ปัจจุบัน ข่าวคราวครึกโครมที่โด่งดังแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วนั้น มักจะเป็นเรื่องอื้อฉาวที่มีถิ่นกำเนิด หรือมีที่ไปที่มาจากคนดัง หรือบุคคลสาธารณะ ซึ่งเป็นการสะท้อนความอ่อนแอของจริยธรรม สภาวะจิตใจ ที่มักจะโอนอ่อนต่อกิเลส ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้
อย่างเช่นในวงการกีฬาโอลิมปิก ก็เป็นข่าว แพทย์ประจำคณะนักกีฬาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวๆ นักกีฬายิมนาสติก จนถูกจองจำรับโทษอยู่ในคุกตะราง ล่าสุดก็ยังมีเรื่องทีมฮอกกี้น้ำแข็งหญิงของเกาหลีใต้ ถูกโค้ชกระทำการมิดีมิชอบที่ค้างคา
ส่วนวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ก็มีข่าวผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ล่วงละเมิดนักแสดงหญิงไปเป็น 10 ราย หรือไม่ก็นักแสดงชายชื่อดังล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้ชาย
เรื่องที่ใหญ่โตในแวดวงศาสนา ก็คือข่าวที่พระนักบวช (Priest) คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กระทำชำเราเด็กผู้ชายรวมเป็นพันๆ คน โดยปัญหานี้ได้มีการระแคะระคายกันมาตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่มิได้มีการดำเนินการแก้ไขและการลงโทษกันแต่อย่างใด จนสังคมทนไม่ได้ต้องออกมาเรียกร้องบังคับให้มีการรับผิดชอบ โดยล่าสุด สมเด็จพระสันตะปาปาได้ตัดสินใจเรียกประชุมพระระดับบิชอปทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน รวมทั้งเรื่องข่าวสำนักแม่ชีที่ฝรั่งเศสถูกแปลงสภาพให้เป็นแหล่งบำเรอกามให้กับพระนักบวช
นอกจากนั้นก็มีข่าวคราวที่ออสเตรเลีย เกี่ยวกับการใช้ความทารุณโหดร้ายกับเด็กยากจนและกำพร้าที่ถูกส่งมาจากหมู่เกาะราชอาณาจักรอังกฤษ รวมไปถึงการล่วงละเมิดเด็กชาวเผ่าดั้งเดิมตามสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าต่างๆ
กลับมาที่สังคมไทยนั้นก็มิได้ว่างเว้นไปจากข่าวฉาวในลักษณะนี้ สะท้อนให้เกิดความห่วงใยไปถึงแม้กระทั่งวงการศาสนา ไม่ว่าจะเป็นข่าวระหว่างภิกษุสงฆ์กับสตรีเพศ หรือกับเด็กผู้ชาย อีกทั้งในวงการการศึกษานั้น ก็ยังมีข่าวครูพละ ครูประจำชั้น กับเด็กนักเรียน ผู้ดูแลกับเด็กหญิง-ชายในสถานที่ดูแลเด็กกำพร้า สถานพินิจ รวมไปถึงวงการบันเทิงต่างๆ ที่ตื่นตัวกับการแข่งขันความสามารถของเยาวชน ที่ทั้งผู้ปกครอง ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการ และผู้บริหารรายการ และผู้สนับสนุน (สปอนเซอร์) รายการแข่งขัน จะต้องร่วมแรงร่วมใจสอดส่องดูแล และขจัดมารสังคม
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่จริยธรรม (Ethical Question) อ่อนแอ ซึ่งพวกเราต้องตั้งคำถามกับตนเองว่า เหตุใดสังคมจึงอ่อนแอ เหตุใดจึงเกิดความหละหลวมจนเรื่องมิบังควรเกิดขึ้นได้ รวมทั้งใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกัน และแก้ไขกันแน่
ซึ่งคำตอบก็ควรเป็นเรื่องที่สังคมโดยรวมต้องมาร่วมกันรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ข่าวคราวไปได้ทันที รวดเร็ว สามารถทำให้คนจำนวนมากรู้รายละเอียดได้ทันท่วงที แต่จะหยุดแค่ให้รู้อย่างเดียว คงไม่เพียงพอ จะต้องมีการอธิบาย การเสนอแนวทางแก้ไขและปฏิบัติให้กับสังคมได้สามารถดำเนินการได้ทันที
เมื่อมีอะไรไม่ดีงามเกิดขึ้นที่อเมริกาและยุโรป สังคมรับรู้แล้ว สังคมจะมีปฏิกิริยา มีการขับเคลื่อน เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการแก้ไข ขยายกลายเป็นพลังสังคมบีบคั้น (Social Pressure) มีผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่นักการเมือง ผู้บริหารองค์การ และกระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ ต้องลงมาทำการหาทางแก้ไขโดยด่วน เมื่อมีในสังคมไทย
ที่สำคัญคือ สังคมเขาไม่เอาด้วยกับผู้ไร้จริยธรรม หากเป็นนักการเมืองผิดพลาด ก็จะต้องลาออกทันที หากเป็นนักแสดงก็ต้องลงจากเวที แบนตนเองออกจากวงการ หากเป็นนักบวชก็สละสมณเพศ เป็นต้น เพราะเขาต่างไม่สามารถทนอยู่กับแรงบีบคั้นทางสังคมได้ ต้องรับผิดชอบด้วยการสละสถานะทางสังคม แล้วก็เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
องค์กรใดจะทำการปกปิด ปัดเรื่องให้ไปอยู่ใต้พรม (Cover up) ก็ไม่สามารถกระทำได้ ถึงทำได้ ก็ไม่กล้า เพราะพลังสังคมของเขามีความเข้มข้น จริงจัง
ในขณะเดียวกัน สื่อของเขา ก็มิได้เอาแค่เสนอข่าวให้รับรู้ แล้ววิพากษ์วิจารณ์ไปตามเรื่อง แต่สื่อก็เป็นพลังสังคมด้วยในการเจาะลึกค้นหาความจริง แล้วก็ในการขับเคลื่อนให้ความถูกต้องชอบธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เกรงอกเกรงใจ เกรงอำนาจรัฐ เกรงอำนาจเงิน เพราะสื่อมีศักดิ์ศรี มีความเป็นมืออาชีพ
ในทางกลับกัน สังคมไทยเมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวหนึ่งใด ก็มักจะมีท่าทีกันไปว่า เรื่องนี้เป็นของตำรวจ เรื่องนี้เป็นขององค์กรนั้นองค์กรนี้ แทนที่จะคิดอ่านกันว่า เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ยกตัวอย่างเรื่อง คนมาบวชนาคที่วัดซึ่งติดกับโรงเรียนและทำเสียงดัง เลยถูกขอร้องจากผู้อำนวยการโรงเรียนให้ช่วยลดเสียงลง เพราะเป็นโรงเรียนที่กำลังจัดสอบ วิธีตอบสนองคือ ฝ่ายทำบุญบุกเข้าไปพังโรงเรียนและทำร้ายนักเรียน เรื่องนี้นั้นไม่ใช่แค่เป็นเรื่องของตำรวจ สังคมจะต้องมีคำถามต่อว่า แล้วผู้อำนวยการโรงเรียน เจ้าอาวาสวัด รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ศูนย์ดำรงธรรม จะมีจุดยืน และวิสัยทัศน์ที่จะช่วยแก้ปัญหาอย่างไร
เรื่องจริยธรรมนั้นเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ทุกวงการ ทุกชนชั้น ทุกหมู่เหล่า เราโดยองค์รวมต้องมาร่วมกันรับผิดชอบ เพราะสังคมนั้นไม่ว่าจะเจริญทางด้านเทคโนโลยีกันแค่ไหน ก็เดินหน้าไปไม่ได้ หากปราศจากพื้นฐานทางจริยธรรมกำกับ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี