หลังจากมีข่าวซุบซิบนินทากันมานานถึงกระบวนการสืบทอดอำนาจ โดยการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐให้เป็นฐานทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบเดียวกับที่มีการจัดตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา พรรคสหประชาไทย และพรรคสามัคคีธรรม ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
ในที่สุดคณะอดีตรัฐมนตรีสี่กุมารทอง ซึ่งเป็นผู้แทนพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เดินทางไปเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคที่ทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขอเวลาตัดสินใจและจะให้คำตอบในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งใช้เวลาถึง 8-9 วัน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นมาอย่างไร ดังนั้นการใช้เวลาคิดดูก่อนที่ยาวนานถึงปานนี้ จึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
กระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความเป็นปกติสุขุมรอบคอบถนอมถ้อยถนอมคำ ต้องกล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่าให้ทุกคนทำใจเผื่อไว้บ้างว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง
ซึ่งสอดคล้องกับข่าวคราวหลายกระแส โดยเฉพาะข่าวซุบซิบนินทาต่างๆ ที่ไหลหลั่งออกมาอย่างกว้างขวางในช่วงนี้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนทั้งหลายพากันสนอกสนใจว่าอนาคตการเมืองไทยจะเป็นไปอย่างไร
เพราะการตัดสินใจประการใดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในวันนี้มีผลมาก ดังที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้แถลงต่อสาธารณะต่อหน้าสมาชิกพรรคจำนวนมากอย่างเย้ยฟ้าท้าดินว่า ถ้าได้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค จะมีผลทำให้พรรคพลังประชารัฐไร้เทียมทาน
จึงย้ำคำพูดของผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐหลายคนที่เคยแถลงอย่างไม่ต้องปิดต้องบังกันว่า การร่างรัฐธรรมนูญและระเบียบต่างๆ ก็เพื่อพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่เสียงกระซิบกระซาบกันเองก็ว่า กลไกสำคัญในการเลือกตั้งก็เป็นคนของพวกเรา
สุ้มเสียงสำเนียงช่างละม้ายคล้ายคลึงกับยุคสมัยพรรคไทยรักไทย ที่มีเสียงซุบซิบนินทาบอกกล่าวให้กำลังใจกันเองว่าข้าราชการทั้งประเทศก็เป็นของเรา ตำรวจ ทหารทั้งประเทศก็เป็นของเรา นายทุนใหญ่ๆ ก็เป็นพวกเรา กกต. ก็เป็นคนของเรา
แต่ในที่สุด กกต. ที่พูดถึงก็ติดคุกติดตะราง ทหารที่พูดถึงก็กลับมายึดอำนาจ เฉดหัวคนพูดออกจากอำนาจอย่างหน้าตาเฉย พวกนักธุรกิจก็พากันหนีกระเจิดกระเจิง แต่สุ้มเสียงแบบนั้นกลับมาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งในบัดนี้
ดังนั้นกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอคิดดูก่อนโดยใช้เวลาถึง 8-9 วัน จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะมีการตั้งข้อสังเกตกันเป็นหลายกรณี ดังเช่น
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่เอาแบบอย่างโจโฉ ที่บีบบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ขอเป็นวุยอ๋อง ครั้นจำใจพระราชทานก็แสร้งทำเป็นไม่อยากรับตำแหน่ง จนพระเจ้าเหี้ยนเต้ต้องแต่งตั้งถึงสามครั้ง
หรือบางพวกก็ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยอมรับเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อตามที่มีการเชื้อเชิญแล้วก็สามารถรับปากได้ตั้งแต่วันที่มาเชิญแล้ว การที่ไม่ตกปากรับคำในวันนั้นจึงเกี่ยวพันกับเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่ทั้งในส่วนตัวของพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา เอง และในส่วนรวม รวมทั้งอนาคตต่างๆ ด้วย
นั่นเป็นข้อสังเกตที่พูดกันมาว่ากันไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อสังเกตที่ไร้สาระเสียทีเดียว หากเป็นข้อสังเกตที่น่าคิดพินิจพิเคราะห์ใคร่ครวญให้ถ่องแท้
หลังจากนั้นก็มีคนออกมาชี้แนะว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ควรที่จะรับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีของพรรคพลังประชารัฐเพราะจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นกลาง และจะทำให้ข้อหาสืบทอดอำนาจหนักหน่วงรุนแรงเป็นวงกว้าง จนอาจทำให้การเมืองไทยเข้าสู่วิกฤติครั้งใหม่ และเสนอแนะว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภาเพื่อกำกับรัฐบาล และการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
ก็ต้องนับว่าเป็นข้อเสนอที่แหลมคม
นั่นก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป แต่ทั้งหมดนี้ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เองว่าจะเลือกตัดสินใจประการใด ซึ่งหนทางแห่งการเลือกนั้นย่อมส่งผลต่ออนาคตของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และครอบครัวเอง ย่อมส่งผลต่อการเมืองไทย ย่อมส่งผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตของบ้านนี้เมืองนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่หลวงที่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายวันในการพินิจพิเคราะห์
หนทางการตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหมดเห็นจะมีดังต่อไปนี้
หนทางที่หนึ่ง ตกปากรับคำเชิญเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับแอ่นอกเป็นหมู่บ้านกระสุนตกเป็นเกราะกำบังให้กับขบวนการต่างๆ ที่มารวมตัวกันในพรรคพลังประชารัฐ และที่จะเข้ามามีอำนาจโดยอาศัยใบบุญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางห่ากระสุนตกทั้งสิบทิศ ซึ่งไม่แน่ว่าหนทางแห่งอำนาจในวันข้างหน้าจะเป็นแบบหัวหน้าคณะปฏิวัติรุ่นพี่หรือไม่
หนทางที่สอง ปฏิเสธไม่รับเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่ถูกเชื้อเชิญ แต่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลเพื่อสนองงานพระราชพิธีสำคัญที่สุดแห่งยุคสมัยให้สำเร็จลุล่วงเรียบร้อยสมพระเกียรติ ไม่มีบรรยากาศก่นด่าสาปแช่งหรือการชุมนุมประท้วงอันเกิดจากการกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้ง ซึ่งอาจมีความรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งพรรคเสรีมนังคศิลา พรรคสหประชาไทย หรือพรรคสามัคคีธรรม และเมื่อเสร็จการเลือกตั้งมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็ลงจากอำนาจทางการเมืองอย่างสง่างาม หลังจากนั้นก็สุดแท้แต่วาสนาว่าจะสูงส่งหรือสิ้นสุดลงประการใด
หนทางที่สาม ปฏิเสธไม่รับเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่มีคำเชิญ และเข้าดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และดำรงตำแหน่งเป็นประธานวุฒิสภา พร้อมกับเป็นรองประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงจากอำนาจอย่างสง่างาม และยังมีวาสนาแห่งอำนาจอย่างสมเกียรติ หรือบางครั้งก็อาจมีวาสนาสูงกว่านั้นก็ได้ ใครจะล่วงรู้ลิขิตสวรรค์
หนทางที่สี่ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ใหม่กราบบังคมทูลฯ ขอรัฐบาลพระราชทานเพื่อทำการแก้ไขอุปสรรคขวากหนามและจัดให้มีการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมต่อไป
ก็เห็นมีสี่หนทางนี่แหละ แต่จะเป็นหนทางไหนย่อมสุดแท้แต่ใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจเลือกชะตากรรมเอง เพราะตัดสินใจอย่างไหน เดินทางอย่างไร ก็ย่อมได้รับผลอย่างนั้น
การตัดสินใจที่หนักหน่วงเอาการเช่นนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องหนักดังนั้นจะถือหลักอะไรเป็นหลักแห่งการตัดสินใจ จึงเป็นเรื่องที่จะส่งผลต่ออนาคต
เพราะถ้าถือหลักเชื่อฟังพวกอั้งยี่ซ่องโจร หรือพวกฉกฉวยโอกาสขายชาติปล้นชาติ อนาคตก็จะตัดสินใจอย่างหนึ่งและมีอนาคตอย่างหนึ่ง
หรือถ้าตัดสินใจโดยยึดพระธรรมคำสอนและความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้งแล้ว ความสว่างไสวแห่งสติปัญญาปฏิภาณย่อมเกิดขึ้นและย่อมเป็นมงคลแก่ตนอย่างมิพักต้องสงสัยใดๆ เลย
หรือถ้าตัดสินใจตามความเห็นของพวกจิ้งจกตุ๊กแกที่แม้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้อง และมีแต่ความปรารถนาดีด้วยไมตรีจิตก็ตัดสินใจได้อีกอย่างหนึ่งและได้รับผลอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ดังนั้นในฐานะที่คนทั้งหลายได้สนับสนุนในการเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จึงขอตั้งความปรารถนาให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดถูกต้อง และตัดสินใจถูกต้อง บ้านเมืองจะได้เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์อย่างเต็มภาคภูมิในเวลาไม่ไกลจากนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี