เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีเรื่องฮือฮาเกี่ยวกับงบประมาณทางด้านการทหาร อันสืบเนื่องมาจากพรรคการเมืองหลายพรรคได้นำเสนอนโยบายที่จะลดงบประมาณทางทหารลง และเป็นเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนักการเมืองกับผู้นำรัฐบาล และฝ่ายทหาร
จากนั้นก็ขยายตัวบานปลายกันต่อไป โดยพวกหนึ่งก็มีเครือข่ายของนักการเมืองพากันออกมาแสดงท่าทีต่างๆ ในทางสนับสนุนนโยบายที่ได้นำเสนอไว้ ในขณะเดียวกันพี่น้องทหารก็พากันเดือดเนื้อร้อนใจแล้วพากันออกมาแสดงท่าทีต่างๆ
กลายเป็นความขัดแย้งคู่ใหม่โดยไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เพราะทหารก็คือประชาชน และประชาชนทุกคนก็เป็นทหาร ประเทศจะขาดทหารไม่ได้ ในขณะเดียวกันทหารก็จะขาดการสนับสนุนจากประชาชนไม่ได้ ซึ่งโบราณก็ได้เตือนใจกันไว้ว่า “ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว” ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยกันและเพื่อกันและกัน
เหมือนลิ้นกับฟันที่จะต้องอยู่ด้วยกัน เกื้อกูล สนับสนุนกันและกันจึงจะทำหน้าที่ได้สำเร็จสมบูรณ์ตามภารกิจ ถ้าเมื่อใดฟันทะเลาะกับลิ้น ลิ้นทะเลาะกับฟัน หรืออวดดื้อถือดีด้วยกันว่าสามารถยืนยงคงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายอื่นแล้ว เมื่อนั้นทั้งลิ้นและฟันก็คงใช้การอะไรไม่ได้ และคงต้องกลายเป็นศพในไม่ช้า
ก่อนอื่นทุกฝ่ายจะต้องตระหนักให้จงดีว่า กองทัพและทหารนั้นเป็นสถาบันสำคัญสูงส่งและดำรงอยู่เพื่อความดำรงอยู่ของเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน
สำหรับประเทศไทยนั้น รัฐธรรมนูญแต่ไหนแต่ไรมาบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย และการแต่งตั้งตลอดจนการได้มาซึ่งยศทหารทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นและได้มาจากพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทั้งสิ้น
ดังนั้น โดยโบราณราชประเพณี โดยนิติประเพณี โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และโดยรากฐานทางประวัติศาสตร์ของชาติ กองทัพไทยจึงมีฐานะเป็นกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารทั้งหลายก็เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ยืนอยู่ภายใต้ร่มธงมหาราช และอยู่ภายใต้ร่มพระบารมี และการนำพาของพระมหากษัตริย์
เหตุนี้ถ้อยคำ “กองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” หรือ “ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” หรือ “ทหารของพระราชา” จึงเป็นคำพูดที่ฝังซึ้งตรึงอยู่ในสำนึกของประชาชนและทหารทั้งหลายตลอดมา
เมื่อใดก็ตามที่กองทัพและทหารดำรงมั่นอยู่ในฐานะดังกล่าวก็ย่อมมีความสวัสดี มีความสวัสดิมงคลทุกประการ จะไม่มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพานได้
เมื่อใดแลที่ทหารลดตัวลงถอยออกจากความเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือกลับกลายไปเป็นทหารในการอุปถัมภ์ของนักการเมือง ความเสื่อมและอัปมงคลย่อมมาเยือน บัณฑิตย่อมติเตียน และย่อมเป็นขี้ปากชาวบ้าน อดีตเป็นมาอย่างไรปัจจุบันก็ยังคงเป็นไปอย่างนั้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่กองทัพและทหารจะต้องตระหนักในเกียรติยศของตนในภารกิจอันสำคัญ ตลอดจนฐานะอันสำคัญยิ่งยวดนี้
เพราะเหตุที่กองทัพและทหารมีภารกิจที่สำคัญในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน มีภารกิจสำคัญในการพิทักษ์และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงบัญญัติกำหนดให้รัฐต้องจัดให้มีกำลังทหาร ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ อย่างเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพและทหาร
ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการประกอบธุรกิจการค้า ที่บางครั้งอาจจะเสี่ยงขาดทุนกำไรก็ได้ เพราะถ้าหากมีผลขาดทุน กิจการก็ยังมิได้ล่มจมในคราวเดียว ยังสามารถทำธุรกิจสร้างกำไรมาชดเชยให้ฟื้นคืนดีได้ แต่เอกราชอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชนนั้นเสี่ยงไม่ได้ จะต้องได้รับหลักประกันอันมั่นคงในการดำรงอยู่ทั้งของประเทศชาติและประชาชน
แต่ทว่าประเทศไทยของเรานั้นนักการเมืองคิดเอาแต่การหาเสียงและฉกฉวยเอาประโยชน์ทางการเมือง โดยขาดการคำนึงและสำเหนียกอย่างเพียงพอต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน
ดังนั้นยามใดที่จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณตามนโยบายของพรรคการเมือง จึงเกิดกรณีที่เบียดเบียนงบประมาณทางการทหารเพื่อนำเงินไปใช้อย่างอื่น หรือเพื่อการหาเสียงสร้างความนิยม ซึ่งหลายยุคหลายสมัยกองทัพและทหารก็ต้องอดทน โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์มีความสงบศานติเป็นหลัก กองทัพและทหารก็จะยอมเสียสละให้รัฐบาลนำงบประมาณที่ควรเป็นสัดส่วนของงบประมาณการทหารไปใช้ในการพัฒนาประเทศไปก่อน
ทำกันอย่างนี้ต่อเนื่องมาหลายสิบปี โดยขาดความสำนึกอย่างเพียงพอถึงความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นในหลายครั้งที่เกิดวิกฤติขึ้น จึงเป็นภารกิจอันสำคัญของกองทัพและทหารที่จะดำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยและความปลอดภัยของชาติและประชาชนให้ได้ และหลายครั้งก็ต้องใช้กลยุทธ์ทั้งทางการเมือง การทหาร เพื่อความปลอดภัยและดำรงอยู่ของชาติและประชาชน
เพราะเหตุที่งบประมาณของกองทัพและทหารถูกนำไปใช้อย่างอื่นต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงถึงกาลเวลาที่ต้องจัดงบประมาณนั้นให้เป็นที่เป็นทาง เหตุนี้สามรัฐบาลที่ผ่านมาจึงได้ปรับให้งบประมาณการทหารได้สัดส่วนกับการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการมากขึ้น ทำให้กองทัพและทหารพอที่จะปรับปรุงพัฒนาสมรรถนะของกองทัพได้
แต่พอมาถึงเทศกาลเลือกตั้ง นักการเมืองและพรรคการเมืองก็ใช้เรื่องนี้มาหาเสียงกันอีกแล้ว ดังนั้นถ้าเข้าใจธรรมชาติของนักการเมืองและพรรคการเมืองว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง และในที่สุดก็จะเข้าใจและทำความเข้าใจกันได้ ปัญหาก็จะไม่บานปลายอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี