การเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม 2562 : ผลจะเป็นอย่างไร
l เจี๊ยบ & โจ๊ก ลูกรัก
มีนักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวรายวัน และผู้สนใจ นำเสนอมาเยอะ จนงงงัน
พ่อ จึงนำประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางอ้อม และตรง มาพูดใน “คอลัมน์นี้”
l ประเด็นที่เกี่ยวข้องทางตรง และอ้อม เกี่ยวกับ การเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม 2562
l 1. ข้อมูลสำคัญ
- ผลการเลือกตั้งในระบบเก่า ปี 2554 พรรคเพื่อไทย : สส.แบ่งเขต 201 คน บัญชีรายชื่อ 61 คน รวม 262 คนพรรคประชาธิปัตย์ : สส.แบ่งเขต 116 คน บัญชีรายชื่อ 44 คน รวม 160 คน ปี 2554 : ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46,939,549 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 35,220,208 คน 75.03%
- การเลือกตั้งระบบใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ 2560 (ฉบับปราบโกง ลดบทบาทพรรคใหญ่)
แต่พรรคใหญ่ๆ แก้เกม โดยการแตกเป็นแบงก์ย่อย (แตกแบงก์ 1000 เป็น 500-100-100 ) “บัตรเลือกตั้งใบเดียว” ข้อดี คือคะแนนจะไม่ตกน้ำ ทุกคนทุกบัตร มีสิทธิมีเสียง 3 ต่อ
กากบาท 1 ครั้ง คะแนนถูกนับ 3 ต่อ
1.ระบบ สส. แบบแบ่งเขต
2.สส. แบบบัญชีรายชื่อ คือ ถูกนำไปคิดรวมเป็นคะแนนของพรรคเพื่อคำนวณหา
3.ได้เลือกนายกรัฐมนตรีด้วย
- จำนวนผู้มีสิทธิ ประมาณ 52 ล้านคน ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คิด 75% = 39 ล้าน (จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 66,188,503 คน รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่า “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” คือผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันเลือกตั้ง ผู้เกิดก่อน 24 มีนาคม 2544 จะมีสิทธิเลือกตั้ง หรือ มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 51,735,326 คน สัดส่วน สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ต่อ คะแนน 75,000 เสียง : บวก - ลบ (ประมาณ)
- การเลือกตั้งทั่วไปคือวันที่ 24 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. 17.00 น. จะนับคะแนน ณ ที่เลือกตั้ง โดยเปิดเผยจนเสร็จสิ้นในรวดเดียว
- ไปใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้า ประมาณ 2.75 ล้านคน, ผู้มาใช้สิทธิประมาณ 55% ในวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2562 เวลา 08.00-17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งกลางที่ได้เลือกไว้ในใบยื่นคำขอ และไม่สามารถไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งได้อีก
- เสียงของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก หลังปี 2554 ประมาณ 7 ล้านเสียง
l 2.เรื่องใหม่ ที่จักมีผลต่อการเลือกตั้งใหญ่นี้
1) การกำเนิดของ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่เสนอ“ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีผลงานจับต้องได้ และมีความพร้อม (ที่ทำงานเป็นรัฐบาลมาร่วม 5 ปี) ที่มีการจัดการ “การต่อสู้ ออกเป็น 2 ปีก” คือ ปีกใหม่ และปีกเก่า ที่คุมพื้นที่มาก่อน
2) การก่อเกิดของ “พรรคของประชาชนที่เป็นจริง”คือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)ที่ออกเดินคารวะแผ่นดิน มีอุดมการณ์เทิดทูนสถาบัน มีนโยบายเด่น มีปาร์ตี้ลิสต์ ชายหญิงสลับกันมีผู้เคยร่วมอุดมการณ์ กปปส.= ปฏิรูปประเทศ ไม่เอาระบอบทุนสามานย์ (หลายล้านทั่วประเทศ)
3) การแตกพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ : ที่มีปัญหาอยู่ภาวะขาลง
4) การเกิดของ “พรรคอนาคตใหม่” ที่มีการสร้างกระแสใหญ่ ปฏิเสธระบบเก่า (ด้วยทุนมหาศาล)
5) การเดิมพันอนาคตของ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” หากได้เสียงไม่ถึง 100 ที่การประกาศตัว เป็นทางเลือกที่ 3 มีผล ทั้งบวก และลบ, ทำให้ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงมีสูง
6) บทเรียนใหญ่ของอดีตพรรคร่วมรัฐบาลระบอบทุนสามานย์ทักษิณ ที่โดดเด่น คือ “พรรคภูมิใจไทย”
7) บทบาทของพรรคขนาดเล็ก หลายสิบพรรคที่มีศักยภาพ จะแบ่งคะแนน สส.บัญชีรายชื่อไป + 50 ที่
l มาทำความเข้าใจให้ครบและถูกต้องต่อเรื่อง “กระแส” ทางการเมือง
ในอดีต : การเกิดกระแสใหญ่ มี 3 ช่วง
1) หลังปี 2516 การเลือกตั้งปี 2517 พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศ พรรคพลังใหม่ พรรคแนวร่วมสังคมนิยม
2) ยุค “จำลองฟีเวอร์” เกิดจากผลกระทบด้านลบสูง ของ “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต ยุคพลเอกชาติชาย” และ “พลตรีจำลอง” มีภาพบวกเด่น ไม่มีภาพลบ ไม่มีคู่แข่ง ที่มีศักยภาพหรือบารมีมากพอ
3) “ระบอบทุนสามานย์ทักษิณ” มีการจัดการครบวงจรอุบาทว์ คือ ซื้อสส. พรรคการเมือง สว., หัวคะแนนการซื้อเสียง ซื้อสื่อเป็นเครือข่าย นักวิชาการ มวลชน แทรกแซง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ยุติธรรมฯ มีการดำเนินการทุกอย่าง ทั้งด้านบวก และด้านลบ โดยเอาการบรรลุเป้าหมายเป็นหลัก
l พรรคอนาคตใหม่ ที่ด้านหนึ่ง มีหลักการดีแต่ไม่ครบ มีข้ออ่อนใหญ่ ที่ไม่เอาวัฒนธรรมและสถาบันหลักฯการนำเสนอนโยบาย มุ่งเป้าไปที่ กองทัพ สถาบันฯ แต่ไม่พูดถึง “การโกงกินใช้อำนาจมิชอบของตระกูลทักกระแสที่มาแรง ส่วนหนึ่งจากความใหม่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยมาจากการทุ่มทุนหนักมากและมีเครือข่ายสื่อแต่ “กระแสที่เกิดขึ้น” ขาดหลายปัจจัย ไม่ครบ (ดูข้างบน), จะได้สส.มาก ต้อง ซื้อเสียงหนัก
l โอกาสของพรรคการเมืองสำคัญ
1.พรรคตระกูลเพื่อฯ พรรคประชาธิปัตย์ จะมี สส.เขต และบัญชีรายชื่อ ลดลงมาก 30-50%
2.พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะมี สส.เขต และบัญชีรายชื่อมากขึ้น
3.พรรคภูมิใจไทย ฯลฯ จะมี สส. มาในอันดับ 4 และ พรรคเล็กที่อิสระ ที่ได้ สส. ต้องการเป็นรัฐบาล
l โอกาสการเป็นนายกรัฐมตรี (376 : 750) และ
มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทน (251 : 500)
พลเอกประยุทธ์ : มาเหนือกว่า นักการเมืองจากพรรคการเมืองอื่นๆ
พรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วม พรรคเล็กที่ต้องการเป็นรัฐบาล : จะมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทน
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม : จะเป็นฝ่ายค้าน ที่มีคะแนน น้อยกว่า 150 เสียง (บวกนิดหน่อย)
l https://c2.staticflickr.com/8/7927/46928525972_9b6a7ab433_b.jpg
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี