เต็มไปด้วยสาระและข้อเท็จจริง คือ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกบรรทัดตรงไป ตรงมา...nn พฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ที่มี เสาวณี สุวรรณชีพ เป็นประธานเสนอ ด้วยคะแนน 133 เสียง งดออกเสียง 16 เสียงเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป...
nn สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ เป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดนโยบายให้หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ รวมถึงนโยบายการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์...
nn อีกทั้งยังให้อำนาจเลขาธิการ กมช. สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ หรือ สถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง หรือคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ของบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับความยินยอมจากผู้ครอบครองสถานที่นั้นด้วย...
nn ที่ผ่านมา ภาคประชาชนมีข้อกังวลในร่างกฎหมายดังกล่าว เช่น ข้อกังวลเรื่องความสมดุลระหว่างการใช้อำนาจรัฐกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ความคลุมเครือไม่ชัดเจนเกี่ยวกับคำว่า
“ภัยคุกคาม” และ “ความมั่นคงของชาติ”...
nn ซึ่งภายหลังจากที่ สนช. มีมติให้ผ่านร่างกฎหมายในวาระ 3 ทาง กมธ. วิสามัญฯ ก็ได้มีการแถลงข่าว โดยทาง ปธ.กมธ.เสาวณี ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมภัยคุกคามไม่ให้มีผลกระทบต่อประเทศ อีกทั้งมีการกำหนดประเภทของภัยคุกคามไว้ชัดเจน ทั้งนี้ ไม่มีส่วนใดของกฎหมายจะไปใช้อำนาจรัฐในการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเน้นการป้องกันกลุ่มคนที่มีเจตนาไม่ดีเท่านั้น...
nn ด้าน พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ กรรมาธิการฯ ระบุว่า กฎหมายไม่ได้มอบหมายให้ภาครัฐไปดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนประเด็นที่เป็นห่วงว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปยึดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยืนยันว่าจะกระทำโดยพลการไม่ได้ โดยต้องขออำนาจจากศาลก่อน...
nn ฟากผู้ที่เกี่ยวข้องกับร่างกฎหมายนี้ คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดย อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงฯ ระบุว่า “กฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การสอดส่องข้อมูลส่วนบุคคล หรือควบคุมเนื้อหาที่ประชาชนทั่วไปเขียนหรือแชร์ในสื่อออนไลน์ แต่เน้นไปที่ระบบสารสนเทศขององค์กร...
nn โดยเป็นการเฝ้าระวังและดำเนินการต่อภัยคุกคามต่างๆ เพื่อให้ระบบสารสนเทศของหน่วยงานที่สำคัญ เช่น สถาบันการเงิน, ระบบขนส่งมวลชน, ระบบโทรคมนาคม, หน่วยงาน
ด้านสาธารณสุข และหน่วยงานของรัฐ ปลอดภัยจากการถูกโจมตี จากแฮกเกอร์ ไวรัส หรือ มัลแวร์ ซึ่งไทยจำเป็นต้องมีเครื่องมือทางกฎหมายเพื่อดำเนินการกับกรณีเหล่านี้...
nn สำหรับความเห็นจากฝ่ายรัฐบาล โดย บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งจะเตรียมชี้แจงต่อประชาชนว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน...
nn ด้านความเห็นจากฝ่ายตำรวจ เช่น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า หากไม่ได้กระทำผิดกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ยืนยันตำรวจบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีการสองมาตรฐานอย่างแน่นอน แต่หากมีผู้กังวลว่ากฎหมายฉบับนี้ จะกระทบสิทธิส่วนบุคคล หรือ กังวลว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้กฎหมายไปในเชิงลุแก่อำนาจ ก็มีกระบวนการตรวจสอบคานอำนาจระหว่างหน่วยงานกันอยู่แล้ว...
nn ส่วน พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เห็นว่า จากที่ศึกษาเบื้องต้น พบว่า กฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้ให้อำนาจตำรวจโดยตรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศใช้เป็นกฎหมาย จึงต้องไปดูรายละเอียดการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายให้แน่ชัดก่อน พร้อมให้ความมั่นใจประชาชนอย่าเพิ่งกังวล...
nn “มือปราบ” เห็นว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายคุ้มครองการดำเนินงานเกี่ยวข้อมูลไอทีและระบบไซเบอร์ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบโดยรวมเป็นวงกว้าง เช่น ระบบการเงิน การขนส่งสาธารณะ ระบบป้องกันสาธารณภัย เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข้อท้วงติงเป็นจำนวนมาก แต่ทาง สนช.ได้ปรับแก้ไขกฎหมายไม่ให้เป็นที่ตระหนกตกใจของประชาชนแล้ว...
nn อีกทั้ง ข้อกังวลที่กลัวว่าจะมีการล้วงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ทาง สนช. ก็เพิ่งผ่านร่างพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. ไป รวมทั้งหากมีการกระทำผิดระหว่างส่วนบุคคลแล้ว ก็ยังมีพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 บังคับใช้อยู่แล้ว...
nn ดังนั้น “มือปราบ” ต้องขอยกคำพูด บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่เคยพูดถึงร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า กฎหมายลักษณะนี้ทำกันทั่วโลก ไม่ใช่แค่ไทย เพื่อป้องกันและดูแลภัยทางโลกไซเบอร์ แต่ยอมรับว่า มีความใกล้เคียงกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับการทำผิดกฎหมาย ดังนั้น จึงต้องแยกแยะให้ออก ซึ่งต่างประเทศก็ตระหนักในเรื่องนี้...
nn และต้องหาแนวทางให้อยู่กึ่งกลางในการดูแล ไม่ให้มีการโจมตีจนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงความมั่นคง จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า เรื่องนี้มีความจำเป็น และกฎหมายนี้ ถ้าใครไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว ...nn สวัสดีครับ
มือปราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี