การใช้นโยบายประชานิยมยังเป็นเรื่องที่ซื้อได้ขายคล่องและยังใช้หลอกลวงชาวบ้านได้อย่างง่ายๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่นักการเมืองต่างขวนขวายเสกสรรปั้นแต่ง สรรหานโยบายประชานิยมมาแข่งขันกันโดยทั่วไป
ทั้งที่บทเรียนการใช้นโยบายประชานิยมนั้นก็เป็นที่ประจักษ์กันทั่วโลกแล้วว่าในที่สุดก็ต้องหาเงินมาใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องขึ้นภาษีตลอดจนค่าธรรมเนียมต่างๆ เรียกเก็บจากคนชั้นกลางและผู้มีรายได้มาก จนในที่สุดคนเหล่านั้นก็ทนไม่ไหว และในที่สุดก็ไม่สามารถหาเงินมาใช้จ่ายได้
ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่เสพติดนโยบายประชานิยมก็ยิ่งมีความต้องการมากขึ้น และเรียกร้องมากขึ้น เพราะได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ อุปมาเหมือนกองไฟที่ไม่เคยอิ่มด้วยฟืน ยิ่งกองไฟใหญ่ขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งต้องการฟืนมากขึ้นเท่านั้น ฟืนสุมเข้าไปมากเท่าใด กองไฟก็จะใหญ่มากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดฟืนก็จะหมด ไฟก็จะดับ
บรรดาประเทศที่ใช้นโยบายประชานิยมที่ล่มจมล้มละลายก็มีให้เห็นกันโดยทั่วไป เอากันตั้งแต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพี่เบิ้มใหญ่ของโลกทุนนิยม ที่หลังสงครามโลกครั้งที่สองมีความมั่งคั่งมาก มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ในรัฐบาลนิกสันได้มีการนำนโยบายประชานิยมมาใช้ จากนั้นพรรคการเมืองในอเมริกาก็แข่งขันกันในการใช้นโยบายประชานิยม และในที่สุดประเทศสหรัฐอเมริกาที่มั่งคั่งร่ำรวยก็กลายเป็นประเทศที่เกือบล้มละลาย หาเงินมาจับจ่ายใช้สอยไม่ได้ เอะอะก็ต้องปิดหน่วยราชการหรือที่เรียกว่า Government Shutdown
ในขณะที่ระดับประเทศตกอยู่ในภาวะเสี่ยงล้มละลาย ระดับประชาชนก็ง่อยเปลี้ยเสียขาตามๆ กัน เพราะเมื่อเสพติดนโยบายประชานิยมแล้ว ก็ไม่คิดจะทำมาหากินอย่างอื่น เอะอะก็ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเลี้ยงดู ในขณะที่ก่อหนี้ก่อสินกันอย่างไม่บันยะบันยัง และในที่สุดภาคประชาชนก็ล้มละลายตามไปด้วย
อเมริกาที่เคยศิวิไลซ์จึงกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยคนยากไร้อนาถา คนว่างงาน และคนไร้ที่อยู่ที่นอนกันกลาดเกลื่อนตามข้างถนน
มาทางด้านยุโรป ก็ได้จำเริญรอยตามการใช้นโยบายประชานิยมในอเมริกากันอย่างกว้างขวางและในที่สุดก็ได้รับผลอย่างเดียวกัน ชาวยุโรปส่วนใหญ่พากันเสพสุข ไม่คิดอ่านจะทำงานทำการ ดังนั้น ยุโรปที่เคยรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลกมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจึงเสื่อมสลายลง
หลายประเทศล้มละลาย ในขณะที่ประชาชนก็ล้มละลายตามไปด้วย
ในประเทศไทยมีการใช้นโยบายประชานิยมอย่างเด่นชัดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และก็ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี เลือกตั้งทีใดก็ชนะทีนั้น เป็นเหตุให้พรรคการเมืองอื่นเลียนแบบเอาอย่างและนำเรื่องประชานิยมมาแข่งขันกัน จนกระทั่งแข่งกันชนิดบ้าๆ บอๆ ก็มีให้เห็นกลาดเกลื่อนไปในสนามเลือกตั้ง
การใช้นโยบายประชานิยมเฉียดฉิวกับการใช้เงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียงล่วงหน้า ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้นแม้สื่อมวลชนและประชาชน โดยเฉพาะคนชั้นกลางโจมตีกล่าวหาความเลวร้ายของนโยบายประชานิยม แต่พรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งหวังคะแนนเสียงจากชาวบ้านและต้องการทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้เข้ามามีอำนาจ ก็ยังคงเดินหน้าสรรหาวิธีการที่จะซื้อเสียงล่วงหน้าโดยนโยบายประชานิยมกันอย่างพลิกแพลงพิสดาร
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นั่นคือได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์อย่างชัดเจนว่า การหาเสียงของพรรคการเมืองทั้งหลายถ้าเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงิน จะต้องจัดทำรายการเสนอต่อ กกต. ก่อน ว่าจะต้องใช้เงินทั้งหมดเท่าใดในการดำเนินนโยบายนั้น
ทั้งจะต้องระบุที่มาของแหล่งเงินด้วยว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาใช้จ่ายตามนโยบายที่หาเสียงนั้น
และเพื่อป้องกันอีกชั้นหนึ่ง จึงกำหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดทำรายการเปรียบเทียบว่าการใช้จ่ายเงินขนาดนั้นมีผลคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่
ถ้าหากพรรคการเมืองใดทำการหาเสียงและมีกรณีที่ต้องใช้เงินในการดำเนินนโยบายอันมีลักษณะเป็นประชานิยมแล้วก็ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย มิฉะนั้นก็มีโทษทั้งระดับพรรคและคณะกรรมการของพรรคด้วย
น่าเสียดายว่ากฎหมายนี้ดูเหมือนกำหนดขึ้นแบบเกรงอกเกรงใจกันมากเกินไป ดังนั้นจึงมีเพียงโทษเบา แต่แม้ปานนั้นก็จะทำให้พรรคการเมืองนั้นๆ อาจประสบปัญหาใหญ่ดังเช่นการไม่แจ้งรายการดังกล่าว หรืออาจจะเป็นเรื่องแจ้งเท็จ หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องอันเกิดปัญหาตามมาอีก
อีกเดือนเศษก็จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ขณะนี้ก็มีการหาเสียงกันเอิกเกริก และต่างก็สรรหานโยบายประชานิยมมาหาเสียงกันอย่างครึกโครม แต่ปรากฏว่าเกือบทั้งหมดไม่ได้ส่งรายการตามที่กฎหมายบัญญัติต่อ กกต. และไม่ได้แจ้งให้ประชาชนทราบด้วย
ดังนั้น กกต. จึงมีหน้าที่ตักเตือนให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการสะกิดพรรคการเมืองทั้งหลายและประชาชนให้ได้สำเหนียกว่า ที่นำเสนอนโยบายประชานิยมไปนั้นได้ผลคุ้มค่าแค่ไหนเพียงใด และจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้ เพราะแน่นอนว่ายิ่งใช้เงินเท่าใดก็ยิ่งต้องรีดนาทาเร้นเอากับผู้เสียภาษีมากขึ้นเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี