กกต. มีมติลงดาบทษช. แล้วเมื่อวานนี้!!
นอกจากรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติจะไปไม่ถึงฝั่งฝันแล้ว สถานะของพรรคไทยรักษาชาติก็กำลังสุ่มเสี่ยงว่าจะถูกยุบหรือไม่? ตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญหลังจากกกต. มีมติเอกฉันท์ยื่นคำร้องให้ยุบพรรค สถานการณ์ในทษช. ตอนนี้จึงได้เห็นบางคนเริ่มหนีตาย โดยรศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ หนึ่งในกรรมการบริหารถึงกับลาออกพร้อมอ้างว่าไม่เกี่ยวและไม่รู้เห็นการประชุมเสนอชื่อนายกฯ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่พูดจริงหรือไม่? ขณะที่รายชื่อแคนดิเดตของทุกพรรค ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมด โดยเฉพาะชื่อของพล.อ.ประยุทธ์จากพรรคพลังประชารัฐ และดูเหมือนลมจะเปลี่ยนทิศมาสู่พล.อ.ประยุทธ์อีกครั้ง แต่คงไม่ง่ายเพราะยังเหลือเวลาอีก 38 วันหลังจากนี้
ทุกคนเตรียมจับจ้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีการลงดาบทษช. หรือไม่? หลังจากกกต. ได้มีมติเอกฉันท์ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจากเข้าข่ายผิดมาตรา 92 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งก็ต้องดูว่าศาลจะตัดสินในช่วงก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง เพราะจะมีผลต่อกระบวนการจัดทัพของทั้ง 2 ฝ่าย และมีผลต่อการเลือกใช้หรือไม่ใช้เครื่องมือสว. 250 คน ที่อยู่ในมือคสช.หรือไม่? และย่อมมีผลต่อเกมต่อรองระหว่างพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ทุกเกมดูแทบจะไม่เหลือช่องให้ฝ่ายระบอบทักษิณ เป็นผู้กำชัยชนะได้เลย ไม่ว่าคำนวณสูตรใด เว้นแต่อาจต้องไปพึ่งพรรคที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกันที่สุด ที่ชูจุดยืนต้านการสืบทอดอำนาจเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้หลังเปิดชื่อแคนดิเดต ทษช. พร้อมนับรวมคะแนนเสียง แต่ละพรรคในเครือข่ายระบอบทักษิณ ถือเป็นการเปิดไพ่ และต่อจิ๊กซอว์อย่างสมบูรณ์แล้วว่าระบอบทักษิณอาจกลับมาอีกครั้ง ภายใต้การกำกับเบื้องหลัง แต่หลังจากเกมจบกลับไม่เป็นอย่างที่คิด นายทักษิณได้ทวีตข้อความภายหลัง ในวันที่ 9 ก.พ. ว่า “จงเชิดหน้าและก้าวต่อไป เราเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต แต่มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้และอนาคต เป็นกำลังใจให้ ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป!” ซึ่งคำว่าเชิดหน้าและก้าวเดินหน้าต่อ ซึ่งแปลความหมายว่าแพ้แล้วแต่ไม่ยอมหยุดใช่หรือไม่? อันที่จริงระบอบทักษิณก็มีจุดเด่นที่น่าชื่นชม นั่นคือการไม่เคยยอมแพ้และไม่เคยหยุด เพราะในความเป็นจริง ก็มีสถานการณ์ในอดีตที่ถือว่าพ่ายแพ้มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอมหยุด แม้การเตรียมการในวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมานี้ถูกมองว่าเป็นการเตรียมการนับปี และเดินเกมแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ตั้งแต่การฉีกพรรคออกเป็นหลายๆ พรรค หากแต่นายทักษิณเป็นคนชอบคุย จึงปรากฏหลักฐานที่ออกมาเป็นคำพูดหลายครั้ง ทั้งในประเด็นความเชื่อมโยงของพรรคต่างๆ ที่เป็นเครือข่ายกัน และคำพูดที่สืบความ หรืออาจตีความไปได้ว่าทักษิณอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองในระบอบทักษิณหรือไม่? ยังสำทับไปด้วยอีกหลายข้อความจากแกนนำพรรคเพื่อไทยเองที่เชื่อมโยงกับประเด็นเรื่องพรรคเครือข่าย เช่น “การทำงานของเพื่อธรรมและเพื่อไทยจะเดินเคียงคู่กันไป ไม่ว่าอุบัติเหตุทางการเมืองจะเกิดขึ้นวันไหนก็ตาม” ซึ่งเป็นคำพูดของแกนนำพรรคเพื่อธรรม ที่กล่าวไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว หรือกรณีระดับบิ๊กพรรคเพื่อไทยที่เคยออกมาตอบคำถามเรื่องพรรคพี่-พรรคน้องว่า “เพื่อไทยก็เป็นพรรคเพื่อไทย ในทางกฎหมายเป็นคนละพรรค แต่อาจมีคนของเพื่อไทยแยกออกไปบ้าง” ซึ่งคำพูดเหล่านี้ดูจะตอกย้ำในเรื่องความเชื่อมโยงบางประการระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคไทยรักษาชาติได้หรือไม่? ในวันสิ้นสุดการรับสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นดังที่หลายๆ คนคาดคิดจริงๆ ทั้งสองพรรคไม่ได้ส่งผู้สมัครลงในทุกเขตเลือกตั้ง รวมถึงไม่ได้ส่งผู้สมัครเต็มจำนวนบัญชีรายชื่อ โดยเมื่อมองลงลึกไปในรายละเอียดแล้ว พบว่ามีเพียงไม่กี่เขตที่ทั้งสองพรรคมีผู้สมัครทับซ้อนกัน โดยเฉพาะในพื้นที่กทม. ที่พรรคเพื่อไทยลงสมัคร 22 เขต ขณะที่พรรคไทยรักษาชาติ ส่งผู้สมัครลงเพียง 8 เขต ซึ่งไม่มีเขตไหนเลยที่มีผู้สมัครจากทั้งสองพรรคลงพร้อมกัน แถมผู้สมัครทษช. เองก็ล้วนเป็นอดีตผู้สมัครจากเพื่อไทยที่ย้ายพรรคมาอีก จากหลายคนเริ่มคิดว่าเป็นการสับทางไม่ลงซ้อนกันหรือไม่? ยังไม่รวมถึงแนวทางการจัดทำป้ายหาเสียง อย่างการใช้โลโก้ สี การจัดวางตัวหนังสือที่เรียกได้ว่าคล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออก จึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าทั้งสองพรรคไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ยังไม่นับเรื่องจำนวนญาติของทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนมากที่ย้ายมาอยู่ทษช. โดยหลายคนถึงกับนั่งบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ของทษช. ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม บรรดาจำนวนเขตที่ไม่ลงซ้อนกันของเพื่อไทย และ ทษช. ตอนนี้คงต้องคิดแล้วว่าจะแก้ปัญหาใดกับช่องว่างดังกล่าว เพราะคาดเดายากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
อนึ่ง คำพูดเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่าอาจจะมีการยุบพรรคเพื่อไทย และมีแนวทางทางกฎหมายใหม่ที่มีแนวทางจัดการกับสส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีกระแสข่าวอดีตสส.พรรคเพื่อไทย ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ จึงมีการมองว่า ถ้อยคำเหล่านี้ดูจะมีความจงใจที่จะสื่อสารกับสมาชิกพรรคในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น ผนวกกับการวีดีโอคอลล์จากนายทักษิณที่พูดถึงสส. ที่กำลังเตรียมจะย้ายพรรค ว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะให้เด็กรุ่นใหม่มาลง ซึ่งก็น่าคิดว่าคำพูดเหล่านี้ย้อนแย้งหรือไม่กลับการที่นายทักษิณเคยบอกว่าตนเองไม่มีตำแหน่งในพรรคโดยตรง หรือบอกว่าไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นได้?
ทั้งหมดนี้หากสื่อเท้าความและมีการเชื่อมโยงได้จริง ว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังพรรคระบอบทักษิณทุกพรรค สถานการณ์ย่อมเลวร้ายกว่าสถานการณ์ของคสช.ขณะนี้มาก จึงไม่แปลกที่ราคาหุ้นพรรคระบอบทักษิณจะตกกราวรูดมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่นายทุนหรือข้าราชการระดับสูง ที่เตรียมหันมาช่วยระบอบทักษิณ ต้องชะงักไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่หนักหนาเท่าประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่า ทำให้บ้านเมืองแตกแยก จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก จนถึงขนบประเพณีการปฏิบัติของคนไทย กรณีนี้แม้ไม่มากพอที่จะดึงฐานเสียงจากกลุ่มคนเสื้อแดงมาได้ทั้งหมด แต่ก็ส่งผลไม่น้อย และส่งผลอย่างมากต่อกลุ่มคนที่ยังมีความลังเล ที่แม้จะไม่ได้ชอบพล.อ.ประยุทธ์เป็นทุนเดิม แต่ความหวาดกลัวต่อความมั่นคง ทำให้หลายคนโหยหาผู้นำที่มีความเข้มแข็ง คนที่ได้รับผลกระทบคงอาจเป็นประชาธิปัตย์ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกระแสความหวาดกลัวต่อการเผด็จการเต็มรูปแบบ จากกรณีสว. และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นประชาธิปไตยในการเลือกนายกฯ โดยจัดเวทีดีเบตทุกพรรคล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่มีการพูดถึงตัวเลข 126 เสียง ของกลุ่มที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐและพรรคใดอีกก็ได้ รวมกันให้เกิน 126 เสียงเท่านั้น ก็สามารถบวกกับสว.ในสภาอีก 250 เสียง ก็เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่? แต่จริงๆ ก็เป็นเอกสิทธิ์ของสว. ที่จะเลือกใครเป็นนายกฯ ซึ่งในวันดีเบตคุณหญิงสุดารัตน์และนายธนาธรได้ชูประเด็นหลักเรื่องการต่อต้านรัฐบาลปัจจุบัน อย่างการไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ และการสืบทอดอำนาจ ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตัดสินใจโดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงทำให้พรรคการเมืองดูมี 3 ฝ่าย อย่างชัดเจน
“...ศัตรูที่แท้จริงเฉกเช่นกับสหายที่แท้จริง มีแต่ขั้นสุดท้ายที่ดูออก...”
โกวเล้ง จากเรื่อง กระบี่ ผีเสื้อ ดาวตก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี