l ทำไม ต้อง “พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)”
l ข้อสรุปที่ตกผลึกของผู้นำภาคประชาชน-วิชาการ-ธุรกิจและ-การเมืองที่รักชาติรักประชาธิปไตยที่เป็นห่วงประชาชนและประเทศไทย ซึ่งยังติดกับดักวงจรอุบาทว์ทางการเมืองเก่า มาตลอดเวลา 86 ปี อันก่อให้เกิดความทุกข์ยาก ความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
สาเหตุหลักปัจจัยสำคัญ คือ
1) อำนาจรัฐ อำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตกอยู่กับผู้มีอำนาจส่วนน้อยที่เป็นตัวแทนของกลุ่มทุนใหญ่ พรรคการเมือง ข้าราชการ สื่อ และผู้มีอิทธิพลทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ฯลฯ ที่อาศัยระบบโครงสร้างของสังคมที่ไม่เป็นธรรม และการที่ประชาชนขาดคุณภาพในการคิดเป็นทำเป็นพวกเขาฉกชิงผลประโยชน์จากงบประมาณของประเทศและทรัพยากรของแผ่นดิน ไปเป็นของตนและพวกพ้อง โดยขาดการมีส่วนร่วมและการได้ผลประโยชน์อย่างเสมอภาคเท่าเทียมของประชาชนส่วนใหญ่
2) คนส่วนน้อยดังกล่าวนี้ เข้าสู่อำนาจรัฐ โดยอาศัยกติกาและระบบการเลือกตั้ง (ที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม) ที่กำหนดให้ตัวแทนของประชาชน (สส.) มาจากพรรคการเมืองเท่านั้นและพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ล้วนแต่เป็นพรรคของชนชั้นนำ กลุ่มทุน นักการเมือง และอดีตข้าราชการ ฯลฯ ซึ่งมีความได้เปรียบและมีความเหลื่อมล้ำอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองที่มีอุดมคติฯ
3) การเมืองไทย ยังขาดผู้นำระดับรัฐบุรุษ พรรคการเมืองของประชาชน ฯลฯ ที่เป็นตัวแทนของประชาชน
โดยสรุป ทางรอดของประเทศ ทางออกจากถ้ำวงจรอุบาทว์ จักต้องมีการสร้างพรรคการเมืองของประชาชน
l การก่อกำเนิด พรรคของประชาชน และผู้สมัครของพรรครวมพลังประชาชาติไทย
l 1.กว่าจะมาเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคการเมืองของประชาชนตัวจริง
1) กลุ่มริเริ่ม : ผู้นำการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ภาคธุรกิจและภาคการเมืองที่รักชาติรักประชาธิปไตยได้ประชุมหารือแลกเปลี่ยน รับฟัง แนวคิดและแนวทาง หาทางออกจากถ้ำประเทศไทยและได้ข้อสรุปว่า ถึงเวลาที่ต้องมี “พรรคการเมืองของประชาชน” เข้ามาแบกรับภารกิจสร้างชาติ
2) คนกลุ่มนี้ ได้นำประสบการณ์ของตน และการแสวงหาจากผู้รู้จริงรวมทั้งบทเรียนจากทางสากลนำมาร่าง
“แนวทางการสร้างพรรคของประชาชน ที่สมาชิกและประชาชนเป็นเจ้าของพรรค” ตั้งแต่ : ธรรมนูญ (ข้อบังคับพรรค), อุดมการณ์, ที่มาและโครงสร้าง, ที่ประชุมสมัชชาพรรค, คกก.บริหาร, คกก.วินัยและจริยธรรมพรรค, คกก.สรรหาผู้เลือกตั้ง, คกก.บริหารพรรคประจำจังหวัด, คกก. บริหารสาขาพรรค, โรงเรียนการเมือง, สโมสรผู้นำเยาวชนพรรค ฯลฯ
3) เข้าหา คนดี คนเก่ง คนกล้า ผู้ที่เสียสละผู้ที่รักชาติบ้านเมือง ที่ปรารถนาจะร่วมแก้วิกฤติของชาติเชิญมาร่วม “สร้างพรรคของประชาชน”
4) ประเภทของสมาชิก
(1) สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรค มี 600 กว่าคน ชำระค่าบำรุงพรรคคนละ 50,000 บาท = 30 ล้านบาท
(2) สมาชิกตลอดชีพ จ่าย 3,000 บาท และสมาชิกรายปี 360 บาท
5) คณะผู้ริเริ่ม ผู้ก่อตั้งพรรค คณะกรรมการบริหาร ผู้ปฏิบัติงาน สมาชิกฯ ทำงานกันอย่างหนัก เอาจริงทุ่มเทความคิด ชีวิต แรงกายแรงใจ ทุน ประสบการณ์ เพื่อหวังให้เกิด “พรรคของประชาชน” ที่มีพลัง
6) นโยบายของพรรค : ได้มาจากไปพบ ไปฟัง “ความรู้และความต้องการจากชาวบ้านทั่วไทย” การเชิญ ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ ผู้มีประสบการณ์ มาแลกเปลี่ยนกับสมาชิกและคณะทำงาน การสรุปบทเรียนจากประสบการณ์ และแนวทางการแก้วิกฤติของประชาชนและประเทศ
7) รูปธรรมของการเป็นเจ้าของพรรคของสมาชิก การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรค : พิจารณาและรับรองอุดมการณ์ โครงสร้าง ธรรมนูญ นโยบายคณะกรรมการบริหารฯ คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณ ผู้สมัครที่มาจากการเลือกของสมาชิก ฯลฯ
8) การเน้นความเสมอภาค
การจัดลำดับ บัญชีรายชื่อ ชายหญิง (เรียงกัน) + มีความหลากหลายของสมาชิก และชาติพันธ์ุ ฯลฯ
9) การเดินคารวะแผ่นดิน
ที่หัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหาร ลุงกำนันสุเทพ และผู้ปฏิบัติงาน ลงไปทั่วไทยหลักการในการแสดงความคิดเห็น
ต่อสาธารณและประชาชนนำเสนอนโยบายพรรค อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยความเคารพให้ประชาชนตัดสินใจ
l 2.กว่าจะได้มาเป็นผู้สมัครของพรรครวมพลังประชาชาติ
1) คุณสมบัติ : เป็นคนดี ซื่อสัตย์ เสียสละ คิดดีทำดี เพื่อส่วนรวม และบ้านเมืองมีอุดมการณ์ เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์, ยึดมั่น ธรรมาธิปไตยเชื่อมั่นในพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อประชาชน, มุ่งมั่นปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้สำเร็จน้อมนำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์พระราชา เป็นหลักในการพัฒนาประเทศรักชาติ ภาคภูมิใจ ในความเป็นไทย, ประเทศไทยต้องมี
สิ่งแวดล้อมที่ดี สมดุล สมบูรณ์ ยั่งยืน
2) เป็นสมาชิกพรรค : สมาชิกผู้ก่อตั้ง และหรือ สมาชิกพรรค
3) เข้าร่วมอบรมหลักสูตร โรงเรียนการเมืองของพรรค
เข้าใจรับรู้ ปฏิบัติตาม : อุดมการณ์ แนวทางนโยบายของพรรค, มติของกรรมการบริหารพรรค
ร่วมสัมมนารับฟัง แนวคิด นโยบายพรรค วิธีการหาเสียง จากทีมวิชาการและผู้บริหารของพรรค
4) ผ่านการคัดเลือกจากระบบไพรมารีโหวตของพรรคในจังหวัด หรือเขตผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของพรรค
5) เดินคารวะแผ่นดิน รับฟังความเห็นของประชาชน และเคารพ จริงใจ ต่อชาวบ้าน
6) นำเสนอ แนวทางการแก้วิกฤติ การปฏิรูป อย่างมีขั้นตอน จังหวะก้าว ค่อยเป็นค่อยไป
7) เข้าหาชาวบ้านชาวเมือง รณรงค์ให้มาร่วมกัน
สร้างพรรค สร้างชาติ มาเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน
8) ปฏิบัติตาม อุดมการณ์ แนวทางนโยบายของพรรค
9) เคารพและปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญ มติกกต.
10) ผู้สมัครของพรรค ต้องทำงานหนัก เอาจริง เข้าหาประชาชน เอาผลประโยชน์ของชาวบ้านมาก่อน
l ข้อสรุป “ปู่จิ๊บ” ขอแสดงความคารวะ ชื่นชม และมีความหวังต่อ “พรรคและผู้สมัครของพรรคนี้” ขอให้กำลังใจ เอาใจกายช่วยเต็มที่ เท่าที่จักสามารถทำได้ แม้ว่า “มิได้เป็นสมาชิกของพรรคใดๆ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี