ถ้ากลับไปไล่เลียงดูพฤติกรรม การกระทำ คำพูด ท่าทีอาการของผู้เกี่ยวข้อง
จะเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” แต่น่าจะเป็นการกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรอง วางแผน
1. ในวันที่พรรคไทยรักษาชาติ ไปยื่นรายชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นนายกรัฐมนตรีของ ทษช. ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)ตอบคำถามสื่อมวลชน อย่างฉะฉาน มั่นอกมั่นใจ เตรียมตัวเตรียมการมาอย่างดี
ตั้งแต่การตั้งแถวค่อยๆ เดินหน้ากระดาน ให้สื่อถ่ายภาพ
น่าสังเกตว่า สื่อในเครือข่ายกำหนดวัน ว. เวลา น. “8 9 10”(อ้างว่า วันที่ 8 เวลา 09.10 )
ที่สำคัญ เนื้อหาของคำแถลงต่อสื่อมวลชนนั้น ระบุชัดเจน เช่น
ร.ท.ปรีชาพล ระบุว่า “กรรมการบริหารพรรคเห็นพ้องต้องกันว่าทูลกระหม่อมฯเป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด จากนั้นจึงได้ติดต่อและประสาน”
เมื่อถูกถามว่ากฎหมายระบุห้ามนำสถาบันมาให้หาเสียงเลือกตั้งร.ท.ปรีชาพลยังกล่าวว่า เป็นหน้าที่ กกต.จะพิจารณา ทษช.หารือข้อกฎหมายแล้วไม่มีปัญหา
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงขบวนการก่อนหน้านั้น ที่มีการปล่อยข่าวผ่านสื่อในเครือข่าย ทำนองว่าแผ่นดินจะสะเทือนเลื่อนลั่นกับรายชื่อของ ทษช. นั่นสะท้อนว่าทราบดีอยู่แล้วว่าจะสร้างผลกระทบใหญ่หลวง
แถมยังมีการปล่อยให้ข่าวลือสะพัดไปในทางที่เสียหายต่อสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย
หลังยื่นรายชื่อแล้ว ก็มีบรรดาแกนนำม็อบและนักการเมืองในเครือข่ายพูดจาสนับสนุน บางส่วนถึงขนาดเคลมไปเกินเลยว่านี่คือข้อบ่งชี้ว่าแกนนำ นปช.และทักษิณถูกใส่ร้ายว่าเคยมีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ครั้งนี้จึงลบล้างมลทินข้อครหาหมดแล้ว?!?
2. วันเดียวกันนั้น ช่วงดึก 8 กุมภาพันธ์ 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการ
ใจความเป็นที่ทราบโดยทั่วกันแล้ว
บางตอน ระบุชัดเจนว่า
“...การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมืองไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง…”
เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง เมื่อปรากฏพระราชโองการเช่นนี้ หากละเว้น นิ่งเฉย ไม่เร่งทำหน้าที่ของตนเอง ก็ควรต้องข้อหา 157 และควรลาออกจากราชการไปเสีย
3. หลังจากนั้น 9 ก.พ. 2562 พรรคไทยรักษาชาติ แสดงออกแต่เพียงเอกสารแถลงการณ์ฉบับเดียว เนื้อความไม่เต็ม 1 หน้า เนื้อหาสาระสำคัญบางส่วน ระบุ
ขอน้อมรับพระราชโองการข้างต้นไว้ด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์
ยืนยันจะขอทำหน้าที่ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ
เคารพในการตัดสินใจของประชาชน ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
น่าสังเกตว่า ทั้งหมด ไม่มีส่วนใดแสดงออกถึงความสำนึกผิด ขอโทษ กราบขอพระราชทานอภัยโทษ
ไม่มีเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว!!!
4. น่าแปลกใจ ตัวหัวหน้าพรรคเองยังไม่ให้สัมภาษณ์หรือแสดงตัวผ่านสื่อมวลชน
อดีต สว.ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เปิดเผยว่าลูกชาย คือ หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติชื่อร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช ได้โทรมาคุยว่าสบายดี อย่าเป็นห่วง
น่าเวทนา ในขณะที่สังคมไทยต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชาย หรือนักการเมืองที่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบ แต่หายหัวกันหมด กลับมีเฉพาะคนเป็นแม่ออกหน้ามาบอกสื่อ
ขณะเดียวกัน กรรมการบริหารพรรค ก็ล้วนแต่เป็นลูกหลานคนใกล้ชิดเครือข่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
บ้างก็เป็นเพื่อนสนิทของลูกสาว
ถึงวันนี้ ร.ท.ปรีชาพล ควรต้องยืดอกออกมาพูดความจริงกับสังคมอย่างลูกผู้ชายโตเต็มวัย มีลูกมีเมียแล้ว
ว่าใครเป็นคนเสนอและผลักดันแนวทางนี้?
ใครเป็นคนไปดำเนินการ?
หนัก อาจกลายเป็นเบา หรือไม่?
5. นายจาตุรนต์ ฉายแสง แม้ไม่มีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคโดยตรงแต่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ก็จะต้องแสดงออกชัดเจนว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนแค่ไหนกับยุทธศาสตร์ของพรรคไทยรักษาชาติที่ไป “กระทำการอันมิบังควร” ครั้งนี้
เรื่องสำคัญขนาดนี้ ประธานยุทธศาสตร์พรรค จะไม่รู้เห็นได้อย่างไร? ใครจะเชื่อ?
หากไม่เห็นด้วย หรือไม่รู้เห็น หรือทัดทานแล้วไม่ฟัง ก็จะควรจะต้องลาออกเป็นอย่างน้อย
6. ไม่ว่าหลังจากนี้ พรรคจะถูกยุบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม บรรดาผู้สมัคร สส.ของพรรคไทยรักษาชาติทั้งหลาย ทั้งในระบบเขต และโดยเฉพาะระบบบัญชีรายชื่อ
เมื่อปรากฏพระราชโอการแจ้งชัด“กระทำการอันมิบังควร” ยังจะทำเฉยเมย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังคงปักหลักต่อไป ไม่แสดงออกอย่างไรเลยกระนั้นหรือ?
หากเป็นเช่นนั้น จะเข้าใจได้ไหมว่า รู้แล้วว่าพรรคทำสิ่งไม่บังควรไม่เหมาะสม แต่ยังสนับสนุนกันต่อ
บุคคลในบัญชีรายชื่อ สส. เช่น ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิช นายจาตุรนต์ฉายแสง นายฤภพ ชินวัตร นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด นายมิตติ ติยะไพรัชนางสาวขัตติยา สวัสดิผล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายพงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายเจริญ จรรย์โกมล นางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ นายพงศกรอรรณนพพร นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ นายนิคม ไวยรัชพานิช นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นางสาวอรุณี กาสยานนท์ นายพิชิต ชื่นบาน นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์นายประภัสร์ จงสงวน นายสุธรรม แสงประทุม นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายอุเมสนัสปานเดย์ นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นางระพิพรรณพงศ์เรืองรอง นายพายัพ ปั้นเกตุ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ นายต้น ณ ระนอง นางสาวสุทิษา ประทุมกุล นายเหวง โตจิราการนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท พลตรี ศรชัย มนตริวัต ฯลฯ
7. อีกไม่กี่วันจะเข้าสู่ห้วงพระราชพิธีสำคัญของสถาบันสูงสุดของแผ่นดิน
เราคนไทย จะยอมให้คนบางกลุ่ม โดยเฉพาะบางตระกูล กระทำการมิบังควร อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
โดยเลือกห้วงยามสำคัญ ช่วงเวลารอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน เสมือนต้องการจะท้าทาย หรือลองดี
คนไทยที่มีหัวใจรักชาติรักแผ่นดิน จงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุด จะยอมหรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี