เต็มไปด้วยสาระและข้อเท็จจริงคือหนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกบรรทัดตรงไปตรงมา...
nn เข้าสู่เดือนมีนาคมแล้วอีกแป๊บเดียวพี่น้องประชาชนคนไทยจะได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้...
nn ส่วนผู้ขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้า ก็จะหย่อนบัตรกันในวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม มียอดทั้งในและต่างประเทศเกือบ 3 ล้านคน...
nn เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการวิพากษ์วิจารณ์“มือปราบ” ขอไปเรื่องอื่นที่มิใช่เรื่องการเมือง โดยแวะเวียนไปที่วงการอุตสาหกรรมเหมืองแร่...
nn ซึ่งผู้ประกอบการเหมืองแร่หลายบริษัท ได้ยื่นหนังสือไปทางกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ปลายปี 2561 เพื่อขอให้ทบทวนถึงผลกระทบจากการปรับปรุงการเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่บางชนิดเพื่อการส่งออกจากอัตราร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 7 ของราคาตลาดแร่ ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว และได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการคือกำไรหดลงไปกว่าเดิม...
nn ก็มีข่าวว่าทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.)ได้ตอบข้อร้องเรียนไปแล้ว ว่าที่ต้องปรับปรุงพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่เพื่อการส่งออกให้สูงขึ้นเพื่อต้องการให้มีการนำแร่ดิบมาเพิ่มมูลค่าหรือใช้ในประเทศให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่า...
nn ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งมุ่งเน้นให้มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ...
nn เป็นการเหมาะสมทุกประการ และไม่เป็นภาระด้านต้นทุนต่อผู้ประกอบการมากนัก...
nn สรุปคือว่ากระทรวงอุตสาหกรรมปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการเหมืองแร่ในยกแรก แต่ในการร้องเรียนครั้งต่อไปจะมีหรือไม่ก็มิอาจทราบได้...
nn ครับทำการค้าก็ย่อมมีขึ้นมีลง ค่าภาคหลวงแร่ใหม่บางชนิดนี้ก็เพื่อต้องการให้วัตถุดิบในไทย ได้ใช้ในประเทศไทย เพิ่มมูลค่าในไทย ไม่ต้องการให้ไปเพิ่มมูลค่าที่เมืองนอกแล้วกลับมาขายในประเทศไทย ก็เท่านั้นเอง...
nn บรรทัดนี้เพื่อลูกหลานไทย จะได้ไม่ต้องตายผ่อนส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯควรจะลงไปดูด้วยตัวเอง เหมือนกับเรื่องค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน แต่สิ่งนี้แรงกว่ายมบาลถามหาแน่นอน เพราะมีข่าวตามสื่อต่างๆ ว่ากระทรวงเกษตรฯพยายามหาทาง ยกเลิกการใช้สารเคมีวัตถุอันตรายในการกำจัดวัชพืชในภาคเกษตรภายใน 2 ปีนี้ สารดังกล่าวมี 3 ชนิด คือพาราควอต ไกลโฟรเซต คลอร์ไพริฟอส...
nn และมีคำถามว่าแล้วทำไมไม่ยกเลิกตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้ไปเลยทำไมต้องรอไปอีก 2 ปี ...
nn ก็ไปตรวจสอบพบจากการให้สัมภาษณ์ของ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งมีรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานในการประชุมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เห็นชอบให้คงมติเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ต่อไปที่ให้ใช้แนวทางจำกัดการใช้วัตถุอันตรายพาราควอต...
nn คือสรุปว่ายังไม่ได้แบนสารเคมีวัตถุอันตราย...
nn แต่มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรเร่งออกประกาศควบคุมการนำเข้า การใช้ และการจำหน่าย จัดทำแผนปฏิบัติการขยายการทำการเกษตรที่ดีที่เหมาะสม (GAP) และ/หรือเกษตรอินทรีย์ให้ครอบคลุมทั้งประเทศภายใน 2 ปี และให้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ หานวัตกรรมในการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชให้ได้ภายใน 2 ปี เพื่อให้เกษตรกรปรับตัว ลด ละ เลิกใช้วัตถุอันตราย ซึ่งกรมวิชาการเกษตรต้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้อย่างเข้มงวด...
nn ใหญ่มาก สำหรับคณะกรรมการวัตถุอันตราย แม้กระทรวงเกษตรฯยังไม่กล้าแตะมติดังกล่าว กลัวจะถูกฟ้อง...
nn ก็มีกรมวิชาการเกษตร ได้รายงานปริมาณนำเข้า วัถตุอันตราย 3 ชนิด ช่วงปี’57-61 เช่น สารพาราควอต 21,325 ตัน /30,388 ตัน/31,508 ตัน/44,501 ตัน/21,412 ตัน ตามลำดับ สารไกลโฟรเซต 63,104 ตัน/59,088 ตัน/62,363 ตัน/59,872 ตัน/48,822 ตัน และสารคลอร์ไพริฟอส 2,380 ตัน/1,983 ตัน/2,071 ตัน/3,324 ตัน/1,928 ตัน ทั้งนี้ เอกชนได้เสนอขอโควตานำเข้าปี’62 สารพาราควอต 21,709 ตัน ไกลโฟรเซต 48,501 ตัน คลอร์ไพริฟอส 932 ตัน...
nn ถือว่ามีปริมาณมหาศาล และดูเหมือนลุงตู่จะคล้อยตามกับการแก้ไขปัญหาของกระทรวงเกษตร ซึ่งถือว่าอันตรายนะครับ...
nn นายกฯลุงตู่ รีบจัดการห้ามใช้ ห้ามนำเข้าตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้เลย ปล่อยล่วงเลยไปอีก 2 ปี คนไทยคงอาการหนักกว่าเดิม...
nn ที่สำคัญงานนี้มีพวกปากหอยปากปูปล่อยข่าวกันน้ำลายไหลว่า ที่ยังไม่ยกเลิกการใช้สารพิษทันที เป็นเพราะคนรอบข้างลุงตู่ จะจริงเท็จอย่างไร “มือปราบ” ก็ไม่รู้...
nn สวัสดีครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี