กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในเวลานี้ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าที่นายกรัฐมนตรีตามบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ ควรมา “ประชันวิสัยทัศน์” หรือ “ดีเบต” กับว่าที่นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมืองอื่นๆ หรือไม่ เรื่องนี้มีมุมที่ต้องสนใจและขบคิดอยู่ไม่น้อยนะครับ
1) ทำความเข้าใจกันก่อน ว่า “ดีเบต” คืออะไร
ดีเบตคือ การ “ประชันวิสัยทัศน์” เพื่อให้ประชาชนได้เห็น ได้เปรียบเทียบว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีแต่ละคนมีปัญญาที่ลุ่มลึกเพียงใด ในการมองเห็นปัญหาของประเทศชาติ และมีวิธีที่จะแก้ไขปัญหานั้น มานำเสนอแข่งกัน ตลอดจนได้เห็นบุคลิกภาพ การควบคุมอารมณ์ เชาวน์ไวไหวพริบ ว่าเหมาะสมกับการเป็น “ผู้นำของประเทศ” มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือก
2) ทุกคนต้อง “ดีเบต” หรือไม่
ถ้าถึงกับ “ต้อง” เลยนั้น คงไม่ถึงกับต้อง แต่ดีเบตดีกว่าไม่ดีเบตนะครับ เพราะการมาร่วมดีเบตเป็นการ “ประกาศความพร้อม” ในการเป็นผู้นำประเทศ เนื่องจากเมื่อเป็นผู้นำจริงๆ แล้ว จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอีกมากมาย ประชาชนคนเลือกก็อยากเห็นการดีเบต เพื่อจะได้แน่ใจว่า คนคนนั้นเหมาะควรจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้นำมากน้อยแค่ไหน
3) พล.อ.ประยุทธ์ ต้องดีเบตไหม
ก็อย่างที่ตอบในข้อที่แล้วนะครับ ว่า “ต้อง” คงไม่ถึงกับต้อง แต่ควรไหม ก็ควรนะครับ ดีเบตไม่มีอะไรต้องกลัวเลย เพราะเป็นการแสดงองค์ประกอบขั้นพื้นฐานในตัวคุณ ว่าคุณพร้อมจะเป็นผู้นำ
คุณมีวิสัยทัศน์ คุณมีคณะบุคคลและพรรคสนับสนุนคุณ แต่ประชาชนเขากำลังหาเหตุผลว่า ทำไมเขาจะต้องเลือกคุณโดยไม่เลือกคนอื่น เพียงแต่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้น อยู่ในสภาพที่ “คุณสมบัติ” อาจ “ขัดกับกฎหมาย” เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพียงตอบรับการเชิญไปเป็นนายกฯ ของพรรคนี้เท่านั้น ในเวลาเดียวกัน ท่านก็สวมหมวกอีกหลายใบเหลือเกิน คือ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นข้าราชการการเมือง กฎหมายให้วางตัวเป็นกลาง แล้วจะไปดีเบตเข้าข้างพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งกำลังแข่งขันกับพรรคอื่นๆ อยู่ได้หรือไม่ นอกจากนี้ก็เป็นหัวหน้า คสช. มีอำนาจล้นมือ ที่สามารถให้คุณให้โทษแก่คนอื่นๆ ได้ พรรคอื่นๆ ได้ เกิดไปพูดจาอะไรที่ส่อนัยว่า จะเอาความเป็นหัวหน้า คสช. ไปเอื้อประโยชน์ ก็คงไม่งาม ในความเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีความอิหลักอิเหลื่ออย่างเหลือเกิน ทางเดียวก็คือ เร่งให้กกต. วินิจฉัย ว่าดีเบตได้ไหม ร่วมปราศรัยได้ไหม ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้
4) สำคัญอย่างไรที่พรรคอื่นๆ ต้องชวน พล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมดีเบต
ก็ไม่รู้ว่าแต่ละพรรคเขาคิดอย่างไรนะครับ เขาอาจจะเห็นความสำคัญของการ “ประชันวิสัยทัศน์” ของว่าที่ผู้นำประเทศจริงๆ หรือเห็นว่า จุดอ่อนของพล.อ.ประยุทธ์ คือการสื่อสารสองทางได้ไม่นาน ก็จะฉุนฉียว ตะบึงตะบอน ละกระมัง ก็กะว่าล่อไปเชือดเสียท่าจะดี ก็อยู่ที่จุดยืนของแต่ละคนแต่ละพรรค เราคงไม่ทราบความต้องการลึกๆ ของเขา แต่ถ้าเอาประโยชน์ของ “ผู้เลือก” คือ ประชาชน เป็นตัวตั้ง การดีเบตที่ดีก็จะมีประโยชน์ต่อผู้เลือกอย่างแน่นอน
5) ประโยชน์ต่อผู้เลือกคืออะไร
ก็เราทุกคนล้วนเป็นผู้เลือกใช่ไหมครับ เราควรได้ทดสอบสินค้านั้นก่อน ว่าภายนอกที่ดูดี ดูน่าซื้อหา คุณภาพจริงๆ เป็นอย่างไร เราไปซื้อเสื้อผ้า ในร้านดีๆ เขายังให้เราลอง เราสวม แล้วส่องกระจกดูเลย ว่าเหมาะกับรูปร่างผิวพรรณความสูงความเตี้ย ความอ้วนความผอม ของตัวเราไหม ซื้อลิปสติกก็มีตัวทดลอง เพื่อดูสีดูเนื้อ ว่าเนียน ว่าสวยหรือไม่ มันก็ทำให้เราตัดสินใจซื้อ “ในสิ่งที่ถูกต้อง”ได้ดีขึ้น นี่นายกรัฐมนตรีนะครับ มันยิ่งกว่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ว่ามาหลายเท่า ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสภาพ “รัฏฐาธิปัตย์” มา 5 ปีไม่มีการเรียกไปตอบกระทู้สดในสภา ไม่มีการอภิปราย แทบไม่มีใครไล่จี้หรือตรวจสอบอย่างระบบสภาปกติเลย เราไม่อยากรู้กันหรือครับว่า ท่านสามารถอยู่ใน “สภาประชาธิปไตย” ได้ไหม ที่สำคัญคือท่านเข้าใจนโยบายของพรรคที่ชวนท่านไปเป็นนายกฯ แค่ไหน ซึ่งในอนาคต ถ้าท่านผ่านกระบวนการจนได้รับเลือกเป็นนายกฯ ท่านขอขับเคลื่อนและควบคุมการดำเนินนโยบายพวกนี้ ท่านจึงต้องเป็น “ตัวจริง”ไม่ใช่ “พริตตี้” หรือ “พรีเซ็นเตอร์” เราเคยมีนายกฯ พริตตี้มาแล้วนะครับ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย สุดท้ายการดำเนินโครงการก็มีทั้งล้มเหลวและคดโกง ทุจริต จนตัวเองต้องคำพิพากษาให้ติดคุกแต่หนีไปต่างประเทศเสียก่อน ผมจึงอยากให้ประชาชนคนเลือก เห็นคุณค่าของการฟังนโยบาย ดูภาวะผู้นำ ดูทีมทำงานให้ครบถ้วน ดีเบตเป็นโอกาสหนึ่งที่จะทำให้เราเห็นสิ่งเหล่านี้ ทานภาพจำเดิมๆ หรือศรัทธาเดิมๆ โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สภาวแวดล้อมทางการเมืองหลังการเลือกตั้งจะเปลี่ยนไป
6) เราเชื่อเพราะเราเห็นผลงานท่านมาแล้วได้ไหม
ได้ครับ ถ้าว่ากันด้วยความเชื่อ ใครจะเชื่ออะไรก็ได้ บางคนไหว้จอมปลวก ไหว้เห็ด ไหว้จิ้งจกสองหาง แต่หลายคนเขาก็ไม่ไหว้ไงครับ เขาตั้งคำถามถึงคุณค่า ประสิทธิภาพ ที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น ทีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านไม่ใช่วัตถุบูชา ท่านถูกเสนอชื่อมาในตำแหน่ง “หัวหน้าฝ่ายบริหาร” และเป็นการบริหารด้วยองค์ประกอบที่ต่างไปจากเดิม คุณคิดว่า สส.เขาจะนั่งนิ่งๆ ไม่โต้ไม่แย้ง แบบ สนช. ตอนนี้หรือครับ คุณคิดว่า ในเวลาไม่มี ม.44 สื่อจะเพิกเฉยที่จะไล่จี้ถามหลายๆ คำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างตอนนี้หรือครับ อำนาจที่จะปิดโรงพิมพ์ ปิดรายการ ไม่มีแล้วนะครับ สื่อก็จะตรวจสอบโดยไม่ต้อง “กลัว” อีกต่อไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ รู้ไหมครับว่าไอ้ที่ดูดๆ ไปกองรวมกันในพรรคพลังประชารัฐนั้น จะสนองงานท่านเหมือนรัฐมนตรีในปัจจุบันโดยไม่ต่อรองผลประโยชน์ ท่านมาในฐานะ “ประธานกรรมการบริษัทรับเชิญ” หรือท่านมีอำนาจในพรรคนี้มากกว่านั้นล่ะครับ ในเวลาเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐต้องพึ่งพิงคะแนนนิยมของท่าน แต่ในเวลาที่มีอำนาจแล้ว สส.ก็ดี รัฐมนตรีก็ดีพรรคร่วมก็ดี จะเป็นอย่างไร ท่านจะบริหารจัดการได้ไหม ท่านรู้มากกว่าคนพวกนั้นไหม ท่านจะถูก “เชิด” ไหม ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ผู้เลือกต้องถามครับ อันหนึ่งที่ผมถามคนรู้จักอยู่เสมอก็คือ คุณคิดว่าคุณเลือกพรรคพลังประชารัฐเพราะอยากได้ลุงตู่เป็นนายกฯ แต่เกิดถึงเวลา คะแนนไม่พอ ไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล คุณไม่ได้ลุงตู่ แต่คะแนนของคุณทำให้คุณได้ใคร ได้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากคดีซีทีเอ็กซ์ ที่ ป.ป.ช.ไม่ฟ้อง เพราะ ไหลักฐานไม่เพียงพอ” ได้สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ตระเวนไปอยู่ไม่รู้กี่พรรคมาแล้ว ได้กลุ่มอัศวเหม ได้กลุ่มพลังชลได้แกนนำเสื้อแดงพัทยา อย่างนี้เหรอครับ นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้แน่ๆ จากคะแนนของคุณ แต่ถ้ามันไม่มากพอ คุณไม่ได้ลุงตู่นะครับ สิ่งที่คุณอยากซื้อคุณไม่ได้ แต่คุณได้ “ของแถม” มา ส่วนผลงานในอดีต คุณต้องดูนะครับ เช่น ความสงบเรียบร้อย มันสงบเพราะ “ฝีมือการบริหารจัดการ” หรือสงบเพราะอำนาจและสถานการณ์ล่ะครับ นอกจาก ความสงบ ความสามารถด้านการบริหารจัดการอื่นๆ เป็นอย่างไร มันก็ต้องค่อยๆ คิดไปครับ ซึ่งการดีเบตจะเป็นตัวช่วยเราได้ หากผู้ดำเนินการดีเบต ตั้งคำถามหรือกำหนดหัวข้อได้ดี
7) ถ้าอย่างนั้น การดีเบตที่ดีควรเป็นอย่างไร
ก็ควรเป็นการ “ประชันวิสัยทัศน์” หรือ “วัดกึ๋น” กันอย่างแท้จริงไงครับ ไม่ใช่ชวนคนไปทะเลาะกันโชว์เพื่อเอาเรตติ้ง แต่คนดูไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสะใจ ติ่งใครติ่งมัน ควรกำหนดหัวข้อที่แต่ละคนจะได้แสดงกึ๋นของตัวเองออกมา โดยเป็นหัวข้อที่จะสะท้อนวิสัยทัศน์ เช่น คุณจะแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยไม่เป็นภาระทางการเงินการคลังอย่างไร คุณจะรับมือกับ “สังคมสูงวัย”
ที่จะคุกคามประชาชนและประเทศชาติในอีกสองสามปีนี้อย่างไร สภาพอากาศที่แปรปรวนไม่เป็นฤดูกาลแล้ว คุณจะบริหารจัดการประเทศและการทำมาหากินของประชาชนที่สวนมากยังอยู่ในภาคการเกษตรอย่างไร คุณจะยกระดับการศึกษาที่ล้าหลัง ทำให้ผลิตภาพที่ออกมาไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานและการแข่งขันในสังคมโลกได้อย่างไร คุณจะจัดการความขัดแย้งของคนในชาติอย่างไร อย่างนี้เป็นต้น ไม่ใช่ตั้งหัวข้อ เอาไม่เอาทหาร ลดมั้ย งบกลาโหม ซึ่งเป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งทางการเมือง มากกว่าวิสัยทัศน์ทางการเมืองดีเบตของเรายังไมได้มาตรฐาน ดูอย่าง กกต. จัดดีเบตสิครับ ให้ทุกพรรคมาจับสลากหัวข้อ เพื่ออะไรครับ? บางพรรคเขาเป็นพรรคเล็กๆ ตั้งมาเพื่อขับเคลื่อนปัญหาเฉพาะด้าน เช่น พรรคกรีน พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคคลองไทย พรรคครูไทย เขาต้องมาดีเบตเรื่องความมั่นคง เรื่องสาธารณสุข หรือเรื่องที่เขาไม่ได้เชี่ยวชาญชำนาญอย่างนี้หรือครับ กกต.ควรให้พรรคการเมืองนั้นๆ เลือกหมวดหมู่เลย ว่าพร้อมจะดีเบตในหมวดใด แล้วค่อยจับสลากตามหมวดหมู่นั้น ส่วนทีวีบางทีเอาคนไปสัมภาษณ์เฉยๆ ก็ดันเรียกว่าดีเบตซะแล้ว คนดูก็เสพติดความขัดแย้ง ถ้าเขาทุ่มเถียงกัน จิกกัดกัน ชอบ เรตติ้งดี พอเขาเริ่มพูดถึงนโยบาย ไม่ดูแล้ว จืดชืด อย่างนี้นโยบายจะมีไว้ทำไมล่ะเราก็แค่หา “นักบู๊” จากแต่ละพรรคมาบู๊ล้างผลาญใส่กันก็พอแล้ว
8) สรุป “ลุงตู่” ควรจะไปดีเบตไหมครับ
ถ้ากฎหมายไม่ห้าม ก็ควรไปครับ ไปให้มันรู้ มันในที่นี้คือนักการเมืองจากพรรคอื่นๆ และประชาชนคนเลือก ไปแสดงความพร้อม ความมีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ-ประชาชน ไม่ใช่สนใจแค่ “การสืบทอดอำนาจ” อย่างที่ถูกกล่าวหาอยู่ แต่ถึงที่สุด ก็เป็นสิทธิและความสมัครใจของท่านนะครับ เพราะในอดีตก็มีคนไม่มาดีเบต แต่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ด้วยกระบวนการอื่นๆ ช่วยให้ได้เป็น การดีเบตจึงไม่ใช่ตัวตัดสินว่าใครจะได้เป็นนายกฯ หรอกครับ มันอยู่ที่จำนวน สส. ที่ประชาชนจะเลือกมา ว่ามากหรือน้อยเพียงใด เสร็จแล้วก็ต้องหาพรรคร่วมรัฐบาลมาสนับสนุนอีก จึงจะโหวตในสภาชนะและได้เป็นนายกฯ ไหนจะต้องได้เสียงโหวตจาก สว. ที่คสช.ติ๊กถูกในท้ายที่สุดมาอีกล่ะ
การดีเบตจึงมีคุณค่าของมันที่ไม่ควรรังเกียจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเครื่องตัดสิน เพราะกระบวนการเลือกและการตัดสินใจของพลเมืองในบ้านเรา ยังไมได้เป็นมาตรฐานถึงขนาดเอาการดีเบตเป็นเครื่องชี้วัดได้
เรายังเลือก “คนที่ชอบ” มากกว่า “คนที่ใช่” กันอยู่ครับ
ศรัทธาจึงมาก่อนการพิจารณาความรู้ความสามารถ นโยบาย และหมู่คณะของเขาอยู่เหมือนเดิม!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี