รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ที่เป็นกติกาที่ใช้กับประเทศไทยในปัจจุบันที่ผู้ร่างคือกูรูใหญ่ทางการเมือง หรือนิติบริกรที่กระโดดหนีจากกติกาประกอบรัฐธรรมนูญที่กระทบกับตนเป็นคนแรกกำลังเดินเข้าสู่โหมดการปฏิบัติที่จะส่งผลให้การเมืองของประเทศเดินไปตามโรดแมปทาง
การเมือง คือ การเลือกตั้งตัวแทนของประชาชน แม้จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับฟันปลอมหรือรัฐธรรมนูญครึ่งใบก็ตาม แต่นักการเมืองผู้ถูกขังกรงมาเป็นเวลากว่า 4 ปี ได้ออกมายืดเส้นยืดสายได้โดยเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ภายใต้กติกาที่เข้มงวดก็ตาม
แต่พรรคการเมืองทั้งพรรคการเมืองเก่าแก่ กลางเก่ากลางใหม่ พรรคเฉพาะกิจ ก็พากันเดินทางมาลงทะเบียนถึง 58 พรรค ส่งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตถึง 5,831 คน มากเป็นประวัติการณ์ของผู้สมัครผู้แทนราษฎรที่เคยมีมา พฤติกรรมของผู้สมัครบางคนทำเหมือนมาแสดงจำอวดเช่นเปลี่ยนชื่อเหมือนกับนักการเมืองที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ เพราะกลับประเทศไม่ได้ บางพรรคเพื่อหลีกเลี่ยงกติกาที่พิลึกพิลั่น แตกสมาชิกออกเป็นพรรคย่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงกติกาที่ประหลาด ด้วยวิธีการแบบ “ศรีธนญชัย”
อย่างไรก็ดี การโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้สนับสนุนพรรคก็ใช้หลักการเดิมๆ แต่เปลี่ยนวิธีการใหม่เพราะสุภาษิตในทางการเมืองในอดีต คือ “เงินไม่มา กาไม่เป็น” หรือ “แข็งเท่าแข็งเงินง้างอ่อนได้ดังประสงค์” ยังใช้ได้เสมอ นักการเมืองที่มีอำนาจในปัจจุบันที่ต้องการมีอำนาจต่อไปใช้วิธีการเรื่องสังข์ทองร่ายมนต์หาปลา ได้แก่ ใช้เงินและอำนาจ “ดูด” กลุ่มคนที่ตนเคยรังเกียจแต่เข้าใจว่ามีพลังในการสนับสนุนทางการเมืองเข้ามาเป็นลูกสมุนพร้อมกับนำวิธีการ “ประชานิยม” ที่ตนเคยกล่าวหามาใช้ด้วยวิธีการใช้เงินของประชาชน (ภาษีอากร) หว่านลงไปกับคนยากจนเพื่อซื้อใจโดยไม่หวั่นเกรงเพราะมีอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าอำนาจเป็นสิ่งไม่จีรังโดยเฉพาะในทางการเมืองในอดีตอำนาจเคยทำให้นักการเมืองต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ในต่างประเทศจนสิ้นสุดแห่งชีวิตมาหลายคน โดยเฉพาะอดีตนักการเมืองที่มาจากผู้ถืออาวุธแต่เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวนเมื่อใครได้ลิ้มลองแล้วจะเสพติดยากที่จะถอนตัวได้ โดยเฉพาะกติกาที่ออกแบบจากกรอบความคิดเผด็จการ ซึ่งมีนักการเมืองฝ่ายที่มีความคิดเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเห็นว่าจะต้องมีการแก้ไขกติกาที่ผู้ครองอำนาจปัจจุบันเป็นผู้ออกแบบ ฉะนั้นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับผู้ที่ต่อสู้แนวประชาธิปไตยที่ถูกมัดมือข้างหนึ่ง สุดท้ายผู้ตัดสินคือประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศถ้าต้องการให้ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงก็ต้องช่วยกันต่อสู้ให้ได้การปกครองประเทศตามวาทะที่อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกากล่าวไว้ว่า “การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” ที่แท้จริง
สุดท้ายนี้ ใคร่ขอนำเอาสุภาษิตโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดแล้วคำพูดกลับเป็นนายเรา” มาเตือนโดยเฉพาะนักการเมืองกับวลีที่ว่า “เสียงดี แต่คะแนนไม่มี” เพื่อให้นักการเมืองที่กำลังเดินสู่สนามเลือกตั้งจงได้จดจำและประสบความสำเร็จด้วยวิธีการซื้อใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยไม่ใช้เงินตราและอำนาจเป็นอาวุธในการเลือกตั้งครั้งนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี