สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนเรื่องการเมืองในสหรัฐ ยกตัวอย่างกรณีประธานาธิบดีทรัมป์เป็นแบบอย่างประเทศไทย แต่ผู้ชนะเลือกตั้งก็ทำตัวเหนือกฎหมาย
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งของคนไทย 24 มีนาคมเท่าไร วาทกรรม การเมืองระหว่างฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
จึงอยากขอผู้อ่านแยกแยะ ดูให้รอบคอบว่า ข้อดีและข้อเสียของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร คนไทยที่ถูกชี้นำ คิดไม่เป็นก็อาจจะหลงประเด็นได้ง่ายๆ
ดังนั้นการเลือกตั้ง 24 มีนาคม ครั้งนี้ จึงมีความสำคัญมาก คนไทยต้องคิดให้ดี มองไปข้างหน้าว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทยจะไปได้หรือจะมีอุปสรรคอะไร
แต่ที่แน่ๆ คือระบบทุกคะแนนไม่เสียเปล่าเป็นระบบใหม่ให้ประเทศไทยเดินหน้าอย่างมีความมั่นคงทางการเมือง
จึงมีการคาดคะเนว่า จะมีพรรคการเมืองระดับเล็กๆ อาจจะได้เข้ามาในสภาจำนวนไม่น้อย กว่า 8-10 พรรค พรรคอาจไม่ได้สส.เขต แต่อาจจะได้สส.บัญชีรายชื่อ เพราะพรรคใดมีฐานเสียงรวมทั้งประเทศเกิน 70,000 เสียง ก็อาจจะมีโอกาสได้สส.ขั้นต่ำ 1 คน
วันก่อน ผมพบคุณสมเกียรติ ศรลัมพ์ อดีตเคยรับราชการอยู่ที่มหาดไทย และยังเคยมาเยี่ยมผมบ่อยๆ เมื่อสมัยผมอยู่ที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปัจจุบันคุณสมเกียรติ ศรลัมพ์ เป็นหัวหน้าพรรคชื่อประชาภิวัฒน์ และส่งคนลงเขตเกือบ 350 เขต ได้พูดกับผมว่า คาดว่า จะได้คะแนนรวมเสียงทั้งประเทศหลายแสนคะแนนแปลว่า สามารถมีสส.ได้ประมาณ 10 คน บอกว่า ซึ่งพรรคการเมืองปัจจุบันต้องมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ลงคะแนนหาเสียง ถ้าไม่มี คงลำบาก
ผมถามว่า คุณเอาคะแนนเสียงมาจากกลุ่มไหน เขาบอกว่า กลุ่มที่สนใจ หลายกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ติดปัญหากฎระเบียบ ยกตัวอย่างคนขับรถบรรทุก กลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มอื่นๆ จึงน่าสนใจว่า พรรคเล็กๆ เหล่านี้ ได้สส.ต่ำกว่า10 คน จะมีกี่พรรค ผมคาดว่า จะมีพรรคการเมืองที่เราไม่เคยได้ยินชื่อ อาจจะมีฐานเสียงทั้งประเทศหลายหมื่นคะแนนหรือเป็นแสนคะแนนด้วย
ดังนั้นการใช้รัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงมีความสำคัญ ทำให้กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆตั้งพรรคและมีเสียงในสภา ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์นี้มาก่อน ที่พรรคใหญ่ต้องถูกแบ่งคะแนนออกไป
ครั้งที่แล้ว ผมเขียนเรื่อง อย่าให้ไทยเป็นรัฐล้มเหลว คนเริ่มคิดว่า เราโชคดีที่คนไทยกล้าต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ถ้าเราประคับประคองไปได้ ผ่านช่วงนี้ไปได้สักพักก็จะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีตัวแปรคือพรรคทหารซึ่งจะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคเล็กๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การขัดแย้งระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงอาจจะลดลงและสะท้อนความจริงแนวทาง 2R’s ของผม
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพรรคคนเสื้อแดงปรับตัวหลุดจากอำนาจคุณทักษิณ อาจจะสร้างการเมืองใหม่ คือ พรรคคนเสื้อเหลือง พรรคคนเสื้อแดงอาจจะจับมือกันก็ได้
ผมติดตามการเมืองในสหรัฐมาเป็นบทเรียน ถ้าได้จังหวะดีๆ ผมก็นำเอาสิ่งเหล่านี้มาเล่าให้ฟัง
เรื่องทรัมป์กับปัญหาภายในประเทศ มีความคล้ายคลึงกับนักการเมืองไทยบางคน เก่งแต่ลิ่วล้อ มีคดีเข้าคุกเป็นแพะ เจ้านายยังลอยนวลอยู่ได้
การไปพบคิม จอง อึน ครั้งที่ 2 ที่ฮานอยครั้งนี้ ผมฟันธงเลยว่า เป็นปาหี่ทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะชีวิตของทรัมป์คล้ายกับผู้นำทางการเมืองไทยบางคน คิดว่า ฉันสำคัญ ถ้ามีปัญหาในประเทศ ก็เบนความสนใจไปต่างประเทศ
ผมแปลกใจว่า ทำไมต้องมีการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 เพราะจากการประชุมครั้งแรกไม่มีอะไรคืบหน้า ครั้งที่ 2 อะไรจะเกิดขึ้น จะวัดความสำเร็จอย่างไร
แต่ทรัมป์คิดไม่เหมือนคนทั่วไป คิดว่า เขาเป็นศูนย์กลางของอำนาจ พบใคร โลกก็สนใจ แต่เนื้อหาจะเป็นอย่างไรช่างมัน ตราบใดที่เป็นข่าวไปทั่วโลก แถมยังกลบปัญหาที่เลวร้ายในประเทศ
ผมตอบได้เลยว่า ทรัมป์มองปัญหาในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวเนื่องกันถ้าเขาเสียเปรียบเพลี่ยงพล้ำในการเมืองในประเทศ เช่น ปัญหาของแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) นำพรรคเดโมแครตในสภาล่าง หรือระหว่างนี้ ลูกน้อง โคเฮน (Cohen) อดีตทนายของทรัมป์ เปิดโปงความเลวของทรัมป์ต่อหน้าสภาผู้แทน เรียก ทรัมป์จอมโกหกหลอกลวงไม่ได้คิดดีต่อประเทศ อยากมีตำแหน่งเพื่อตัวเอง ฟังดูคล้ายๆ นักการเมืองในประเทศไทยเหมือนกัน
ทรัมป์จึงเบี่ยงเบนความสนใจของคนในอเมริกาโดยเฉพาะคนที่เป็นฐานเสียงให้ดูบทบาทของเขาในระดับโลก โดยนัดพบผู้นำเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่ 2
ส่วนคิมก็พอใจเพราะแค่หยุดทดลองจรวด ก็ได้รับยกย่องว่า เป็นความสำเร็จ และที่ตลกที่สุดคือ ทรัมป์คิดว่า ความสำเร็จระหว่างทรัมป์กับคิมอาจจะทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็ได้
จึงเป็นตลกลวงโลกครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง
ก่อนบทความจะตีพิมพ์ ผลการประชุมล้มเหลวอย่างที่ผมคาดไว้
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี