“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” (สตช.) เป็นองค์กรที่ผู้คนทุกหมู่เหล่าต้องการที่จะเข้ามารับราชการ “อาชีพตำรวจ” บุคคลส่วนใหญ่จะมาทั่วทุกสารทิศเพื่อเข้ามาเป็นตำรวจชั้นประทวนบ้าง นายร้อยตำรวจบ้าง ด้วยการสอบเข้ามา และการสอบเข้ามาไม่ใช่โปร่งใสไปเสียหมด บางกลุ่มเป็นลูกหรือเครือญาตินักธุรกิจใหญ่จะใช้เส้นสายหรือในนามผู้มีอุปการคุณต่อ สตช. ไม่ทราบว่ามาช่วยเหลืออะไรบ้าง
บางคนเป็นลูกหลานอดีตนายตำรวจใหญ่ บางคนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือหลวงพ่อเงินเดินนำหน้าเข้ามา หลายคนที่เป็นลูกหลานอดีตนายตำรวจและนายตำรวจปัจจุบันกำลังรับราชการอยู่ กลุ่มบุคคลเหล่านี้เข้าไปนั่งสอบเหมือนบุคคลอื่นๆ แต่พวกเขาเข้าไปสอบพอเป็นพิธีเท่านั้น แม้ว่าเขาจะทำข้อสอบไม่ได้นั่งเขียนการ์ตูนในข้อสอบที่ได้แจกจ่ายมาก็สอบเข้าได้ เพราะมีรหัสลับที่หัวกระดาษแล้วทุกคนต้องได้ ....
กลุ่มนายร้อยเส้นใหญ่พวกนี้จบมาก็มานั่งจับกลุ่มด้วยการฝากให้ไปช่วยราชการหน้าห้องนายตำรวจผู้บริหาร นายตำรวจเหล่านี้มักจะมีพรสวรรค์ในการพูดสามารถพูดเป่าหูให้กลุ่มของตนเองเข้ามามีบทบาทในสำนักงานนายตำรวจระดับบริหารและพยายามยุยงปลุกปั่นผู้บริหารด้วยความเชี่ยวชาญด้วยการใส่ร้ายตำรวจใน “สำนักงาน” ด้วยข้อหานานัปการเพื่อให้ปรับย้ายนายตำรวจคนเก่าออกไปและนำพรรคพวกของตนเองเข้ามาสอดแทรก .....
ที่สำคัญบรรดาผู้บริหารของ สตช.ส่วนใหญ่มักจะ “หูเบา” ฟังความข้างเดียวไม่มีความคิดในฐานะผู้บริหารเลยว่านายตำรวจที่ถูกใส่ความนั้นเขาจงรักภักดีกับพวกท่านก่อนที่นายตำรวจที่มีพฤติกรรม “ลิ้นกระดาษทรายน้ำลายชะแล็ก” จะเข้ามาเป็นผู้ทรงอำนาจภายใน“สำนักงาน” นายตำรวจส่วนใหญ่มักจะเติบโตมาจากฝ่ายสืบสวน แต่พอได้มียศตำแหน่งใหญ่โตขึ้นมักจะหูเบาเชื่อพวกสอพลอ ย้ายนายตำรวจที่ทำงานร่วมเป็นร่วมตายออกไปหมดและนำพวก “บ่างช่างยุ” เข้ามาทำหน้าที่แทน
ผู้บริหารของ สตช. ก่อนที่จะปลดคนที่มีความจริงใจซื่อสัตย์ต่อท่านออกไป ควรหยุดคิดสักนิดว่า นายตำรวจที่มาใส่ไฟคนของท่านนั้นเขาเป็นอย่างที่ถูกใส่ไฟหรือไม่ เมื่อการบริหารงานใน “สำนักงานตำรวจ” ของท่านยังล้มเหลวท่านจะไปบริหารองค์กรตำรวจให้มีศักยภาพได้อย่างไร ท่านควรใส่ใจบ้างว่านายตำรวจที่อยู่ใกล้ตัวท่านมีความจริงใจแค่ไหน แต่ละคนที่เข้ามาขออยู่ในสำนักงานพกมีดเหน็บหลังมาหรือเปล่า ก่อนที่ท่านจะไล่ตะเพิดนายตำรวจที่เขารับใช้ท่านด้วยความจงรักภักดีและด้วยความจริงใจนั้นเขาถูกวางยาจากนายตำรวจที่ต้องการนำพวกของเขาเข้ามาแทนที่หรือเปล่า ......
ท่านผู้บริหารทั้งหลายภายใน “สำนักงานของท่านมีนายตำรวจที่ชอบนั่งหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” เพื่อให้ท่านไล่คนเก่าแก่ของท่านออกไป
และนำพวกพ้องของเขาเข้ามาแทน ท่านควรคิดให้ดี ไม่ควรเป็น “โรคหูเบา” ให้พวกบ่างช่างยุมาสวมเขาสร้างสถานการณ์นายตำรวจที่รับใช้ใกล้ชิดกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์ถ้าท่านยังเป็นโรคหูเบาอยู่อย่างนี้ไม่มีทางที่ท่านจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ท่านจะต้องนั่งในตำแหน่งเดิมเหมือนที่นายตำรวจหูเบาทั้งหลายที่เกษียณในตำแหน่งเดิมเพราะความหูเบา คนแล้วคนเล่า .....
นายตำรวจผู้บริหารทุกท่านควรสำรวจตนเองบ้างว่าเป็นโรค “หูเบา” บ้างหรือไม่ และควรสำรวจด้วยว่านายตำรวจที่เขาซื่อสัตย์รับใช้ท่านอย่างจริงจังที่ท่านไล่ตะเพิดเขาออกไปแต่ละคนนั้นเขาเคย “ทรยศ” กับพวกท่านหรือเปล่า แต่ถ้าท่านชอบพวก “นั่งหน้าเศร้าเล่าความเท็จ” สมควรแล้วที่ท่านไม่ได้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่เพราะท่านเชื่อพวก “บ่างช่างยุ” !!! อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้สิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย !!!.... สวัสดีครับ....เกลือสมุทร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี