“การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า” สโลแกนนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของคนรุ่นเก่า (แต่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นกับสโลแกนนี้) แล้วก็ต้องบอกว่าในอดีต การบินไทยคือบริษัทของไทยลำดับต้นๆ ที่เป็นบริษัทในฝันของคนจำนวนมาก เพราะการได้ทำงานที่นี่คือความภาคภูมิใจ มีหน้ามีตา มีรายได้ดี และมีสวัสดิการดีเยี่ยม แต่เหตุไฉน บริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศไทยจึงยิ่งดำเนินการไป กลับยิ่งถอยหลังลงคลอง เป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่มีวิสัยทัศน์ ซึ่งหากจะพูดให้ชัดคือไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน หรือเป็นเพราะว่าการบินไทยถูกคนภายนอก (อาจเป็นนักการเมืองจอมฉ้อฉล) เข้าไปบ่อนทำลายสายการบินแห่งชาติ
ล่าสุด นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บอกว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการการบินไทย วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เห็นชอบให้เสนอเรื่องต่อที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 วันที่ 1 เมษายน 2562 อนุมัติให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นโอนทุนสำรองตามกฎหมาย 2,690 ล้านบาท และส่วนล้ำมูลค่าหุ้นวงเงิน 25,500 ล้านบาท ไปตัดตัวเลขขาดทุนสะสม ซึ่งปรากฏอยู่ในงบการเงิน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มูลค่า 28,000 บาทล้าน ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ เมื่อหักลบกันเรียบร้อยแล้วจะทำให้ตัวเลขขาดทุนสะสมทางบัญชีลดลงเหลือ 296 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจหลักการบัญชีอาจจะงง แต่หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการบินไทยกำลังดิ้นอย่างสุดแรงเกิดเพื่อแก้ปัญหาขาดทุน โดยการตัดตัวเลขขาดทุนสะสมออกไป สำหรับตัวเลขขาดทุนสะสมคือ 28,000 ล้านบาท
หลายคนอาจจะถามต่อไปว่า แล้วเงินขาดทุนจำนวนดังกล่าวหายไปได้อย่างไร ตัดการขาดทุนสะสมแล้ว จะทำให้เกิดกำไรกับการบินไทยในอนาคตได้อย่างไร ในเมื่อขาดทุน
ก็คือขาดทุน แล้วอยู่ๆ จะตัดตัวเลขขาดทุนสะสมออก แล้วใครต้องรับผิดชอบกับการทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก แล้วเหตุใดจึงเหลือตัวเลขขาดทุนแค่เพียง 296 ล้านบาท
ทั้งๆ ที่ขาดทุนสะสมตั้ง 28,000 ล้านบาท
ผู้บริหารการบินไทยบอกด้วยว่าบริษัทจะเร่งดำเนินการในสองเรื่องหลัก เพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนและจัดการความเสี่ยงในการดำเนินกิจการของบริษัท และแก้ปัญหางบการเงินได้โดยการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 50 สกุล และการบริหารต้นทุนน้ำมันให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ในสภาวการณ์ที่เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันโลกในตลาดโลก โดยเมื่อจัดการกับปัญหาทั้งสองได้ก็จะทำให้มีงบการเงินดีขึ้นทันที เพราะปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งเกิดมาจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นถึง 9,881 ล้านบาท
เมื่อผู้คนได้เห็นการแก้ตัวของผู้บริหารการบินไทยในเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดคำถามโดยพลันว่า แล้วสายการบินอื่นๆ เขาไม่ต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันแพงหรอกหรือ เพราะทุกสายการบินก็ต้องซื้อน้ำมันเช่นกัน แล้วเหตุสายการบินอื่นจึงไม่ประสบปัญหา ทำไมการบินไทยแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ส่วนในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็เช่นกัน สาธารณชนก็มีคำถามไม่ต่างไปจากเรื่องน้ำมัน ซึ่งสิ่งนี้ผู้บริหารการบินไทยไม่ได้ตอบให้กระจ่าง
ขออภัยเถอะนะ มีผู้ตั้งคำถามว่า ทำไมสายการบิน low costสายหนึ่งของอินโดนีเซีย ซึ่งสั่งซื้อเครื่องบินเป็นร้อยๆ ลำ เขาทำธุรกิจแล้วมีกำไร แล้วเหตุใดสายการบินรุ่นแรกเริ่มซึ่งมีประสบการณ์การบินมากมากกว่าหลายร้อยเท่าอย่างการบินไทยจึงยิ่งบินยิ่งขาดทุน คำถามนี้คือคำถามเดิมๆ ที่สาธารณชนอยากรู้ แต่ไม่เคยมีใครตอบให้กระจ่าง
อยากให้ผู้อ่านพิจารณาข้อมูลนี้ ผลการดำเนินงานของการบินไทยในปี 2561 พบว่าการบินไทยและบริษัทย่อยมีรายได้ 199,500 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้น 7,554 ล้านบาท แต่เมื่อดูค่าใช้จ่าย พบว่าสูงถึง 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาทดังนั้นจึงขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท ซึ่งนายสุเมธอ้างว่าเพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินรุนแรงมาก ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี หากฟังเหตุผลดังกล่าวแล้ว ก็น่าจะหมายความว่าบริษัทสายการบินทุกแห่งในโลกนี้ก็น่าจะประสบปัญหาเดียวกับการบินไทย ใช่หรือไม่ แต่คำถามคือ แล้วทำไมสายการบินอื่นจึงมีกำไร ขอถามซ้ำอีกที เหตุใดการบินไทยจึงขาดทุน ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ทำไมการบินไทยขาดทุน แล้วทำไมสิงคโปร์แอร์ไลน์จึงกำไร เป็นเพราะผู้บริหารสิงคโปร์แอร์ไลน์มีประสิทธิภาพมากกว่าการบินไทย หรือเป็นเพราะว่ากัปตัน ลูกเรือ บุคลากรของสิงคโปร์แอร์ไลน์เก่งกว่าการบินไทย กรุณาตอบให้ชัดเจนด้วย หรือจะตอบว่า อย่าเอาการบินไทยไปเทียบกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ เพราะคนละชั้นกัน กล้าตอบเช่นนี้หรือ
พูดถึงเรื่องการบินไทยขาดทุนแล้ว เราสามารถถกกันได้อีกหลายเดือนต่อเนื่องกัน แต่ยิ่งถกก็จะยิ่งหดหู่ใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ
กลับไปดูประเด็นที่การบินไทยสั่งระงับการบินไปยุโรปและอินเดีย รวมถึงปากีสถานเมื่อสัปดาห์ก่อนกันดีกว่า หลายคนทราบดีว่ามีปัญหาการสู้รบกันระหว่างอินเดียกับปากีสถานในประเด็นแคชเมียร์ แต่คำถามคือทำไมสายการบินอื่นที่บินไปยุโรป โดยเครื่องออกจากประเทศไทย รวมถึงประเทศในแถบใกล้ๆ กับไทยเขาจึงสามารถบินได้ แม้จะต้องเลี่ยงเส้นทางการบิน
แต่เขาก็บินได้ แล้วทำไมการบินไทยไม่บิน ทำไมการบินไทยต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเกือบๆ 600 ล้านบาท ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำไมการบินไทยจึงไม่ขอบินเส้นทางอื่น นี่คือคำถามที่สาธารณชนต้องการทราบ
ผู้เขียนเองไม่มีภูมิความรู้เรื่องการบินมากนัก แม้จะเคยทำงานที่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยมาบ้างก็ตาม แต่ก็ผ่านมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่เท่าที่พอจะสืบหาข้อมูลเรื่องการบินได้บ้าง พบว่าในช่วงที่การบินไทยระงับการบินผ่านน่านฟ้าของอินเดียและปากีสถานนั้น สายการบินอื่นเขายังบินไปยุโรปได้ ในขณะที่หลังจากวันที่ปากีสถานเปิดศึกชั่วคราวกับอินเดีย การบินไทยกลับบินอ้อมโลกไปทางจีน ซึ่งเสียเวลามากขึ้นอีก 2 ชั่วโมง เมื่อบินอ้อมโลก ก็ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายของบริษัท คำถามคือทำไมการบินไทยไม่บิน route ล่าง (คำพูดของนักบินและผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ) ตัวอย่างคือ Austrian Airline เขาเลือกบิน route ล่างจากกรุงเทพฯไปกรุงเวียนนา และจากกรุงเวียนนาไปกรุงเทพฯขอถามย้ำว่าทำไมเขาบินได้ แล้วทำไมการบินไทยไม่ยอมบิน ใครรับผิดชอบเรื่องนี้ ใครรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับการบินไทยที่ตัดสินใจสั่งระงับการบินในช่วงเวลาดังกล่าว คำถามนี้ผู้บริหารการบินไทยตอบได้หรือไม่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้สติปัญญามากจนเกินขนาด เพราะเป็นปัญหาพื้นฐานมาก แต่กลับกลายเป็นว่าการบินไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสั่งระงับการบินไปเกือบ 600 ล้านบาท ขอถามย้ำว่าใครรับผิดชอบ โปรดอย่าอ้างเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพราะในเมื่อสายการบินของยุโรปอีกหลายสายเขาก็บินกันว่อน การที่เขาบินในช่วงเวลาดังกล่าวมิใช่เขาไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยผู้โดยสารและลูกเรือ และทรัพย์สินของบริษัทสายการบิน แต่เพราะเขามีปัญญา เขาสามารถแก้วิกฤตการณ์ได้อย่างเหมาะสมมากกว่าการบินไทย
มีข้อมูลด้วยว่าในวันที่เกิดเหตุวิกฤติ สิงคโปร์แอร์ไลน์ยกเลิกเที่ยวบินเพียงเที่ยวเดียว แต่การบินไทยยกเลิกไปกว่า 20 เที่ยวบิน นี่คือความเป็นมืออาชีพด้านการบิน และด้านการแก้ปัญหาของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่เหนือกว่าการบินไทย
นักบินหลายรายของการบินไทยบอกกับผู้เขียนว่าการบินไทยไม่จำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินไปยุโรปในช่วงดังกล่าว หรือถ้าหากจะยกเลิกจริงๆ ก็น่าจะยกเลิกเพียง 1-2 เที่ยวบินเท่านั้น เพราะการบินไทยสามารถบินเส้นทางการบินอื่นได้ เช่น route ล่าง หรือไม่เช่นนั้นก็บินผ่านน่านฟ้าของอิหร่าน ซึ่งการบินไทยก็บินลงอิหร่านเป็นประจำอยู่แล้ว
ปมประเด็นปัญหาของการบินไทยน่าจะอยู่ที่การไม่มีแผนสำรองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (contingency plan) แต่สายการบินอื่นเขามีแผนสำรองฉุกเฉิน ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุที่ทำให้ไม่สามารถบินผ่านน่านฟ้าที่มีปัญหาได้ เขาจึงมีเส้นทางการบินสำรอง
ขอย้ำว่าประสิทธิภาพการบริหารงานของฝ่ายบริหารระดับสูงในการบินไทยน่าจะยังมีปัญหา และความไร้ประสิทธิภาพนี่เองคือมูลเหตุสำคัญที่ให้การบินไทยไม่พัฒนา และประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซากมายาวนานกว่า 10 ปี ดังนั้นต่อให้ลูกเรือ และบุคลากรของการบินไทยทำงานหนักกว่าเดิมอีกสักกี่ร้อยเท่า แต่ถ้าหากฝ่ายบริหารระดับสูงยังไม่มีประสิทธิภาพ การบินไทยก็คงจะถอยหลังเรื่อยไป และตลอดไป
บอกตรงๆ ครับ สงสารการบินไทย สงสารคนการบินไทย และสงสารประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี