ในอดีตไทยได้รบกับทั้ง พม่า ลาว เขมร ญวน และมลายู จนกระทั่งเข้าสู่ยุคยุโรปล่าอาณานิคม ที่เราได้ยืนหยัดต่อสู้กับประเทศฝรั่งเศส แล้วก็ต้องมาเผชิญกับแสนยานุภาพของญี่ปุ่น
หลังสงครามโลกเป็นต้นมา ไทยเราก็ต้องเผชิญกับสงครามลัทธิอุดมการณ์ โดยเราได้เลือกเข้ากับฝ่ายโลกเสรี และทำการต่อกร ต่อต้านฝ่ายคอมมิวนิสต์ ทั้งที่สมรภูมิคาบสมุทรเกาหลี คาบสมุทรอินโดจีน แล้วก็ต้องมาเผชิญกับการกรีธาทัพของเวียดนามเข้ามายึดครองกัมพูชา จนประชิดชายแดนไทย ซึ่งในที่สุดทัพของเวียดนามก็ถูกผลักดันกลับไป
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องมีกองทัพที่เข้มแข็ง เพื่อปกป้องประเทศ
เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กลับมาร่วมมือกันโดยเฉพาะในกรอบของสมาคมอาเซียน ซึ่งต่อมาก็ได้แปลงสภาพมาเป็นประชาคมอาเซียน อันประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิก ที่เคยขัดแย้งและต่างเป็นศัตรูกันในอดีต
การนี้สะท้อนว่า ในบริบทภูมิภาคปัจจุบัน โอกาสที่ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน จะหันกลับไปรบราฆ่าฟันกันเองนั้นดูห่างไกลเหลือเกิน
และในบริบทโลก โอกาสที่ประเทศยักษ์ใหญ่หนึ่งใด จะสามารถย่างกรายเข้ามาครอบครองประเทศหนึ่งใด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างในอดีต ก็ค่อนข้างจะไม่มีทางเป็นไปได้
แต่อย่างไรก็ดี ได้มีภัยชนิดใหม่ๆ เข้ามาคุกคามสังคมโลก ไม่ว่าจะเป็น ภยันตรายจากอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการก่อการร้ายสากล และระบบการสื่อสารสมัยใหม่ ถูกคุกคามด้วยการเข้าทำลาย (hacked) หรือถูกเข้าแทรกแซงเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคง สร้างความสับสนปั่นป่วน หรือเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้คล้อยตาม เพื่อให้สยบ
นอกจากนั้น โลกก็ยังคุกรุ่นไปด้วยความขัดแย้งอีกหลากหลายรูปแบบ เช่น สงครามกลางเมือง ชิงดีชิงเด่น สงครามความเชื่อถือ สงครามชน
ชาติพันธุ์ เป็นต้น ซึ่งมิได้จำกัดตัวอยู่ในบริเวณ หรือประเทศหนึ่งใดเป็นการเฉพาะ แต่ขยายข้ามเขต และกระทบกระทั่งต่อเนื่องไปที่อื่นๆ
ซึ่งประชาคมโลก จะมัวอยู่นิ่งเฉยกับปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ต่างจำต้องหาทางร่วมมือกันแก้ไข โดยมีกระบวนการที่สำคัญอันหนึ่ง ก็คือ กองกำลังสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ (ธงฟ้า หมวกฟ้า) ซึ่งรวมถึงภารกิจสนับสนุนกิจการพลเรือนในเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ และในเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
แม้ไทยเราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ภัยคุกคามในอดีตจากทั้งภายนอกและภายใน (พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย) และขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่ประเทศไทยก็ยังสามารถคงความเป็นเอกราช และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไว้ได้ และในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ดังกล่าวนี้ ไทยก็อยู่ได้อย่างสง่างามได้นั้น ก็มีคำถามว่า บทบาทของกองทัพไทยเป็นอย่างไร
บทบาทหนึ่งก็คือ การเข้าร่วมในกองกำลังสันติภาพสหประชาชาติ
อีกบทบาทหนึ่ง ในเรื่องของการสนับสนุนกิจการพลเรือน ในกรอบการกู้ภัยพิบัติและด้านมนุษยธรรม
อีกบทบาทหนึ่งก็คือ การลาดตระเวนชายแดนทั้งบนบก น้ำ และอากาศ กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ไปจนถึงการรักษาความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือพาณิชย์และกองเรือประมงในทะเลกว้าง
ส่วนภายในประเทศนั้นกองทัพก็สามารถสนับสนุนการป้องกันชายแดนโดยฝ่ายตำรวจและมหาดไทย รวมทั้งอาชญากรรมด้านไซเบอร์
ต่อคำถามดังกล่าวฝ่ายกองทัพเองก็อยู่ในวิสัยที่จะให้คำตอบได้ เพราะมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ฝ่ายกองทัพตระหนักเรื่องยุคโลกาภิวัตน์ และความท้าทายต่างๆ ที่จะอำนวยให้ฝ่ายกองทัพสามารถที่จะคิดและดำเนินการจัดโครงสร้าง จัดลำดับ ความสำคัญก่อนหลังของภารกิจ ชนิดของอาวุธและกำลังพลได้เหมาะสมครบถ้วน
ฝ่ายกองทัพไทยมีผู้แทนอยู่ในต่างประเทศ คือผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารก็เป็นเสมือนหูตาของกองทัพที่จะรู้ว่า ต่างประเทศเขาคิดอ่านทำการใด อีกทั้งฝ่ายกองทัพมีการร่วมมือกับพันธมิตรสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลายาวนาน มีการร่วมมือในระดับรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน และมิตรประเทศคู่เจรจา (Dialogue partners) เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และออสเตรเลีย เป็นต้น อีกทั้งกองทัพไทยได้มีบทบาทร่วมกับองค์การสหประชาชาติ ไปจนถึงการส่งเรือรบไปร่วมกับมิตรประเทศในการปราบปรามโจรสลัดแอฟริกา
ในขณะเดียวกัน กองทัพก็ต้องตระหนักว่างบประมาณของประเทศไทยมีจำกัด และประเทศไทยยังต้องพัฒนาประเทศอีกหลายๆ ด้านควบคู่กันไป ฉะนั้น การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกิจการทหารนั้นๆ ก็มีข้อจำกัด และในกรอบของงบประมาณอันจำกัดนี้จำเป็นจะต้องได้ประโยชน์คุ้มค่า จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจใหม่ๆ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งก็คือ การพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้และทักษะที่จะไปได้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกองทัพจะต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นแต่อย่างใด และกองทัพจะต้องฝึกอบรมบุคลากรให้รักชาติ รักสถาบัน และปกป้องคุ้มครอง แต่จะไม่มีหน้าที่ในการปราบปรามประชาชน หรือเข้ามาเล่นการเมืองแต่อย่างใด
ทั้งนี้กองทัพเป็นของประชาชน และกองทัพต้องเปิดใจ เปิดเวทีปรีกษาหารือ เพื่อให้มีการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ
กองทัพจะเป็นกองทัพของประชาชน และอยู่เพื่อประชาชนอยู่กับทิศทางและบทบาทไทยและสภาพแวดล้อมโลก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี