำไปสู่การประท้วงที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น จนอาจเกิดความโกลาหลปั่นป่วนในบ้านเมือง จนกลายเป็นเหตุไม่สงบ เมื่อเกิดความไม่สงบ ไม่เรียบร้อย และไม่มีระเบียบขึ้นมาบนแผ่นดิน ทหารซึ่งมีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครองจึงใช้ วิกฤตการณ์ดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใด สังคมไทยก็เกิดการรัฐประหารมาแล้วจนนับครั้งเกือบจะไม่ถ้วน แล้วก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการรัฐประหารจะหมดไปจากสังคมไทยในวันใด แต่
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้กล่าวอยู่เสมอๆ ว่าไม่มีวันที่การรัฐประหารจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
ทีนี้ลองมาดูความเป็นเหตุเป็นผล หรือความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันระหว่างการก่อรัฐประหารกับพฤติกรรมการโกงบ้านกินเมืองโดยเหล่านักการเมืองทรราช
ผู้เขียนมั่นใจว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ปฏิเสธว่านักการเมืองจำนวนไม่น้อยของประเทศไทยมีพฤติกรรมโกงกินและทุจริตสารพัดรูปแบบ และการโกงบ้านกินเมืองโดยนักการเมืองนี่เอง ที่เป็นปฐมเหตุ ก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนผู้รักบ้านรักเมือง
เมื่อประชาชนเห็นตรงกันว่านักการเมืองที่ขึ้นไปมีอำนาจรัฐ แล้วมีพฤติกรรมเป็นรัฐบาลทรราช เมื่อเป็นเช่นนั้นประชาชนจึงไม่ต้องการให้รัฐบาลทรราชสูบเลือดสูบเนื้อของประชาชนอีกต่อไป
เป็นที่แน่นอนว่า รัฐบาลทรราชไม่ฟังเสียงเรียกร้อง และไม่ฟังความต้องของประชาชน เพราะรัฐบาลทรราชจะอ้างแค่เพียงว่า ตนเองมีอำนาจรัฐ แล้วก็จะอ้างต่อไปว่า การที่ตนเองขึ้นไปมีอำนาจรัฐได้นั้น เกิดมาจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชนเป็นสำคัญ โดยอ้างต่อไปอีกว่าตนเองและพวกพ้องชนะเลือกตั้ง
เมื่อพูดถึงการเลือกตั้งในประเทศไทย หลายคนย่อมรู้ดีว่ามีความบริสุทธิ์ ขาวสะอาด โปร่งใส เที่ยงธรรม มากน้อยเพียงใด
วิญญูชนเห็นกันมาโดยตลอดว่าหลายต่อหลายครั้งการเลือกตั้งเป็นแค่เพียงพิธีกรรมที่ปราศจากความศักดิ์สิทธิ์ ดังจะปรากฏได้ว่ามาเฟีย นักเลงหัวไม้ ผู้มีอิทธิพลเถื่อน รวมถึงเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าของบ่อนซ่อง เจ้าของตลาดมืดที่ขายของผิดกฎหมายสารพัดชนิดรวมถึงเจ้าของซุ้มมือปืน แล้วยังรวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดและค้าอาวุธเถื่อนใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกขาว ล้างความผิดให้กับตัวเอง
นอกจากนี้ เราทุกคนยังเคยเห็นว่าแม้กระทั่งคนชั่วช้าสามานย์ที่เคยปลุกระดมให้คนไทยลุกขึ้นมาประหัตประหารผลาญชีวิตกันเอง ก็ยังสามารถใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องหนุนส่งให้ตนเองขึ้นไปมีอำนาจรัฐได้ โดยคนสามานย์พรรค์อย่างนี้อ้างว่าตนเองได้รับชัยชนะมาจากการเลือกตั้ง
ดังนั้นผลการเลือกตั้งในประเทศไทยจึงมิใช่เครื่องยืนยันถึงความเป็นคนดี เป็นผู้บริสุทธิ์ และเป็นผู้ที่เหมาะสมโดยแท้จริงกับการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร และการทำหน้าที่ของรัฐบาลเสมอไปทุกกรณี
ขอย้ำว่าสาเหตุที่ผู้เขียนพูดเช่นนี้ มิได้หมายความว่าต่อต้านหรือคัดค้านการเลือกตั้ง ตรงกันข้ามผู้เขียนสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง แต่ต้องเป็นการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น
เพราะการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ โปร่งใส ขาวสะอาด ย่อมนำไปสู่การได้ตัวแทนของประชาชนที่มีความบริสุทธิ์ โปร่งใส และขาวสะอาด เช่นกัน
เมื่อตัวแทนของประชาชนทุกคนมีความขาวสะอาดอย่างแท้จริงแล้ว การทำหน้าที่ในรัฐสภา ก็จะเต็มไปด้วยความมีประสิทธิภาพสามารถตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเข้มแข็ง
ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเสมือนความฝันของประชาชนไทยที่มีต่อนักการเมือง เพราะในความเป็นจริงแล้วในระยะประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราทุกคนรู้ดีว่านักการเมืองไทยจำนวนมากไม่มีประสิทธิภาพ ในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร แต่กลับกลายเป็นว่า นักการเมืองจำนวนไม่น้อยของประเทศไทยเป็นได้แค่เพียงขี้ข้า ข้าทาส และสมุนของโจรปล้นประเทศผู้สวมบทบาทของการเป็นนายทุนเจ้าของพรรคการเมืองเท่านั้น
เพราะฉะนั้น วงจรอุบาทว์ทางการเมืองในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนดูเสมือนว่าไม่มีวันจบสิ้นไปจากประเทศนี้
เราประจักษ์กันเป็นอย่างดีแล้วว่า สังคมไทยของเรามีการเลือกตั้งมาแล้วหลายสิบครั้ง แต่ทว่าเมื่อเลือกตั้งแล้ว เราได้นักการเมืองเข้าไปบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรือง หรือเข้าไปล้างผลาญทำลายประเทศมากกว่ากัน
เราได้เห็นกันมานักต่อนักแล้วว่านักการเมืองจำนวนหนึ่งที่อยู่ในสภา แต่ทำหน้าที่ได้แค่เพียงขี้ข้าของนายทุนเจ้าของพรรคการเมือง เราเห็นมาแล้วว่าคนเหล่านี้ยกมือเพื่อแลกกับเงินค่าจ้างจากเจ้าของพรรคฯ และได้เห็นมาแล้วว่าคนเหล่านี้ต้องการแค่เพียงได้อยู่ร่วมรัฐบาล มากกว่าต้องการทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาล
เราเคยได้ยินวาทะการเมืองที่สุดแสนชั่วช้าว่า การเป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา มันคือความอดอยากปากแห้งของนักการเมือง เพราะฉะนั้น นักการเมืองในบ้านเมืองของเราจึงมีเป้าประสงค์สูงสุดอยู่ที่การได้ร่วมเป็นรัฐบาล
นักการเมืองทุกคนมีความฝันจะได้ครอบครองตำแหน่งรัฐมนตรี ยิ่งถ้าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในกระทรวงหลัก ที่มีงบประมาณจำนวนมากมายมหาศาล ก็ยิ่งเป็นความฝันที่สูงสุดของคนพรรค์อย่างนี้
คนชนิดนี้ มองว่าการได้เป็นรัฐบาล หมายความถึงการมีอำนาจรัฐ และเมื่อมีอำนาจรัฐแล้วก็สามารถใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์ได้โดยไม่จำกัด ไม่ว่าผลประโยชน์นั้นจะถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม
ข้อสรุปของบทความในสัปดาห์นี้คือ วงจรอุบาทว์ในการเมืองไทยจะไม่มีวันจบสิ้นไปได้ ถ้าหากไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไทย และหมายรวมถึงการเลือกตั้งทุกชนิดในบ้านเมืองของเราโปร่งใส ขาวสะอาด และที่สำคัญก็คือ หากสังคมไทยยังไม่สามารถทำให้สมาชิกผู้แทนราษฎรทุกคนเคร่งครัด เอาจริงเอาจังกับการทำหน้าที่ในรัฐสภา ไม่สามารถทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบและผู้ถ่วงดุลรัฐบาลได้อย่างจริงจังแล้ว นั่นก็อาจจะหมายความว่า การเลือกตั้ง สส. ของไทยก็เป็นได้แค่เพียงการฟอกขาวให้มาเฟีย แล้วเมื่อเราปล่อยให้มาเฟียเข้าไปอยู่ในรัฐสภา แล้วยังปล่อยให้มาเฟียขึ้นไปทำหน้าที่ผู้บริหารประเทศชาติ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็จงอย่าหวังเลยว่าฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศไทยจะทำหน้าที่โดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของสาธารณชนเป็นสำคัญ แล้วก็ไม่ต้องหวังเลยว่าการก่อรัฐประหารจะหมดสิ้นไปจากประเทศนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี