สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เปราะบางอย่างยิ่ง ยังคงมีความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ใช้กลวิธีทุกรูปแบบเพื่อแสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์แห่งตนพวกพ้องและบริวาร ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยห่างกันยิ่งขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการ และการบริหารทรัพยากรแผ่นดินขาดความเป็นธรรม ทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศเป็นคนจนซ้ำซาก
ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีบ้านของตัวเอง นุ่งไม่อุ่นกินไม่อิ่มหรือไม่มีกิน แต่มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นโรคติดต่อ
ห้าปีที่ผ่านภายใต้การยึดอำนาจ ที่มีอำนาจพิเศษสภาพการณ์ต่างๆดังกล่าวก็ยังเป็นอย่างนี้ แม้จะมีการเลือกตั้ง ได้ผู้บริหารใหม่ก็ตาม ถ้ายังคงดีแต่พูด ดีแต่โฆษณาอย่างที่ได้ยินได้ฟังกันในขณะนี้ ซึ่งก็เหมือนกับการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม ถ้าไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริง และบริหารแก้ไขให้ถูกจุด สภาพการณ์ต่างๆ ก็จะเข้าอีหรอบเดิม
ขอนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองมาให้ได้ฟังกัน เพราะเป็นแนวทางที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวการณ์ขณะนี้
เป็นพระบรมราโชวาทเมื่อ 18 ก.ค.2517
“...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจชั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่างๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด ดังเห็นได้ที่อารยประเทศกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในเวลานี้
การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และตั้งตัวให้มีความพอกิน พอใช้ ก่อนอื่นเป็นพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงได้ต่อไปโดยแน่นอน ส่วนการถือหลักที่จะส่งเสริมความเจริญให้ค่อยเป็นไปตามลำดับ ด้วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดล้มเหลว และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์...”
นอกจากนี้ยังทรงสอนแนะนำด้วยว่า
“การพัฒนาใดๆต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้เราต้องแนะนำ เราเข้าไปช่วยโดยที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราจะเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริง แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง...”
นั่นคือคำสอนตามพระบรมราโชวาทของ ร.9 ซึ่งใครก็ตามที่มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองจะนำมาเป็นแนวทางในการทำงานแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองและประชาชน ให้เป็นไปอย่างถูกทิศถูกทางแล้ว ย่อมจะได้ประโยชน์อย่างมากในการจัดการกับปัญหา
ยังมีคำสอนตามพระบรมราโชวาทของ ร.9 อีก 2 เรื่อง ที่อยากนำมาให้ผู้มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองได้นำไปปฏิบัติในการทำงานด้วย ซึ่งได้แก่เรื่อง“การมีส่วนร่วม”และเรื่อง “ประโยชน์ส่วนรวม” ดังนี้
การมีส่วนร่วม คือการเปิดโอกาสให้สาธารณชนและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น หรือความต้องการของสาธารณชน ดังความตอนหนึ่งว่า
“...สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาด เพราะการรู้จักรับฟังอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือการระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบความสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง...”
ประโยชน์ส่วนรวม คือทำอะไรให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและมีความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจต่อกันอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
“...คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความมั่นคง ชอบแต่มักง่าย ไม่มีวันจะสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่เป็นประโยชน์อันแท้จริงได้สำเร็จ...”
และอีกตอนหนึ่งว่า
“...ผู้มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ มากกว่าผู้มีความรู้มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ...”
พระบรมราโชวาทของล้นเกล้าฯ ร.9 ดังกล่าวที่อัญเชิญมาดังกล่าวนี้ ขอฝากให้ผู้ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย ก็จะเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ประเทศและประชาชน
โดยเฉพาะคนมีอำนาจหน้าที่อยู่ในขณะนี้ เพื่อนำไปสู่การทำให้ “บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวมีกิน หนี้สินไม่มี” ที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่ยากจนจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี